ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ - ตอนที่ 733 ร่วมแรง! ตรวจดีเอ็นเอ (3) / ตอนที่ 734 ร่วมแรง! ตรวจดีเอ็นเอ (4)
- Home
- ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ
- ตอนที่ 733 ร่วมแรง! ตรวจดีเอ็นเอ (3) / ตอนที่ 734 ร่วมแรง! ตรวจดีเอ็นเอ (4)
ตอนที่ 733 ร่วมแรง! ตรวจดีเอ็นเอ (3)
ในใจของหลินจยาอวี่เต็มไปด้วยเสียงทอดถอนใจ ต่อไปตาหนูน้อยคนนี้เป็นลูกชายของเธอจึงอดพูดไม่ได้ “หวังว่าต่อไปฉันจะเป็นแม่ที่ดี แล้วเขาก็จะเป็นลูกที่เชื่อฟัง”
แสงแดดส่องผ่านสะท้อนใบหน้ารูปงามของเขา เขายิ้มที่มุมปากและพูดว่า “เด็กผู้ชายค่อนข้างซน แต่ไม่เป็นไร มีผมคนนี้เป็นพ่อ ผมจะสอนเขาให้ดีๆ ไม่ให้เขาเป็นเด็กเกเรแน่นอน”
หลินจยาอวี่ถามเขา “คุณจะสอนเหรอ คุณจะสอนเขายังไงเหรอคะ”
“ลูกกตัญญูถือกำเนิดใต้ไม้เท้า หากไม่เชื่อฟังก็ตีจนกว่าเขาจะเชื่อฟังนั่นแหละ”
“ตีจริงๆ เหรอ” ไม่ใช่พ่อแท้ๆ สักหน่อย เขาไม่กลัวลูกเกลียดรึไง ต่อไปจะไม่หอมลูกแล้วใช่ไหม
“ขู่เก้าครั้ง หากไม่ฟังจริงๆ ค่อยตี ทำไมถึงจะมีครั้งที่สิบไม่ได้ล่ะ” ลู่เสวี่ยเฉินพูดพลางเอานิ้วแตะปลายจมูกตาหนูน้อยเบาๆ “ลูกพ่อ ต่อไปต้องเป็นเด็กดีเชื่อฟังนะรู้ไหมครับ”
เจ้าหนูน้อยราวกับฟังรู้เรื่อง คิดไม่ถึงว่าจะขมุบขมิบปากให้เบาๆ
หลินจยาอวี่ที่เห็นทั้งหมดแล้วดวงตาเป็นประกายคู่งามยิ้มจนเป็นสระอิ จากนั้นเธอจึงส่งยิ้มหวานแล้วเอ่ยถาม “จริงสิ กานกานล่ะ”
ตอนแรกวันนี้จะเลี้ยงข้าวเธอสักหน่อย แต่สรุปดันให้เธอช่วยเหลือครั้งใหญ่ โชคดีที่มีเธอ ดังนั้นก็เลยปลอดภัยราบรื่นแบบนี้
ลู่เสวี่ยเฉินเอ่ยตอบ “เมื่อกี้เธอเหนื่อยมากๆ ก็เลยกลับบ้านไปพักผ่อนแล้ว”
หลินจยาอวี่พยักหน้า คราวหน้าค่อยเลี้ยงข้าวเธอดีๆ สักมื้อ
บรรยากาศเงียบไปครู่หนึ่ง เธอขยับมือข้างที่มีสายน้ำเกลือแล้วเอ่ยถามอีก “คุณแม่คุณล่ะคะ”
“แม่กลับไปเอาของให้คุณน่ะ แล้วไหนข้าวของของลูกอีก…” ลู่เสวี่ยเฉินเอ่ยตอบแล้วกระเซ้าเย้าแหย่ลูกน้อยที่หลับลึกต่อ
“เรื่องลูก เราบอกความจริงกับแม่คุณดีไหมคะ” คงโกหกต่อไปได้อีกไม่นาน ถึงอย่างไรเหวินซินเหมยก็รู้เรื่องแล้ว จะช้าหรือเร็วต้องมีสักวันที่แม่ลู่ต้องรู้
แทนที่จะรอให้พวกเขาหาหลักฐานเพื่อยืนยันว่าเด็กไม่ใช่ลู่เสวี่ยเฉิน ควรเริ่มบอกทุกอย่างให้พวกเขาฟังเองจะดีกว่า
ลู่เสวี่ยเฉินมองไปที่หลินจยาอวี่แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา “มีอะไรต้องพูดอีก คุณแค่จำไว้ว่าความจริงลูกคือลูกของผมก็พอ ต่อไปพวกเราก็อยู่ด้วยกัน ลูกก็อยู่ด้วยกันกับเราและเขาจะเป็นลูกของผมลู่เสวี่ยเฉินตลอดไป”
หลินจยาอวี่ขำเบาๆ “คุณอย่าทำแบบนี้อีกเลย ลูกก็คลอดมาแล้ว ถ้าพวกเขาต้องการตรวจดีเอ็นเอ ผลตรวจดีเอ็นเอสามารถบอกทุกอย่างได้”
“หรือว่าคุณไม่อยากอยู่กับผม” เขาสารภาพรักไปแล้ว หรือว่าเธอยังไม่เข้าใจความรู้สึกของเขาเหรอ
“คุณกำลังพูดอะไรเนี่ย”
ลู่เสวี่ยเฉินขมวดคิ้วเล็กน้อย นี่เธอคงไม่คิดว่าที่เขาสารภาพรักเธอในห้องคลอดไปนั้นเพียงเพื่อให้กำลังใจเธอหรอกมั้ง
ในขณะที่เขากำลังจะพูด ตาหนูที่อยู่ข้างๆ ก็ดันตื่นซะก่อน สงสัยคงจะหิวจึงเบะปากแล้วจู่ๆ ก็ร้องไห้แบบไม่มีปี่มีขลุ่ย
เสียงร้องไห้จ้า
หลินจยาอวี่ทำอะไรไม่ถูกจึงหันไปมองลู่เสวี่ยเฉินแล้วเอ่ยถาม “ลูกเป็นอะไร”
คุณพ่อคุณแม่มือใหม่เลิ่กลั่กไม่รู้จะทำยังไงจึงกดกระดิ่งเรียกพยาบาล
ไม่นานนักพยาบาลก็เข้ามาแล้วเอ่ยขำ “เด็กคงหิวค่ะ ต้องให้นมเขาแล้วล่ะค่ะ”
เธอพูดพลางย้ายเจ้าหนูน้อยมาใกล้อ้อมอกของเธอแล้วเริ่มสอนหลินจยาอวี่ว่าต้องให้นมลูกอย่างไร
เมื่อเด็กน้อยได้กินนมมารดาก็ไม่ร้องไห้แล้ว หลับตาพริ้มพลางดูดนมอย่างหอมหวาน
ตอนให้นมลูก นอกจากคำแนะนำเรื่องนี้แล้วพยาบาลยังบอกข้อควรระวังบางประการให้หลินจยาอวี่ฟังอีกด้วย
ตอนที่ 734 ร่วมแรง! ตรวจดีเอ็นเอ (4)
ตอนให้นมลูก นอกจากคำแนะนำเรื่องนี้แล้วพยาบาลยังบอกข้อควรระวังบางประการให้หลินจยาอวี่ฟังอีกด้วย
หลินจยาอวี่ตั้งใจฟังทุกกระเบียดนิ้วจดจำทุกอย่างให้ขึ้นใจ ตอนนี้เองที่เธอพบว่าลู่เสวี่ยเฉินที่ยืนขนาบข้างกายก็ตั้งใจฟังเช่นกัน
จู่ๆ หลินจยาอวี่ก็รู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองขึ้นมา
อยากจะหาอะไรมาปิดเต้านมเอาไว้แต่ก็ทำไม่ได้เพราะลูกน้อยกำลังกินนมอยู่ หากหาอะไรมาปิดไว้ลูกต้องโมโหหิวแน่ๆ
หลังจากที่พยาบาลสอนเสร็จแล้วก็ออกไป ขณะนั้นเองลู่เสวี่ยเฉินจึงพบว่าหลินจยาอวี่กำลังหน้าแดงก่ำซะแล้ว
เขามองลูกแวบหนึ่งก็เข้าใจในทันทีว่าหลินจยาอวี่อายอะไร เขาก็อายบ้างเหมือนกันจึงหันหน้าไปทางหน้าต่างด้วยหูที่แดงเล็กน้อย
ในห้องผู้ป่วยเงียบสงบ จนกระทั่งลูกน้อยกินอิ่มลู่เสวี่ยเฉินจึงหันกลับมาใหม่เพื่ออุ้มลูกให้มานอนดีๆ
หลินจยาอวี่เขินอายมาก ไม่รู้จะสู้หน้าลู่เสวี่ยเฉินยังไงจึงหลับตาอย่าขัดเขินแล้วเอาผ้าห่มคลุมศีรษะ
ลู่เสวี่ยเฉินเอ่ยถาม “ถ้าคุณง่วงแล้วนอนอีกสักหน่อยไหม”
หลินจยาอวี่ตอบอ้อคำเดียวด้วยเสียงเรียบนิ่ง
ง่วงอะไรกัน เห็นได้ชัดว่าอยากหนีมากกว่า ลู่เสวี่ยเฉินหันมามองแล้วเอ่ยหยอกล้อ “แต่ว่าลูกกำลังมองคุณอยู่นะ”
หลินจยาอวี่ลืมตาขึ้น แต่พอหันไปมองก็พบว่าลูกกำลังนอนหลับฝันหวานหลังจากกินอิ่มแล้ว
เธอก็เข้าใจทันทีว่าลู่เสวี่ยเฉินแกล้งเธอ เธอจึงมองค้อนลู่เสวี่ยเฉิน “คุณหลอกฉันทำไม”
ลู่เสวี่ยเฉินนั่งลงเก้าอี้ข้างเตียง “ผมต้องการพูดต่อในหัวข้อที่เรายังคุยกันไม่เสร็จก่อนหน้านี้”
แววตาของหลินจยาอวี่เรียบนิ่ง มีอะไรต้องคุยอีก พึ่งจะคลอดลูกมา ไม่รู้หรือว่าต้องการพักผ่อน
ในขณะที่กำลังจะโวยวายกลับไป ทันใดนั้นก็เห็นว่าชายหนุ่มขึ้นคร่อมเธอเอาไว้
หลินจยาอวี่เบิกตากว้างทันทีแล้วมองเขาอย่างตกใจ “คุณ…”
ทั้งสองห่างกันเพียงนิดเดียว เธอรู้สึกถึงลมหายใจของเขาที่รดแก้มของเธอ
หัวใจก็เหมือนกับการโยนหินลงไปในทะเลสาบทำให้เกิดคลื่นกระเพื่อม
ใบหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดงอย่างไม่สามารถควบคุมได้อีกครั้งและเธอก็ระมัดระวังลูกที่กำลังนอนหลับอยู่ข้างๆ เธอยังคงไม่เคลื่อนไหวและทำได้เพียงลืมตาขึ้นเพื่อมองลู่เสวี่ยเฉิน “คุณทำแบบนี้แล้วฉันจะพักผ่อนได้ยังไง”
สีหน้าเธอตอนนี้คงดูไม่ได้แน่ๆ ผู้หญิงที่พึ่งคลอดลูกจะดูดีได้ยังไง แถมยังไม่ได้แปรงฟันด้วยต่างหาก สภาพต้องโทรมมากดูไม่ได้แน่ๆ
แล้วเขาจะมองอย่างละเอียดเพื่ออะไร
หลินจยาอวี่ไม่เป็นตัวของตัวเองแล้วอยากผลักชายหนุ่มด้านบนไปให้พ้นๆ
ชายหนุ่มกุมมือเธอเอาไว้ นิ้วมืออีกข้างลูบผมที่ข้างหน้าผากของเธอแผ่วเบาและค่อยๆ ขยับร่างลงมา
หัวใจเต้นโครมคราม หลินจยาอวี่ขยับปากอยากพูด แต่เขากลับโน้มลงมาประกบริมฝีปากแผ่วเบา
ตึก! ตัก! ตึก! ตัก! หัวใจเต้นอย่างรุนแรงราวกับถูกจับไว้ด้วยฝ่ามือที่ลุกไหม้ร่างกายและถูกปกคลุมไปด้วยความรู้สึกที่แผดเผาทำให้หลินจยาอวี่รู้สึกหน้ามืดตามัว
เธอเบิกตาโตมองระหว่างคิ้วของชายหนุ่มตรงหน้า มือที่วางข้างเตียงจิกผ้าปูที่นอนแน่นอย่างควบคุมไม่ได้
จูบที่แผ่วเบาไม่ได้ลึกซึ้งอะไรแต่กลับได้รสชาติเกี่ยวกระวัดรัดรึง เมื่อดวงตาของลู่เสวี่ยเฉินมองเห็นหลินจยาอวี่ที่ไม่สามารถหายใจได้แล้วจึงค่อยๆ ผละเธอออกแผ่วเบา
จากนั้นเขาจึงนั่งลงข้างๆ แล้วเอ่ยเสียงเบา “ที่ผมพูดเป็นเรื่องจริงทั้งหมด หลินจยาอวี่ ผมรักคุณ”
มือที่วางข้างกายจิกผ้าปูที่นอนแน่น หลินจยาอวี่เบิกตาโต หลังจากจ้องลู่เสวี่ยเฉินสักพักเธอก็ได้สติกลับคืนก่อนจะถามจริงจัง “คุณรักฟังจือหันไม่ใช่เหรอ”
“ตอนนี้ผมรักคุณครับ” ลู่เสวี่ยเฉินพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน น้ำเสียงแหบพร่าดูเซ็กซี่น่าหลงใหล