ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ - ตอนที่ 747 ร่วมใจ! ตรวจดีเอ็นเอ (7) / ตอนที่ 748 ร่วมใจ! ตรวจดีเอ็นเอ (8)
- Home
- ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ
- ตอนที่ 747 ร่วมใจ! ตรวจดีเอ็นเอ (7) / ตอนที่ 748 ร่วมใจ! ตรวจดีเอ็นเอ (8)
ตอนที่ 747 ร่วมใจ! ตรวจดีเอ็นเอ (7)
อันที่จริงเธอไม่จำเป็นต้องให้บอดี้การ์ดผู้หญิงมาตามประกบตลอดเวลาอีก เธอไม่ชินสักทีและหลายครั้งก็รู้สึกแปลก
ฟังจือหันเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยเสียงแผ่วเบา “ผมให้ค่าจ้างเธอเป็นรายปี ถ้าไม่ให้ตามคุณแล้ว ก็ไม่คุ้มเงินค่าจ้างน่ะสิ”
“เธอน่าจะไปทำงานที่บริษัทคุณได้นะคะ”
“สิ้นเปลืองเปล่าๆ”
“ฮะ?”
“เอาแบบนี้ไปก่อนนะ” ฟังจือหันตัดสินใจเองปุบปับไม่ให้อวี๋กานกานได้มีโอกาสแสดงความคิดเห็น
แน่นอนว่าอวี๋กานกานก็ไม่ได้นึกโกรธ เห็นได้ชัดว่าที่ฟังจือหันทำไปก็เพื่อหาคนมาคุ้มครองเธอ หนทางในอนาคตยังอีกยาวไกล เธอต้องชินกับความเผด็จการเอาแต่ใจของผู้ชายคนนี้ให้ได้แล้วก็ต้องให้ผู้ชายคนนี้ชินกับวิถีการดำเนินชีวิตและทัศนคติของเธอให้ได้เหมือนกัน
อีกอย่างเธอก็พอจะรู้ถึงเหตุผลที่เขายืนกรานมาบ้าง
พวกเขาเคยเจอเหตุการณ์ถูกลักพาตัว จนถึงตอนนี้ยังตรวจสอบเบื้องลึกเบื้องหลังไม่ได้ พวกเขาไม่อาจปรักปรำว่าจูอวี้ลู่เป็นผู้บงการถึงแม้ว่าเธอจะเป็นผู้ที่ได้รับผลประโยชน์มากที่สุดในตอนนั้น
ตอนนี้กู้เชินต้องการหย่ากับเธอ หากตอนนั้นเป็นเธอจริงๆ ล่ะก็ ตอนนี้เพื่อรักษากู้เชินเอาไว้ก้มีโอกาสมากที่เธอจะทำมันอีกครั้ง
กู้เนี่ยน
น้องชายต่างมารดาของเธอ ช่วงนี้แวะเวียนมาหาเธอหลายต่อหลายครั้ง
ในวันนั้นที่หลินจยาอวี่คลอดลูก หลังจากที่เธอช่วยฝังเข็มให้ก็เหนื่อยล้าไปหมดและเมื่อกลับมาดึกมากแล้วแต่ก็พอรู้สึกตัวว่ามีคนกำลังสะกดรอยตามเธออยู่
กู้เนี่ยนถูกเธอจับได้ แต่คราวนี้กลับไม่ได้มาสร้างความเดือดร้อนให้เธอ
เธอเอ่ยถามเขาด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง “นายสะกดรอยตามฉันทำไม”
เขาพูดด้วยน้ำเสียงกระอึกกระอัก “ใครตามเธอ ถนนเส้นนี้เป็นของเธอคนเดียวรึไง ฉันจะไปร้านสะดวกซื้อข้างหน้า…”
ดูเหมือนว่าข้างหน้าจะไม่มีร้านสะดวกซื้อเลยสักร้าน อวี๋กานกานจึงหัวเราะให้เบาๆ “นายแน่ใจนะว่าข้างหน้ามีร้านสะดวกซื่อ”
เขาชะงักไปเล็กน้อย เพราะเขายังเด็กเกินไปยังไม่รู้วิธีการเก็บซ่อนอารมณ์ที่แท้จริงของตัวเอง เขารู้สึกอับอายจนโมโหแล้วตะโกนใส่อวี๋กานกาน “ฉันจะไปไหนเธอยุ่งอะไรด้วย เธอเป็นผู้หญิงมาเดินอะไรบนถนนดึกๆ ดื่นๆ”
ทิ้งประโยคนี้ไว้แล้วเขาก็วิ่งหนีโดยไม่หันกลับมามอง
อวี๋กานกานมารู้สึกได้ทีหลังถึงจะเข้าใจ ที่แท้คราวนี้ที่น้องชายต่างมารดาของเขามาสะกดรอยตามก็เพราะเป็นห่วงเธอนี่เอง
อันที่จริงเขาก็เป็นเพียงเด็กหนุ่มที่มีจิตใจใสซื่อ
โชคดีที่หลายปีมานี้กู้เชินได้แยกเขาไปไม่ให้เขาได้ใช้ชีวิตกับจูอวี้ลู่ พอได้ลองคลุกคลีสัมผัสไม่กี่ครั้งก็คิดว่าที่จริงเขาเป็นเด็กนิสัยดี ตอนที่ด่าเธอนอกจากคำว่าผู้หญิงนิสัยไม่ดีก็ไม่มีคำด่าอื่นๆ อีกแล้ว
จะว่าไปน้องชายคนนี้ของเธอก็น่าสงสารเหมือนกัน
จูอวี้ลู่คลอดเขาก็เพื่อแต่งงานกับกู้เชินแล้วดูเหมือนเธอจะไม่ค่อยใส่ใจเขาเท่าที่ควร ไม่งั้นก็คงไม่เรียกเขากลับมาจากต่างประเทศ
ผู้ใหญ่จะหย่ากันหรือไม่ เด็กแค่อายุสิบกว่าปีจะสามารถแก้ไขอะไรได้อย่างนั้นเหรอ
เรีนกเขากลับมาเพื่อไม่ให้กู้เชินหย่าแล้วกู้เชินจะไม่ยอมหย่าได้จริงหรือ
ต่อให้กู้เชินทำเพื่อกู้เนี่ยนแล้วยังไม่หย่าในตอนนี้ แต่ทว่าการแต่งงานที่มีก็เหมือนไม่มียังจำเป็นจริงๆ อีกหรือ
จูอวี้ลู่เป็นผู้หญิงที่ฉลาดมากคนหนึ่ง ในใจของเธอคงจะเข้าใจชัดเจนเป็นอย่างดี
แต่เธอก็ยังดื้อด้านให้กู้เนี่ยนกลับมา ให้เด็กคนหนึ่งที่อายุพึ่งจะสิบห้าปีอย่างกู้เนี่ยนต้องทิ้งการเรียนแล้วเอาความกดดันทุกอย่างทิ้งให้กู้เนี่ยนแบกรับมันเอาไว้
ดูเหมือนว่าเขาเกิดมาเพียงเพื่อผูกมัดกู้เชินเอาไว้
พอเขาเกิดมากู้เชินยังตั้งชื่อให้เขาว่ากู้เนี่ยน ซึ่งคำว่าเนี่ยนหรือแปลว่าคิดถึงหมายถึงตัวเธอ หมายถึง “กู้เหยียนอวี๋”
ครั้งก่อนที่เจอกันเห็นได้ชัดว่าเขาผอมลงไปมาก ดูไม่มีสง่าราศีเหมือนกับตอนเจอกันครั้งแรก
บางทีเธอควรจะไปพบหัวหน้าครอบครัวอย่างกู้เชินเพื่อพูดคุยกันดีๆ สักครั้ง
ปัญหาของผู้ใหญ่ไม่ควรลากเด็กเข้ามาทุกข์ทรมานไปด้วย
ตอนที่ 748 ร่วมใจ! ตรวจดีเอ็นเอ (8)
อวี๋กานกานนัดกู้เชินทานมื้อค่ำวางแผนหลังเลิกงานแล้วค่อยไป
ในขณะที่เธอถอดเสื้อกาวน์แล้วหยิบกระเป๋ากำลังจะออกไป แต่มีคนดันเปิดประตูห้องตรวจของเธอเข้ามาเสียก่อน เป็นจางอี๋เสวี่ยที่ประคองหลิงนีเข้ามา
ใบหน้าของหลิงนีขาวซีดและขมวดคิ้วมุ่น โดยมีจางอี๋เสวี่ยประคองนั่งลงเก้าอี้จากนั้นฟุบลงกับโต๊ะหลับตาดูท่าทางอดทนเอาไว้
อวี๋กานกานมองหลิงนีครู่หนึ่งก่อนจะหันไปมองจางอี๋เสวี่ย
จางอี๋เสวี่ยกระแอมหนึ่งเสียงดูเหมือนจะมีความกระอักกระอ่วนบ้างแถมยังลูบต้นคออย่างเก้กัง “เธอเลิกงานแล้วเหรอ”
“สงสัยตอนนี้ฉันคงเลิกงานไม่ได้แล้วล่ะ” อวี๋กานกานนั่งลงบนเก้าอี้มองหลิงนีแล้วเอ่ยถาม “คุณเป็นอะไรคะ”
หลิงนียังคงฟุบหน้าบนโต๊ะ เพียงแต่ยื่นแขนออกมาให้อวี๋กานกานตรวจ “เธอเป็นหมอเทวดาไม่ใช่เหรอ งั้นเธอตรวจดูให้หน่อยว่าเป็นอะไร”
อวี๋กานกานเอ่ยเสียงเย็นเรียบนิ่ง “ฉันไม่ใช่หมอเทวดาหรอกค่ะ คุณรีบออกไปหาหมอเทวดาข้างนอกเถอะค่ะ”
หลิงนีสะอึก เธอกุมท้องก้มตัวนั่งตัวตรงก่อนจะตำหนิด้วยดวงตาแดงก่ำ “อวี๋กานกาน เธอแกล้งฉัน”
อวี๋กานกานร้องไห้ไม่ออกหัวเราะไม่ได้แล้วชี้มาที่ตัวเอง “ฉันแกล้งคุณเหรอคะ…”
“ใช่น่ะสิ เธอแกล้งฉัน ฉันปวดท้องจะตายอยู่แล้ว เธอยังจะไล่ฉันไปอีก คราวก่อนเธอไม่ได้พูดแบบนี้นี่นา เธอบอกชัดแล้วว่ามีหนทางรักษา” หลิงนีพูดพลางร้องไห้ขี้มูกโป่ง ใบหน้าขาวซีดมีน้ำตาคลอหน่วย จากนั้นจึงฟุบลงไปบนโต๊ะแล้วยังส่งเสียงร้องทรมานเบาๆ
“อวี๋กานกาน เธอดูสิหลิงนีอาการหนักขนาดนี้แล้ว เธออย่ามัวลีลาเลย รีบตรวจให้หลิงนีเถอะ เธอเป็นถึงหลานสาวทูนหัวของคุณปู่ฟาง ต่อไปก็จะเป็นถึงน้องสะใภ้ของเธอเชียวนะ” จางอี๋เสวี่ยยืนบ่นอยู่ข้างๆ
อวี๋กานกานแตะหน้าผากโดยไม่พูดอะไร
ถ้าหลิงนีไม่เอ่ยถึงหมอเทวดาอะไรนั่นแล้วเธอจะใช้ให้หลิงนีออกไปหาหมอเทวดาข้างนอกทำไม
ช่างเถอะๆ คิดเสียว่าเธอมาในฐานะคนไข้ก็จะไม่ถือสาก็แล้วกัน
อวี๋กานกานเอ่ยถาม “ปวดประจำเดือนเหรอ”
จางอี๋เสวี่ยพยักหน้าพัลวัน “ใช่ แล้วตอนนี้เธอยังปวดมากกว่าที่ผ่านมาอีก คราวก่อนเธอบอกว่ามีวิธีไม่ใช่เหรอ เธอช่วยรีบรักษาให้หน่อยนะ”
หลังจากอวี๋กานกานตรวจชีพจรแล้วก็เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้านิ่งขรึม “ปวดกว่าครั้งก่อน ทั้งหมดนี้เป็นเพราะรู้ว่ามีปัญหานี้อยู่แล้ว แต่ไม่รู้ข้อห้ามและการพักฟื้น ถ้าฉันจำไม่ผิดช่วงนี้คุณมักออกข้างนอกไปดื่มที่บาร์ทุกวันและนอนดึกใช่ไหม”
จางอี๋เสวี่ยลอบมองหลิงนีจากนั้นจึงพยักหน้าเบาๆ
หลิงนีสะอื้นก่อนจะเอ่ยขึ้น “นั่นมันเป็นเพราะเธอไง เธอแย่งพี่หานไปจากฉันแล้วยังไม่ให้ฉันไปดื่มเหล้าย้อมใจอีกเหรอ”
“อย่าหาข้ออ้างให้ตัวเองเลยค่ะ ฉันว่าคุณคงอยากไปเที่ยวเองมากกว่า” อวี๋กานกานชี้นิ้วไปที่หลังม่านในห้องตรวจ “เอาล่ะ คุณไปนอนข้างในนั้นนะคะ”
“นอนทำไมเหรอ” จางอี๋เสวี่ยเอ่ยถามเสียงเบา
“แล้วคุณมาทำอะไรล่ะคะ” อวี๋กานกานถามขำๆ
“อ๋อ” จางอี๋เสวี่ยนึกขึ้นได้จึงรีบพยุงหนิงนีไปที่หลังม่านกั้นนั้นแล้วนอนลงบนเตียงคนไข้ที่อยู่ด้านใน
หลิงนีนอนงอตัวบนเตียง “แค่จัดยาให้ก็ได้แล้วไม่ใช่เหรอ”
อวี๋กานกานวางกระเป๋ายาบนรถเข็นแล้วเข็นเข้าไปด้านใน จากนั้นเปิดกระเป๋าเข็มออกมา “ตอนนี้คุณปวดมากขนาดนี้แล้ว ทานยาอะไรก็เอาไม่อยู่หรอกค่ะ”
จางอี๋เสวี่ยกวาดตามองไปที่รถเข็นอย่างสนใจจากนั้นจึงเอ่ยถาม “แล้วนั่น นี่ต้องฝังเข็มด้วยเหรอ จะเจ็บหรือเปล่าน่ะ”
หลิงนีตะลีตะลานตอบ “ไม่เอานะ ฉันกลัวเจ็บ”