ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ - ตอนที่ 791 ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ (11) / ตอนที่ 792 ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ (12)
- Home
- ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ
- ตอนที่ 791 ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ (11) / ตอนที่ 792 ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ (12)
ตอนที่ 791 ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ (11)
กู้เนี่ยนที่ถูกขู่เบิกตาอ้าปากค้าง “…”
กู้เนี่ยนเขม่นมองเงาหลังของอวี๋กานกานที่กำลังโทรศัพท์อยู่ภายในห้องรับแขก ถือมีดกวัดแกว่งกลางอากาศ “เป็นผู้หญิงรึเปล่า มีผู้หญิงที่ไหนใช้ผู้ชายเข้าครัว อย่าเรียกว่าอวี๋กานกานเลย อย่างนี้ต้องเรียกอวี๋ปาผี”
พูดยังไม่ทันขาดคำ เสียงของอวี่กานกานก็ดังเข้ามาในห้องครัว “ทำเยอะๆ หน่อยนะ เดี๋ยวพี่เขยนายจะมา”
กู้เนี่ยนถือมีดแล้วสับๆๆๆๆ บนเขียงแววตาส่องแสงแห่งความโกรธวาววับ
มากไปแล้ว!
นี่มันชักจะมากเกินไปแล้ว1
ผัวเมียคู่นี้ต้องเป็นผีเน่ากับโลงผุแน่ๆ
เดี๋ยวนะ ผัวเมียอะไรเล่า ยังไม่ได้แต่งงานกันเลยนี่นา
พี่สาวต่างมารดาคนนี้ของเขาหน้าหนาจริงๆ ยังไม่ทันได้แต่งงานก็ให้เขาเรียกพี่เขยแล้ว หนังหน้าหนาจนอุลตร้าแมนยังกัดไม่เข้า
แม้กู้เนี่ยนอายุพึ่งจะสิบปี แต่เขาก็เติบโตที่เมืองนอก บางครั้งคุณป้าก็ให้เขาทำกับข้าวกินเองบ้าง แต่เขาทำเป็นแต่พวกอาหารฝรั่ง
ผ่านไปครึ่งชั่วโมง สเต๊กเนื้อสามชิ้นก็ย่างจนเสร็จนำมาวางบนโต๊ะพร้อมกับสปาเก็ตตี้ซอสเนื้อและสลัดผลไม้
อวี๋กานกานชิมดูแล้วรสชาติไม่เลว คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าน้องชายต่างมารดาคนนี้มีพรสวรรค์ด้านเข้าครัวไม่เลวเลย
อย่างไรก็ตามเธอก็ไม่ใช่คนที่ย่างเนื้อสเต๊กเป็น ไม่สุกเกินไปก็ยังแรร์เกินไป พอย่างเร็วเกินไปก็ไม่สุกอีก
ทันใดนั้นเสียงออดประตูก็ดังขึ้น อวี๋กานกานกินไปพลางออกคำสั่งกับกู้เนี่ยน “พี่เขยนายมาแล้ว รีบไปเปิดประตูสิ”
กู้เนี่ยนจ้องอวี๋กานกานอย่างหงุดหงิดแล้ววิ่งไปเปิดประตูอย่างไม่เต็มใจ
มองดูชายหนุ่มรูปงามในชุดสูทและรองเท้าหนังที่ยืนอยู่ข้างนอก เขาละสายตาไปชั่วขณะ เดินตรงไปที่โต๊ะอาหารแล้วนั่งลง และกินส่วนของเขาอย่างเงียบๆ
อวี๋กานกานกวักมือเรียกฟังจือหัน “รีบมาเร็วค่ะ” จากนั้นจึงลากเก้าอี้ตัวข้างๆ
ฟังจือหันเดินมาอยู่ข้างๆ แล้วเอ่ยถาม “คุณทำเองเหรอ”
“ฉันจะทำเป็นได้ยังไง เสี่ยวเนี่ยนเป็นคนทำต่างหาก ดูไม่ออกเลยว่าจะเป็นเด็กหนุ่ม…ที่มีพรสวรรค์มาก” จู่ๆ อวี๋กานกานก็ชมเปราะ กู้เนี่ยนจึงรู้สึกเขินหน้าร้อนขึ้นมาแปลกๆ งุดหน้าจนหน้าแทบจะแนบติดกับจานอาหารบนโต๊ะแล้ว
ฟังจือหันมีสีหน้าเรียบนิ่ง เขาล้างมือแล้วมานั่งลงเก้าอี้
อวี๋กานกานรีบใช้ส้อมจิ้มเนื้อชิ้นเล็กๆ แล้วยื่นมาที่ริมฝีปากของฟังจือหัน “คุณชิมดูสิคะ”
ฟังจือหันงับเข้าปากแล้วค่อยๆ เคี้ยว
อวี๋กานกานยกยิ้มตลอดเวลาในขณะที่กำลังจ้องมองเขาแล้วเอ่ยถาม “อร่อยไหมคะ”
แววตาของหญิงสาวทำให้หัวใจของฟังจือหันอ่อนยวบ จึงอดเข้าไปกระซิบข้างหูเธอไม่ได้ “อร่อยไม่เท่าคุณหรอก”
พรวด! อวี๋กานกานเกือบสำลัก ไม่ได้มีกันแค่พวกเขาสองคนสักหน่อย ทำไมเขาถึงพูดจาหน้าไม่อายแบบนี้
เธอเงยหน้ามองกู้เนี่ยนที่อยู่ตรงข้าม ยังคมกินของตัวเองเงียบๆ เธอคิดว่ากูเนี่ยนยังเด็กคงฟังไม่รู้เรื่อง
อวี๋กานกานจับส้อมของตนเองขึ้นมาแล้วยื่นมือฟังจือหัน แล้วเปลี่ยนประเด็นโดยไม่ให้เป็นที่ผิดสังเกต “รีบกินซะ เย็นแล้วจะไม่อร่อยนะคะ”
เมื่อเทียบกับความอับอายของเธอ ฟังจือหันเป็นคนตรงไปตรงมา เกาจมูกของเธออย่างเขินอายก่อนจะหยิบส้อม
กู้เนี่ยนเหลือบมองพวกเขาด้วยความหมั่นไส้
พี่สาวต่างมารดาของเก่านี่เอาใจเก่งจริงๆ ทั้งๆ ที่ฟังจือหันพูดจาอันธพาลขนาดนั้น
เมื่อเห็นคนเข้มงวดและตรงไปตรงมา เขาก็ไม่อยากเป็นพวกอันธพาลเลย
สายตาของพี่สาวคนนี้นี่มันยังไงกัน หาผู้ชายทั้งทีไม่หาให้ดีกลับไปคว้าเอาฟังจือหันนี่
ฟังจือหันคนนี้มองแวบเดียวก็รู้ว่าไม่ใช่ผู้ชายที่คู่ควรกับพี่สาวเขา
เมื่อตระหนักถึงสายตาของกู้เนี่ยน ฟังจือหันก็กวาดตาไปทางเขาอย่างเงียบๆ
เมื่อสบตาฟังจือหันเข้า กู้เนี่ยนก็รีบเบนสายตาหนี…
ตอนที่ 792 ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ (12)
เมื่อกู้เนี่ยนเป็นคนทำกับข้าว ดังนั้นหน้าที่ล้างจานจึงตกเป็นของอวี๋กานกานแต่โดยดี
กู้เนี่ยนไม่นั่งในห้องนั่งเล่นเพื่อเผชิญหน้ากับอวี๋กานกานที่มีบรรยากาศเย็นเยือกและกดดัน
เมื่ออวี๋กานกานล้างจานเสร็จ เขาเช็ดจานด้วยผ้าสะอาดแล้วใส่ลงในตู้ฆ่าเชื้อข้างๆ เขา
“ผมว่า…สายตาพี่ค่อนข้างแย่นิดนึง”
ประโยคที่ฉับพลันและอธิบายไม่ได้นี้ทำให้ อวี๋กานกานตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงมองมาที่เขาอย่างสับสน “นายพูดว่าอะไรนะ”
กู้เนี่ยนทำสีหน้าไร้อารมณ์แล้วย้ำอีกครั้งด้วยท่าทางคูลๆ “ผมบอกว่าพี่สายตาแย่ สายตาที่เลือกผู้ชายแย่จริงๆ ผู้ชายมีตั้งมากมาย เลือกใครไม่เลือกมาเลือกฟังจือหัน พี่รู้หรือเปล่าว่าเขาเป็นคนยังไง”
อวี๋กานกานเลิกคิ้วแล้วตอบกลับอย่างน่าสนใจ “งั้นการมองคนของนายมันดีนักเหรอ”
กู้เนี่ยนตอบ “ยังไงก็ดีกว่าพี่ก็แล้วกัน ผมจะบอกพี่ให้นะ หาผู้ชายอย่ามองแค่รูปลักษณ์ภายนอก ผู้ชายบางคนภายนอกดูดีแต่ไม่มีประโยชน์ บางคนก็มีเลศนัยอีก”
เด็กตูดหมึกคุยเรื่องมีเลศนัยกับเธองั้นเหรอ อวี๋กานกานหลุดขำ “รอนายทันเล่ห์เหลี่ยมฟังจือหันได้เมื่อไหร่แล้วค่อยมาคุยกับพี่เรื่องความสำคัญของเลศนัยที่นายว่านี้”
“ฟังหูไว้หู ตอนนี้พี่ถูกความรักครอบงำอยู่” น้ำเสียงของกู้เนี่ยนแง่งอนเล็กน้อย แล้วเอ่ยต่ออย่างหนักแน่น “โดยทั่วไปคนที่ตกหลุมรักมักจะเสียสติ พี่อย่าคิดว่าตอนนี้ฟังจือหันดีกับพี่แล้วอนาคตเขาจะดีกับพี่เหมือนเดิม ก่อนหน้านี้พ่อเคยบอกว่าฟังจือหันเป็นผู้ชายที่ฉลาดที่สุดเท่าที่พ่อเคยเจอ พี่อยู่กับเขาพี่รับมือกับเขาไม่ได้แน่นอน”
“มีประโยคหนึ่งที่จริงมาก ฟังจือหันฉลาดมากจริงๆ ถ้านายมีไอคิวได้ครึ่งหนึ่งของเขา บางทีอาจจะไม่มาปวดหัวเรื่องพ่อแม่หย่ากันอยู่ที่นี่หรือนายจะไปเรียนหนังสือต่อที่ไหนก็ได้”
กู้เนี่ยนเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน “ในใจพี่ไม่มีผู้ชายคนไหนเทียบฟังจือหันได้แล้วใช่ไหม”
“นั่นก็ไม่ใช่ซะทีเดียว ในใจของพี่ยังมีอีกคนที่เก่งกว่าเขา”
“ใครครับ”
“คุณปู่”
“คุณปู่เหรอ” แน่นอนว่าคนที่กู้เนี่ยนคิดถึงคือปู่แท้ๆ ของพวกเขา แต่เขาไม่เคยเห็นคุณปู่ตั้งแต่เด็ก เคยเห็นเพียงแค่คุณย่าเท่านั้น
อวี๋กานกานรู้ว่าเขาเข้าใจผิดแล้วจึงอธิบาย “นั่นคือคุณปู่ที่เลี้ยงพี่จนโตแล้วสอนวิชาแพทย์ให้พี่น่ะ”
มือของกู้เนี่ยนที่กำลังเช็ดจานหยุดชะงัก
ตอนนั้นที่เธอหายออกจากบ้านไปตอนอายุแปดขวบ ถูกคุณปู่คนหนึ่งเก็บมาเลี้ยง ไม่รู้ว่าเธอผ่านความยากลำบากมาแค่ไหน
พอคิดเช่นนี้จู่ๆ ก็เหมือนมีก้อนหินหนักๆ มาทับหัวใจ แม้เข้าจะอยู่ต่างประเทศแต่เขาก็มีกินมีใช้อย่างสุขสบายแล้วพ่อก็ยังไปเยี่ยมบ่อยๆ อีกต่างหาก
แต่พี่กลับไม่เหมือนกัน…
แม้แม่และพี่สาวอีกคนของเขาตอนพูดถึงเธอจะเต็มไปด้วยความโกรธโมโห แล้วยังเอาความผิดทุกอย่างไปทาลงที่เธอ แต่เขารู้ดีว่าที่พ่อต้องการหย่ากับแม่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับเธอ
“พี่…เมื่อก่อนพี่ลำบากมากไหมครับ” กู้เนี่ยนถามเสียงเบา
อวี๋กานกานยิ้มจางๆ “ไม่ลำบากหรอก คุณปู่ดีกับพี่ รักและเมตตาพี่มาก มีอะไรก็ยกให้พี่หมด แล้วยังมีอาจารย์เหม่ยเหรินด้วย ดังนั้นชีวิตของพี่จึงมีความสุขมาก”
เมื่อได้ยินว่าเธอมีความสุข กู้เนี่ยนก็รู้สึกหน่วงในใจ
ต่อให้รักและเอ็นดูมากแค่ไหนก็ไม่ใช่พ่อแม่ผู้ให้กำเนิดอยู่ดี ตั้งแต่เล็กจนโตมีใครที่ไม่ต้องการความรักของพ่อแม่บ้างล่ะ
อวี๋กานกานเหลือบมองไปที่ความรู้สึกผิดและความทุกข์บนใบหน้ากู้เนี่ยนจึงหัวเราะเบาๆ “พี่ว่านาย
คงอยากร้องไห้ใช่ไหมล่ะ”
เมื่อถูกเธอล้อแบบนี้ กู้เนี่ยนก็หมดอารมณ์ “…”
“ถ้าชอบห้องครัวขนาดนี้” อวี๋กานกานพูดพลางแย่งผ้าขนหนูที่เช็ดจานมาเช็ดมือ จากนั้นยัดผ้าคืนกลับใส่มือเขา “จานที่เหลือฝากนายด้วยก็แล้วกัน…”