ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ - ตอนที่ 97 ยักคิ้วหลิ่วตา ส่งสายตาหยาดเยิ้ม
“พวกคุณยังคิดจะหลอกผมอยู่อีก พวกคุณทั้งบ้านคิดว่าผมเป็นไอ้งั่งหรือไง” เถียนรุ่ยซานตะโกนใส่เหอหว่านซินด้วยความผิดหวัง “ผมคิดมาโดยตลอดว่าคุณเป็นผู้หญิงจิตใจดีบริสุทธิ์ผุดผ่อง ไร้เล่ห์เหลี่ยม ไม่นึกไม่ฝัน ที่แท้คุณมันก็เป็นผู้หญิงสำส่อนใจง่าย”
เถียนรุ่ยซานออกแรงสะบัดพนักงานรักษาความปลอดภัยที่จับตัวเขาไว้อย่างแรง จากนั้นเดินออกไป สำหรับผู้ชายแล้วการถูกสวมหมวกเขียวเป็นเรื่องเสื่อมเสียเกียรติ เขาไม่อยากจะอยู่เสวนาต่ออีก
ผู้จัดการภัตตาคารเห็นว่าพวกเขาล้วนเป็นคนสนิทสนมกัน ทะเลาะวิวาทกันเนื่องจากปัญหาความรัก จึงไม่ได้ขวางเถียนรุ่ยซาน การทำเรื่องให้วุ่นวายมากไปกว่าเดิม ไม่เป็นเรื่องที่ดีต่อภัตตาคารของพวกเขาเช่นกัน
เหอหว่านซินมองแผ่นหลังของเถียนรุ่ยซาน สับสนและร้อนใจเล็กน้อย ตะโกนด้วยความโกรธและความหยิ่งผยอง “เถียนรุ่ยซาน นายกล้าทำกับฉันแบบนี้ ฉันไม่ให้อภัยนายแน่ อย่ามาเสียใจทีหลังก็แล้วกัน”
อวี๋กานกานมองเหอหว่านซินรู้สึกว่าเธอช่างพิลึกคน สวมหมวกเขียวให้คนอื่นแท้ๆ ยังกล้าพูดจาแบบนี้ออกมาได้เต็มปากเต็มคำ เถียนรุ่ยซานไม่ได้ติดค้างอะไรเหอหว่านซินด้วยซ้ำ
ที่จริงแล้วเถียนรุ่ยซานเป็นคนที่ไม่เลวเลยทีเดียว ไม่ได้หมายถึงนิสัยของเขาเพราะเธอเองก็ไม่ได้รู้จักอะไรกับเขามากมาย แต่ความรักระหว่างเขากับเหอหว่านซินสองสามปีมานี้ เขาตามใจเหอหว่านซินมากจริงๆ ปฏิบัติกับเธอเหมือนกับเธอเป็นนางฟ้าที่ประคองไว้ด้วยฝ่ามือทั้งสองข้าง
เลิกรากันไปหากพูดว่าใครต้องเสียใจภายหลัง นั้นก็ต้องเป็นเหอหว่านซิน หยางเทียนโย่วเห็นได้ชัดว่าเขาเป็นพวกที่พึ่งพาไม่ได้…
“กานกาน ตอนนี้สมใจหนูแล้วสินะ?” ลุงใหญ่ขึงตาใส่อวี๋กานกาน พูดอย่างเย็นชา ในน้ำเสียงเต็มไปด้วยความเย็นเยือก
อวี๋กานกานที่ถูกขานชื่อ งงเป็นไก่ตาแตก “เกี่ยวอะไรกับหนูเหรอคะ”
เหอหว่านซินกัดฟันพูดอย่างโกรธเกรี้ยว “เรื่องทั้งหมดในวันนี้ล้วนเป็นผลงานชิ้นโบแดงของเธอทั้งสิ้น!”
อวี๋กานกานแบมือทั้งสองออกไปด้านข้าง เชิงว่าตัวเองเป็นผู้บริสุทธิ์ “ฉันเปล่า ฉันไม่รู้เรื่อง เมื่อกี้ฉันได้แต่ยืนงง”
ฟังจือหันที่ยืนอยู่ข้างๆ ยกมือขึ้นมาลูบศีรษะเธออย่างแผ่วเบา “อาหารหก เหล้าสาดกระจาย อาหารมื้อนี้กินไม่ได้แล้ว ไปเถอะ กลับบ้าน”
น้ำเสียงทุ้มต่ำมอมเมาผู้คน ราวเสียงบรรเลงฉินอันไพเราะเพราะพริ้ง
ผู้จัดการภัตตาคารเห็นว่าพวกเขาจะออกจากร้านรีบเอาใบเสร็จมา เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น แม้ว่าจะเป็นแขกซูเปอร์วีไอพี พวกเขาก็รู้สึกเหนื่อยหน่ายใจ โชคดีที่ไม่ทุบตีโดนของมีค่าจนชำรุดเสียหาย แค่จานแตกไม่กี่ใบเท่านั้น ตอนนี้เขาคิดเพียงแค่ว่าอยากให้แขกเหล่านี้รีบจ่ายเงินและออกจากร้านไปเสียที
เมื่อเห็นใบเสร็จ อวี๋กานกานเดินไปยืนข้างฟังจือหันอัตโนมัติ ฟังจือหันเห็นเช่นนี้ มุมปากหยักโค้งขึ้น นิ้วมือเรียวยาวลูบจมูกของอวี๋กานกาน
ทั้งสองคนยักคิ้วหลิ่วตา ส่งสายตาหยาดเยิ้ม ผู้จัดการย่อมไม่เข้าไปขัดจังหวะ เขาทำงานในภัตตาคารหรูหราระดับสูง ต้อนรับและส่งแขกที่เป็นบุคคลระดับสูงไม่รู้ตั้งกี่คนต่อกี่คน สายตาของเขาถูกฝึกฝนและลับจนคมกริบตั้งนานแล้ว เห็นชายคนนี้แค่แวบเดียวก็รู้ได้ทันทีว่าไม่ใช่คนธรรมดา ผู้จัดการถือใบเสร็จเดินตรงไปยังลุงใหญ่
ลุงใหญ่ไม่คิดที่จะเป็นคนจ่ายเงินตั้งแต่แรกอยู่แล้ว สีหน้าดูไม่ได้ถลึงตาใส่ผู้จัดการ
ผู้จัดการคิดเพียงแค่ว่าเพราะเรื่องทะเลาะวิวาททำให้แขกอารมณ์ไม่ดี ยิ้มและพูดอย่างมีมารยาทนอบน้อม “สวัสดีครับ ทั้งหมดสามหมื่นแปดพันหยวน”
เมื่อได้ยินตัวเลขนี้ สีหน้าของลุงใหญ่เปลี่ยนอย่างฉับพลัน ลืมไปแล้วว่าจะพูดว่าฉันไม่ใช่คนจ่ายเงิน ถามออกไปด้วยความตกใจ “ทำไมถึงแพงขนาดนี้”
ผู้จัดการยิ้ม “พวกคุณสั่งอู่ตังหวางหนึ่งที่ครับ”
“ทำไมแพงขนาดนี้ล่ะ” นั้นไม่ใช่แค่ไวน์ไร้ยี่ห้อขวดหนึ่งหรอกหรือ
“นั้นเป็นอู่ตังหวางรุ่นบรรจุภัณฑ์ดั้งเดิมที่นำเข้าจากประเทศฝรั่งเศส ราคาเต็มสามหมื่นเก้าพันหยวน ทางร้านลดราคาให้เหลือสามหมื่นห้าพันหยวนครับ” คนกลุ่มนี้แม้แต่อู่ตังหวางก็ยังไม่รู้จัก ทำไมถึงกล้าสั่งไวน์ที่มีราคาสูงขนาดนี้
เมื่อได้ยินราคาไวน์ ลุงใหญ่หันขวับมองไปทางฟังจือหันด้วยความด้วยโกรธแค้นทันที
ไอฟังจือหันมันจงใจ! ไวน์แดงเป็นแผนการที่มันจงใจสั่ง หยางเทียนโย่วและเถียนรุ่ยซานต้องเป็นมันที่เป็นคนเรียกมาแน่!