ลิขิตกลกาล - ตอนที่ 104 หย่วนเนี่ยน
มือทั้งสองข้างของซูเหลียนอวิ้นกอดหน้าอกเอาไว้ และไม่เอ่ยสิ่งใดเป็นเวลาครู่ใหญ่ จากนั้นเสียงอู้อี้ก็ดังขึ้นด้านในห้อง “เหวินเสี่ยว รูปร่างแบบนี้ของข้า…แปลกมากหรือ?”
หลินเหวินเสี่ยวเหม่อลอยไปครู่หนึ่ง แต่ยังมีปฏิกิริยาตอบรับกลับมาทันที “ไม่เลย ไม่เลย ดีมากด้วยซ้ำ ถึงอย่างอันนี้ของสตรีใหญ่หน่อยถึงจะดี? เมื่อครู่ข้าแค่แปลกใจมากเกินไปเท่านั้น เจ้าในตอนนี้ดูดีมากแล้ว จริงๆ นะ!” สายตาจริงใจของหลินเหวินเสี่ยวมองไปที่ซูเหลียนอวิ้น แสดงออกถึงความชื่นชมและปลอบประโลมไม่ให้นางเกิดความรู้สึกไม่ดี
“หรอ” ซูเหลียนอวิ้นตอบรับ
แต่ตอนนี้นางกลับรู้สึกไม่ดีกับรูปร่างของตัวเองเสียแล้ว นางควรจัดการอย่างไรดี? แม้ว่าเพื่อนสนิทของนางจะบอกว่าดูดีมากแล้ว แต่ซูเหลียนอวิ้นรู้ดีว่า ก้อนสองก้อนนี้ของตนเป็นของปลอม…
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ซูเหลียนอวิ้นไม่รู้ว่าควรจะจัดการอย่างไรต่อไปดี เฮ้อ ช่างเถิด ของปลอมก็ของปลอม ผ่านพ้นวันนี้ไปก่อนแล้วค่อยว่ากัน
“จริงสิ เหลียนอวิ้น อย่ามัวแต่พูดเรื่องนี้เลย มา เจ้ามาดูของที่ข้านำมามอบให้เจ้าสำหรับงานปักปิ่นนี้ดีกว่า ดูว่าเจ้าจะชอบหรือไม่” หลินเหวินเสี่ยวลุกขึ้นยืน หลังจากที่เปิดประตูพาตัวเองเข้ามาก็นำกล่องวางไว้บนโต๊ะตัวหนึ่ง “ข้ารับประกันเลย หากเจ้าเห็นมันแล้วจะต้องชอบมากจนไม่ยอมปล่อยมือเชียวล่ะ!”
ซูเหลียนอวิ้นยิ้ม ความคิดของนางในตอนนี้โดนท่าทางน่าเชื่อถือของหลินเหวินเสี่ยวครอบงำไปเสียแล้ว นางจึงอดไม่ได้ที่จะเดาว่าของในกล่องนี้แท้จริงแล้วคืออะไรกันแน่
สร้อยข้อมือ? กำไล? เครื่องประดับศีรษะ?
ซูเหลียนอวิ้นพูดในใจกับตัวเอง เพราะว่าเมื่อชาติที่แล้วคนพวกนั้นต่างมอบของเหล่านี้ให้ตน ไม่มีอะไรแปลกใหม่ เพราะในช่วงเวลานี้ของสตรีทุกคนต่างให้ความสำคัญกับการแต่งตัวของตัวเองเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้ของที่นำมามอบในวันพิธีปักปิ่นนี้จึงไม่แตกต่างกันมากนัก
ซูเหลียนอวิ้นเปิดฝากล่องออก สิ่งที่อยู่ด้านในคือพัดหยกแบบพับได้อันหนึ่ง
“พัด?” ซูเหลียนอวิ้นหยิบขึ้นมาพิจารณาดู
โครงของพัดทำจากหยกเมื่อมือสัมผัสโดนจะรู้สึกเย็น รวมทั้งลวดลายดอกไม้ที่ถูกสลักลงไปก็วิจิตรงดงาม ไม่ว่าจะกล่าวถึงรูปทรงหรือคุณภาพของวัตถุ พัดอันนี้ถือว่าเป็นสิ่งของที่หาได้ยากยิ่ง แต่สำหรับนางแล้วกลับถือว่าเป็นของที่สวยงามแต่ยากจะใช้งานได้จริงมากกว่ากระมัง?
เนื่องจากสิ่งของจำพวกพัด…แม้ว่าพวกมันจะสวยงาม แต่ก็เป็นสิ่งของที่สามารถใช้ได้ในช่วงฤดูร้อนเท่านั้น เมื่อเข้าสู่ฤดูหนาวก็คงจะถูกโยนทิ้งไปเช่นเคย
“เจ้ามีตาหามีแววไม่!” เมื่อหลินเหวินเสี่ยวเห็นท่าทางของซูเหลียนอวิ้นในตอนนี้ก็พอเดาได้ว่านางกำลังคิดอะไรอยู่ จากนั้นจึงใช้สีหน้าต่อว่าว่ามีตาหามีแววและป่วยการที่จะช่วย หลังจากที่มองไปทางซูเหลียนอวิ้นแล้ว นางก็เอามือไปแย่งพัดออกมาจากมือของซูเหลียนอวิ้นแล้วกล่าวว่า “เอามานี่ ข้าจะบอกเจ้าเองว่าพัดอันนี้มีอะไรแตกต่างจากธรรมดา!”
หลินเหวินเสี่ยวค่อยๆ คลี่พัดออกอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็นำนิ้วโป้งกดไปยังลูกปัดเล็กๆ ที่อยู่ตรงข้อต่อของตัวพัด จากนั้นจึงค่อยๆ ดันมันขึ้นไปด้านหน้าแล้วเอ่ยขึ้นว่า
“ด้านในพัดนี้มีใบมีดซ่อนอยู่ ความคมของมันเหนือกว่าใบมีดธรรมดาทั่วไป หากเจ้าจะหยิบออกมาเล่นต้องระวังหน่อย อย่าให้มันบาดโดนตัวเองเข้า กลไกของพัดอันนี้ไม่ซับซ้อน ขอเพียงแค่คลี่พัดออกมา จากนั้นก็ใช้นิ้วหัวแม่มือกดไว้แล้วดันลูกปัดนี้ก็เท่านั้นเอง แต่ไม่จำเป็นต้องเปิดพัดออกทั้งหมดก็ได้”
หลินเหวินเสี่ยวปิดพัดดังเดิม จากนั้นก็ขยับลูกปัดที่อยู่ด้านนอกตรงโครงพัด “ดันตรงนี้ก็ได้แล้ว”
ซูเหลียนอวิ้นเหม่อมองหลินเหวินเสี่ยวสาธิตถึงวิธีการใช้พัดอันนี้จนจบ จากนั้นก็ไม่รู้ว่าตนควรมีปฏิกิริยาอย่างไรออกไปดี เนื่องจากหากมองจากมุมนี้ นางรู้สึกชอบพัดอันนี้มากทีเดียว!
“เฮ้อ ตอนนี้เจ้ายังคิดว่าพัดอันนี้สวยงามแต่ยากจะใช้งานได้จริงอยู่หรือไม่?” หลินเหวินเสี่ยวปิดพัดเสียงดัง ‘ฟึ่บ’ จากนั้นจึงถอนใจเบาๆ สายตาของนางเต็มเปี่ยมไปด้วยความพออกพอใจและภาคภูมิใจในตัวเอง “พัดเช่นนี้ตัวข้าเองก็มีไว้ใช้หนึ่งอันเช่นกัน แต่ว่าสิ่งที่ไม่เหมือนกับพัดของเจ้าอันนี้ก็คือ สีของพัดข้าค่อนข้างอ่อน แต่ว่าข้าเห็นว่าเจ้าชอบสีสันสดใส ดังนั้นจึงเลือกพัดอันนี้มาให้เจ้า”
“เหวินเสี่ยว” ซูเหลียนอวิ้นรู้สึกว่าตัวเองในตอนนี้น้ำตาแทบจะไหลออกมาแล้วจึงเอ่ยว่า “เหวินเสี่ยว ข้าไม่มีความคิดเช่นนั้นอีกแล้ว ของขวัญงานปักปิ่นของเจ้าเป็นของชิ้นที่ดีที่สุดที่ข้าได้รับเลย!” อย่างน้อยก็ตอนนี้
เนื่องจากตอนนี้ในใจของซูเหลียนอวิ้นยังคงคิดวนเวียนถึงกระบี่เล่มนั้นที่หรงซู่ได้เอ่ยปากกับนางไว้ แม้ว่าพัดอันนี้จะเป็นของที่ดีมากก็ตาม แต่กระบี่ก็ยังคงมีแรงดึงดูดที่มากกว่า หากได้ใช้กระบี่คงจะดูสง่างามมากกว่า
“เจ้ารู้ก็ดีแล้ว! เอาล่ะ ตอนนี้ก็เป็นเวลาพอสมควรแล้ว พวกเราควรออกไปที่เรือนด้านหน้าได้แล้วกระมัง?” หลินเหวินเสี่ยวใช้นิ้วแยกมือของซูเหลียนอวิ้นออกจากพัดเพื่อให้นางวางพัดลง “ข้ารู้ว่าเจ้าชอบมาก ตอนนี้เลยวางมันไม่ลง แต่ว่าข้ามอบมันให้เจ้าแล้ว ข้าไม่มีทางเอาคืนแน่ รอให้พิธีปักปิ่นเสร็จเรียบร้อย เจ้าจะชื่นชมมันยังไง จะลองเล่นมันยังไงก็ได้ทั้งนั้น ดังนั้นตอนนี้เจ้าต้องรีบวางมันลง จากนั้นพวกเราก็รีบไปกันเถิด!”
สุดท้ายซูเหลียนอวิ้นก็เอามือลูบที่พัดด้านนี้อย่างทำใจห่างไม่ได้อีกครั้งหนึ่ง เจ้าพัดอันน้อย เจ้าอยู่คนเดียวไปก่อนนะ เดี๋ยวข้าจะรีบกลับมา!
“คุณหนูเจ้าคะ ฮูหยินให้มาตามคุณหนูไปที่เรือนหน้าเจ้าค่ะ” หลีมู่คารวะพวกนางทั้งสองคน “คุณหนู ตอนนี้เริ่มสายแล้วนะเจ้าคะ”
“ดี เหวินเสี่ยว ตอนนี้พวกเราไปกันเถิด”
“ได้ ไปเถอะ!” หลินเหวินเสี่ยวขยับคอแบบเกร็งๆ แล้วพยักหน้า ทำไมจู่ๆ จึงรู้สึกว่าบรรยากาศมันเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดขึ้นมาทันทีได้เล่า?
ที่เรือนหน้า อันเพ่ยอิงได้ทำการทักทายแขกเหรื่อที่มาร่วมงานไปจำนวนหนึ่งแล้ว แม้ว่าตอนนี้เริ่มรู้สึกเหนื่อยบ้างแล้ว แต่พอเห็นซูเหลียนอวิ้นเดินออกมาช้าๆ ริมฝีปากของนางก็หยักยิ้มขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
อวิ้นเอ๋อร์ของนางสวยที่สุดแล้ว ใส่ชุดถงจื่อฝูได้อย่าง…ช้าก่อน คล้ายมีบางอย่างแตกต่างออกไปจากเมื่อครู่นี้?
สายตาของอันเพ่ยอิงกวาดตามองอย่างรวดเร็ว ตรงไหนกันที่เปลี่ยนไปจากเดิม? ทว่าสถานการณ์ในตอนนี้กลับทำให้นางมิอาจเสียเวลาไปกับเรื่องอื่นๆ ได้ นางจับมือซูเหลียนอวิ้น จากนั้นก็พาไปรับรองที่ทักทายแขกเหรื่อคนอื่นๆ ที่มาร่วมงาน
“อวิ้นเอ๋อร์คือคนนี้เองหรือ เป็นผู้หญิงที่งดงามยิ่ง มิน่าเล่าฮองเฮาถึงได้พูดถึงให้ข้าฟังทั้งวัน เดิมทีข้านึกว่าเป็นคำพูดที่เกินความจริง แต่พอได้เห็นในวันนี้ถึงได้รู้สึกว่าพี่สะใภ้ชมน้อยเกินไปเสียด้วยซ้ำ” น้ำเสียงที่อ่อนโยนตามมาด้วยเสียงหัวเราะเบาๆ ทำให้นางรู้สึกราวสัมผัสได้ถึงความอ่อนโยน นุ่มนวลจากสายลมวสันต์ที่แผ่วเบา
ซูเหลียนอวิ้นหันหน้ากลับมา ฮองเฮา พี่สะใภ้? วังหลวง? คนผู้นี้เป็นใครกัน?
อันเพ่ยอิงที่เดินนำหน้าหันตัวกลับมา แววตาของนางเต็มไปด้วยความยินดีแล้วลากมือของซูเหลียนอวิ้นเข้าไปเอ่ยว่า “เจ้าเด็กนี่ ยืนเหม่อลอยอยู่ตรงนี้ทำไมกัน รีบออกมาทักทายทุกคนเร็ว ผู้นี้คือองค์หญิงหย่วนเนี่ยน เป็นผู้ที่ยอมสละเวลาชีวิตอันวุ่นวายมาเป็นแขกพิเศษในงานของเจ้า”
น้ำเสียงของอันเพ่ยอิงควบคุมเสียงสูงต่ำได้อย่างเหมาะสม เพื่อที่จะไม่ทำให้รู้สึกว่านางชอบคุยโวและตะเบงเสียงดัง แต่ยังดังเพียงพอที่จะทำให้ได้ยินเสียงภายใต้สิ่งแวดล้อมอันอึกทึกเช่นนี้ ดังนั้นคำพูดที่พูดออกไปทั้งหมดทุกคนจึงได้ยินอย่างชัดเจน
แขกเหรื่อต่างลดเสียงคุยลง แล้วใช้สายตาที่ไม่ค่อยจะเชื่อมองไปยังซูเหลียนอวิ้น
นั่นเป็นเพราะว่องค์หญิงหย่วนเนี่ยน เป็นธิดาองค์น้อยที่ได้รับความโปรดปราณจากมากที่สุดจากอดีตฮ่องเต้เหมิงเฉิง และมีศักดิ์เป็นน้องสาวแม่เดียวกันกับลี่หยวนตี้!