ลิขิตกลกาล - ตอนที่ 115 รักแท้
“ท่านอย่าเข้ามานะ!” ในขณะที่ฝีเท้าของต้วนเฉินเซวียนมาหยุดลงตรงหน้าซูเหลียนอวิ้นนั้น ซูเหลียนอวิ้นก็ตะโกนประโยคนี้ออกมา
ตอนนี้นางรู้สึกกลัวอย่างยิ่ง! ไม่ว่าร่างกายของนางจะพยายามปกปิดเพียงใด แต่ในใจของนางกำลังรู้สึกหวาดกลัวต้วนเฉินเซวียน
ความทรงจำต่อฝ่ามือปลิดชีพนางของเขา เป็นความเจ็บปวดที่รวดร้าวฝังลึกอยู่ในหัวใจของนาง ทุกช่วงเวลาที่ผ่านไป นางไม่เคยลืมมันได้เลย
ความตายไม่น่ากลัว แต่ความน่ากลัวอยู่ที่ระยะเวลาก่อนความตายจะมาถึงต่างหาก
“เจ้า!” เดิมทีต้วนเฉินเซวียนกะจะสั่งสอนซูเหลียนอวิ้นสักปะโยคสองประโยคให้นางรีบลุกขึ้นมา เพราะว่าชุดพิธีการที่นางใส่อยู่ตอนนี้เป็นแบบที่คอเสื้อค่อนข้างจะกว้าง
เมื่อซูเหลียนอวิ้นนั่งยองๆ แถมยังขดตัวเช่นนี้ ทำให้เขาสามารถเห็นบางสิ่งที่อยู่ด้านในอย่างทะลุปรุโปร่งเลยทีเดียว
ทว่าก็เป็นไปตามที่เขาคิดเอาไว้ ต้วนเฉินเซวียนเหลือบมองดูผ้าที่พันซ้อนทับกันไว้หลายๆ ชั้นแล้วพยักหน้า เป็นไปอย่างที่เขาคิดไว้ไม่มีผิด ตรงนั้นของนางคือของปลอม!
“ข้ากลัวท่านมากจริงๆ ท่านอย่าเข้ามาจะได้ไหม” ซูเหลียนอวิ้นเงยหน้าพูดเสียงอู้อี้
แม้ว่าการร้องไห้เมื่อครู่นี้จะหยุดได้แล้ว แต่ตอนนี้ไม่รู้ว่าเกิดขึ้นได้อย่างไรหรือบางทีอาจจะเกิดจากความกลัวเป็นเหตุ น้ำตาของนางจึงไหลออกมาอีกครั้ง
ต้วนเฉินเซวียนไม่เอ่ยสิ่งใดในตอนนั้น
เมื่อครู่นี้ตัวเขาหงุดหงิดและโกรธเกรี้ยวราวกับฟ้าพิโรธ ทว่าตอนนี้เมื่อเห็นขอบตาคู่นั้นของซูเหลียนอวิ้นแดงก่ำ น้ำตาของนางเอ่อล้นเต็มดวงตาแต่ยังพยายามฝืนกลั้นสุดชีวิตเพื่อไม่ให้มันไหลออกมา จิตใจของเขาในตอนนี้ราวกับกำลังถูกบางสิ่งลูบผ่านเบาๆ อย่างอ่อนโยน
ความรู้สึกอันแปรปรวนของเขา ทำเอาความรู้สึกโกรธเกรี้ยวนี้ค่อยๆ สงบลงอย่างว่าง่าย
ต้วนเฉินเซวียนจ้องไปที่ซูเหลียนอวิ้นก็พบว่าดวงตาของนางแดงก่ำ ฟันของนางกัดริมฝีปากล่างไว้เบาๆ รวมทั้งสองมือของนางกำลังโอบกอดตัวเองเอาไว้
ตอนนั้นเองเขาจึงรู้สึกว่าซูเหลียนอวิ้นแบบในตอนนี้ไม่เลวทีเดียว? ไม่ได้มีทีท่าอย่างลูกแมวขนฟูอีกต่อไป แต่เป็นกระต่ายตื่นตูมตัวหนึ่งเท่านั้น
เป็นภาพที่เห็นแล้วทำให้รู้สึกว่าอยากที่จะอุ้มนางมากอดเอาไว้ตรงอก
ต้วนเฉินเซวียนกลืนน้ำลายอึกหนึ่ง น้ำเสียงของเขาในตอนนี้เริ่มอ่อนโยนขึ้น “ข้า ข้าไม่รังแกผู้หญิงหรอก ข้าเพียง…คนผู้นั้นคือศิษย์พี่ของข้า ข้าก็เลย ก็เลย…” เขาคนเดิมที่พูดจาฉะฉานหายไปไหนแล้ว? เหตุใดตอนนี้จึงพูดกระตุกกระตักเช่นนี้?
ซูเหลียนอวิ้นกระพริบตามองปริบๆ เมื่อเห็นว่าตอนนี้อารมณ์โกรธของต้วนเฉินเซวียนคลายลงจนหมดแล้วก็ถอนหายใจจากนั้นค่อยๆ ลุกขึ้นยืนแล้วถอยหลัง จากนั้นเอ่ยว่า “ข้ารู้แล้ว ต่อไปข้าจะ…ไม่ใกล้ชิดกับท่านอาจารย์แบบนั้นแล้ว? ดังนั้นท่าน ท่านอย่าโกรธอีกได้ไหม?
ซูเหลียนอวิ้นกระพริบตาแล้วกระพริบตาอีก นางรู้สึกสำนึกผิดมากเพียงใด แววตาคู่นั้นของก็ยิ่งแสดงความสำนึกผิดออกมามากเท่านั้น
เฮ้อ นางผิดไปแล้วจริงๆ มิน่าเล่าชาติที่แล้วต้วนเฉินเซวียนถึงไม่ชอบขี้หน้านางและเกลียดนางมากขนาดนั้น?
เหตุผลของเรื่องทั้งหมด ตอนนี้นางหาพบแล้ว
ที่แท้แล้วรักแท้เพียงหนึ่งเดียวในใจของต้วนเฉินเซวียนคือท่านอาจารย์! มิน่าแปลกใจเลยจริงๆ…ที่ต้วนเฉินเซวียนไม่เคยมีข่าวข้องเกี่ยวกับสตรีนางใดเลยแถมยังไม่เคยรับมิตรไมตรีจากสตรีนางใดเลย
ที่แท้แล้วคนที่เขาชอบ เป็นบุรุษนั่นเอง!
ซูเหลียนอวิ้นแอบครุ่นคิดอยู่ในใจ เรื่องนี้…ท่านอาจารย์รู้ตัวหรือไม่? เขารู้ไหมว่าต้วนเฉินเซวียนรักเขาจนถึงขั้นน่าเวทนาขนาดนี้? ไม่ว่าผู้ใดจะเข้าใกล้เขาสักคนก็ไม่ยอม! ความขี้หึงนี้ของเขาเป็นครั้งแรกที่นางเคยเห็น
เฮ้อ แต่พอนึกถึงหนานกงมู่เสวี่ย
นี่เป็นครั้งแรกที่ซูเหลียนอวิ้นเข้าใจความรู้สึกของคนหัวอกเดียวกัน หนานกงมู่เสวี่ยเองก็คงจะรู้เรื่องราวของพวกเขาเช่นกันกระมัง? แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้นางก็ยังคงรักท่านอาจารย์อย่างสุดหัวใจหรือ?
นี่เป็นจิตใจของผู้รู้จักให้อภัยที่ยิ่งใหญ่เป็นอย่างยิ่ง! แม้ว่าจะเป็นเช่นนี้ก็ยังทนรับไหว!
ต้วนเฉินเซวียนไม่ทันได้สังเกตแววตาของซูเหลียนอวิ้น เพราะเขากำลังครุ่นคิดถึงคำพูดที่ซูเหลียนอวิ้นพูดออกมาเมื่อครู่นี้อยู่
เฮ้อ ในที่สุดนางก็เข้าใจเสียทีว่าอะไรที่เขาเรียกว่าหญิงชายมิควรใกล้ชิดสนิทสนมกัน ท่านอาจารย์น่ะหรือ? เขาเป็นใครกัน?
ต้วนเฉินเซวียนรู้เพียงว่าคนผู้นั้นที่ซูเหลียนอวิ้นเรียกว่าท่านอาจารย์อายุมากกว่านางเพียงไม่กี่ปีทั้งยังเป็นบุรุษอีกด้วย!
“อืม” ต้วนเฉินเซวียนพยักหน้า จากนั้นก็เริ่มกลับมาวางสีหน้าเย็นชาอีกครั้งแล้วเอ่ยว่า “เจ้ารู้จักกาลเทศะก็ดีแล้ว อะไรทำได้ อะไรทำมิได้ คงไม่ต้องให้ข้าคอยสอนเจ้าอีกกระมัง?”
“มิต้อง…” ซูเหลียนอวิ้นก้มหน้าตอบรับ
นางเข้าใจทุกอย่างแล้ว แต่ว่านางจะต้องหาเวลาไปถามหรงซู่ด้วยตัวเองให้ได้ถึงจะถูกต้อง! หากพวกท่านรักกันจริงๆ นางก็คง…คงทำได้เพียงอวยพรให้ทั้งสองคนมีความสุข!
“เช่นนั้นก็ไม่มีอะไรแล้ว ต่อไปเจ้าก็ปฏิบัติตัวให้ดีๆ หน่อยก็พอ” ต้วนเฉินเซวียนหันไปมองซูเหลียนอวิ้นเป็นครั้งสุดท้ายจากนั้นก็ตัดสินใจจากไป
“เดินระวังด้วย…” ซูเหลียนอวิ้นก้มหน้าเอ่ย
ต้วนเฉินเซวียนไม่ได้กล่าวตอบอะไรอีก เมื่อซูเหลียนอวิ้นเงยหน้าขึ้นมาจึงพบว่าคนตรงหน้านางไม่รู้ว่าหายตัวไปตั้งแต่เมื่อไหร่แล้ว
ซูเหลียนอวิ้น “…”
จะไปไม่คิดจะบอกกันสักคำเลยหรือ? นางก้มหน้าจนปวดคอไปหมดแล้ว!
“คุณหนูเจ้าคะ!”
ตอนที่ซูเหลียนอวิ้นกำลังบีบนวดคอของตัวเองอยู่นั้นและกำลังวางแผนว่าจะกลับจวนไปนอนกลางวันสักหน่อยนั้นก็มีเงาร่างสะโอดสะองกระโดดออกมาโผล่อยู่ตรงหน้านาง
“คุณหนู คุณหนู! บ่ายวันนี้บ่าวได้เงินมามากมายเลยเชียวเจ้าค่ะ” เนี่ยนเอ๋อร์เขย่าถุงเงินในมือ เศษเงินที่อยู่ในกระเป๋าเงินกระทบกันส่งเสียงดังแก๊กๆ
เมื่อซูเหลียนอวิ้นเห็นดวงตาของเนี่ยนเอ๋อร์ยิ้มจนแทบจะปิดไปเช่นนี้ก็เริ่มเอามือลูบหน้าผากตัวเองแล้วเอ่ยว่า “เจ้าไปเล่นกับใครมา?” เล่นการพนันอย่างเปิดเผยเช่นนี้เลยหรือ! แถมยังเป็นฝ่ายเริ่มบอกตนอีกต่างหาก…ซูเหลียนอวิ้นไม่รู้จะบอกว่าเนี่ยนเอ๋อร์นั้นใสซื่อเกินไปหรือว่าโง่เกินไปดี
เนี่ยนเอ๋อร์ยิ้ม “เล่นกับพี่หลีมู่ หลานเย่ว์และก็สาวใช้ของจวิ้นจู่ พวกเราเล่นไผ่ใบไม่ด้วยกัน ส่วนข้าเป็นผู้ชนะมากที่สุด!”
“เนี่ยนเอ๋อร์!” หลีมู่เมื่อได้ยินดังนั้นก็รีบวิ่งออกมา “เนี่ยนเอ๋อร์ เจ้า…”
“คุณหนูเจ้าคะ…” เมื่อหลีมู่มองเห็นซูเหลียนอวิ้น ตอนนั้นนางก็ก้มหน้างุดจนไม่สามารถจะก้มลงไปได้อีก “คุณหนูเจ้าคะ บ่าวสำนึกผิดแล้ว…”
ซูเหลียนอวิ้นยิ้มกว้าง “หลีมู่ เจ้าว่าอะไรนะ? เจ้าทำผิดอะไร?” ช่างน่าโมโหจริงๆ! เมื่อครู่นี้นางกำลังตกอยู่ในสถานการณ์เป็นตายเท่ากัน! อีกนิดเดียวนางอาจไม่ได้กลับมาอีก และพวกเขาจะไม่ได้พบนางอีกแล้ว?
แต่คนรับใช้และองครักษ์ตัวดีของนาง กลับนั่งเล่นไพ่ใบไม้กันอยู่?
เสียงเมื่อครู่นี้ดังขนาดนั้น…เอาล่ะ แม้ว่าจะไม่ดังมากก็ตาม แต่ก็คงจะไม่เบาขนาดนั้น ไม่มีคนได้ยินสักคนเลยหรือ!
ซูเหลียนอวิ้นiรู้สึกว่าตัวเองโมโหจนตัวแทบจะลอยขึ้นไปบนฟ้าอยู่แล้ว
“บ่าว…” เมื่อหลีมู่เห็นรอยยิ้มของซูเหลียนอวิ้น เสียงของนางก็ยิ่งเบาลง “บ่าวมิควรชวนเนี่ยนเอ๋อร์เล่นไผ่…แถมยังเล่นแบบเอาเงิน คุณหนูบ่าวผิดไปแล้วเจ้าค่ะ คุณหนูโปรดลงโทษ”
เมื่อเนี่ยนเอ๋อร์เห็นสีหน้าเศร้าโศกอัดอั้นของหลีมู่ดังนั้นจึงเข้าใจว่าเรื่องเมื่อครู่ที่พวกนางทำเป็นเรื่องร้ายแรงขนาดไหน! ตอนนั้นนางจึงไม่อยากถือถุงเงินไว้อีกต่อไปแล้วยื่นถุงเงินออกไปให้ซูเหลียนอวิ้นแล้วกล่าว่า “คุณหนู! เมื่อครู่พวกบ่าวเพียงต้องการเล่นสนุกกันเท่านั้น…เรื่องนั้น คุณหนูเจ้าคะเอาเงินพวกนี้คืนไปเถิดเจ้าค่ะ! เนี่ยนเอ๋อร์ไม่อยากได้แล้ว!”
ซูเหลียนอวิ้นผลักถุงเงินคืนกลับไปเงียบๆ “ข้ามาเพื่อต้องการจะบอกพวกเจ้าว่า ครั้งหน้าเวลาที่พวกเจ้าจะทำอะไรช่วยหูไวตาไว และตั้งใจฟังเสียงรอบๆ ด้านบ้าง!”