ลิขิตกลกาล - ตอนที่ 125 อ่อนไหว
“หลีมู่” เสียงของซูเหลียนอวิ้นดังขึ้นจากด้านในห้อง “ข้าขอเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน ใกล้จะเสร็จแล้ว”
ถึงอย่างไรก็ใกล้จะกินข้าวเสร็จแล้ว ที่เหลืออยู่อีกนิดหน่อยเดี๋ยวค่อยกลับมาเก็บก็ได้
“ไปกันเถิด” เพียงครู่เดียวซูเหลียนอวิ้นก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ นางเงยหน้ามองฟ้าแล้วเอ่ยขึ้นว่า “ไปเถิด พาข้าไปดูหน่อย” นางเองก็อยากเห็นเหมือนกันว่าเป็นตระกูลใดกันถึงใจกล้ามาทำพฤติกรรมต่ำช้าเช่นนี้? นี่คงคิดว่าตอนนี้จวนแม่ทัพไม่มีใครอยู่แล้วกระมัง?
แม้ว่าซูเหลียนอวิ้นจะยังเดินไปไม่ถึงด้านหน้าเรือน แต่เมื่อมองไกลๆ ก็เห็นลังใบใหญ่ที่วางไว้กลางเรือน
เมื่อลองดมดูลังใบนี้คล้ายทำจากไม้กฤษณา? ทุ่มเททรัพย์สินมากถึงเพียงนี้เชียวหรือ? ดูท่าแล้วคงอยากจะติดสินบนจริงๆ!
เพราะหากมีเป้าหมายเพียงเรื่องเล็กๆ น้อย เหตุใดต้องทุ่มเงินมากมายถึงเพียงนี้? อีกอย่างตั้งแต่โบราณเป็นต้นมาเงินยิ่งมากเท่าไหร่ก็ยิ่งต้องการไหว้วานให้ทำเรื่องที่ยากขึ้นมากเท่านั้นเป็นความสัมพันธ์ที่มิอาจแยกออกจากกันได้
“คุณหนูใหญ่ซู!” ขณะที่ซูเหลียนอวิ้นกำลังเดินเข้าไปในเรือนหน้า ขณะที่นางนั่งลงก้นยังมิทันร้อนและตั้งใจจะเอ่ยปากถามนั้น น้ำเสียงทักทายอย่างร่าเริงก็ดังขึ้นตัดหน้านาง
“เจ้าคือ…” หลิวจือ?!
ซูเหลียนอวิ้นอยากจะขยี้ตาตัวเองเพื่อพิสูจน์ว่าสิ่งที่ตนเห็นนั้นเป็นเรื่องจริง ทว่าหากนางทำเช่นนั้นจะเป็นการไม่เหมาะและน่าขายหน้าจนเกินไป ด้วยเหตุนี้นางจึงทำได้เพียงกระพริบตาปริบๆ จากนั้นซูเหลียนอวิ้นจึงพบว่าสิ่งที่นางเห็นเป็นเรื่องจริง
ผู้นี้มิใช่หลิวจือองครักษ์ข้างกายของต้วนเฉินเซวียนเมื่อชาติที่แล้วหรอกหรือ! แต่เหตุใดถึงมาโผล่ที่จวนของนางได้? อีกอย่างเจ้านายของเขาเพิ่งจะมาเมื่อวานนี้ แต่วันนี้กลับส่งคนของเขากลับมาอีกหรือ?
ในน้ำเต้า[1]ของต้วนเฉินเซวียนวางยาอะไรเอาไว้กันแน่? ต้องมีแผนการอื่นซ่อนไว้อย่างแน่นอน! เมื่อคิดถึงตรงนี้สายตาของซูเหลียนอวิ้นจึงเริ่มจ้องหลิวจือด้วยอาการจับผิดและระแวดระวัง
“ข้าน้อยคารวะคุณหนูใหญ่ซู! ข้าน้อยคือ…” ตอนนี้หลิวจือยินดีเสียจนตาแทบจะปิดอยู่แล้ว จากนั้น แล้วก็มิได้สนใจสายตาระแวดระวังของซูเหลียนอวิ้นแต่อย่างใด
เพราะถึงอย่างไรเจ้านายของเขาก็ทำตัวเหมือนต้นปรงสาคูออกดอกและพระอาทิตย์ที่ขึ้นทางฝั่งตะวันตก[2]อยู่ดี!
อย่างไรก็ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการรู้จักรัก! ตอนนี้รู้จักมอบของให้ผู้หญิงโดยไม่ต้องให้เขาคอยกระตุ้นอีกต่อไปแล้ว! เรื่องนี้ทำเอาหลิวจือรู้สึกทอดถอนใจถึงความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของสรรพสิ่งบนโลกนี้ หากไม่ทันระวังตัวเข้าแม้แต่นิดเดียวคงกลายเป็นคนตกยุคตกสมัยเข้าง่ายๆ!
“ข้ารู้ว่าเจ้าคือใคร” ซูเหลียนอวิ้นพูดขัดหลิวจือ “ข้าจำเจ้าได้”
หลิวจือพยักหน้า ใช่ๆ พอมาคิดๆ ดูแล้วนี่มันเป็นเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้วมิใช่หรือ! ถึงอย่างไรตัวเขาก็เปรียบเหมือนมีดด้ามหนึ่งของนายท่าน ส่วนคุณหนูซูก็เป็นจะเป็นนายหญิงของเขาในอนาคต ดังนั้นการที่นางจำเขาได้ จึงไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจเลยแม้แต่น้อย
“สรุปแล้วเจ้ามาทำอะไร?” ซูเหลียนอวิ้นเอนตัวพิงไปด้านหลังเพื่อไม่ให้ระยะห่างกับเขามากยิ่งขึ้น
เจ้านายไม่ปกติ คนรับใช้ผู้นี้ก็ไม่ได้ต่างกันสักเท่าไหร่ เขาจะมานั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่ตรงนี้ทำไมกัน? คงมิใช่ว่าโรคเก่ากำเริบกระมัง?
“ข้าน้อยมาที่นี่เพื่อนำสิ่งของมามอบ!” หลิวจือปรบมือสองทีเพื่อส่งสัญญาณให้คนข้างหลังนำของเข้ามาได้แล้ว “คุณหนูลองดูเถอะ นี่คือของที่เจ้านายของพวกเราต้องการจะมอบให้คุณหนู หากคุณหนูคิดว่าไม่มีปัญหาอะไร พวกเราขอย้ายของพวกนี้เข้าไปเก็บด้านในได้หรือไม่?” หากจะลงมือทำอะไรแล้วก็ต้องทำให้เสร็จสมบูรณ์
คนของนายหญิงหากสามารถไม่ทำให้พวกเขาเหนื่อยได้ก็จะดีที่สุด อีกอย่างตอนนี้ตัวเขาก็ไม่มีธุระอะไรต้องทำต่อแล้ว ดังนั้นก็ช่วยนายท่านปัดฝุ่นสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับนายหญิงจะดีกว่า ถึงอย่างไรก็เป็นผลดีสำหรับเขาในอนาคต ไม่มีอะไรเสียหาย! อย่างแน่นอน!
ซูเหลียนอวิ้นค่อยๆ วางถ้วยชาในมือลงแล้วแอบคิดในใจว่า ยังดีที่ตัวเองยังไม่ทันได้ดื่มชาเข้าไป มิเช่นนั้นหากดื่มชาไปพลางฟังหลิวจือพูดไปล่ะก็…เกรงว่าน้ำชาอึกนั้นคงถูกนางพ่นออกมาใส่หน้าของหลิวจืออย่างแน่นอน
ต้วนเฉินเซวียนเป็นฝ่ายเริ่มมอบสิ่งของให้ผู้อื่นก่อน? ของด้านในคงมิได้มียาพิษกระมัง!
“ข้าขอเปิดดูหน่อย…” ซูเหลียนอวิ้นลุกขึ้นอย่างเกร็งๆ เพื่อจะเปิดฝาออกดูให้เห็นชัดๆ เพราะตรวจดูให้ชัดเจนตอนนี้จะได้พบว่ามีอะไรไม่ดีอยู่หรือไม่ และจะได้ให้พวกเขารีบนำของกลับไปซะ!
“คุณหนูซูมิต้องเสียแรง!” หลิวจือรีบเปิดฝาลังออกอย่างประจบสอพลอ “เรื่องแบบนี้ให้ข้าน้อยทำจะดีกว่า! เหตุใดต้องให้คุณหนูเสียแรงลงมือด้วยตัวเองด้วยเล่า”
ซูเหลียนอวิ้นดึงมือของตนกลับมาอย่างเงียบๆ แล้วเอ่ยนิ่งๆ ว่า “เจ้าช่างมีน้ำใจ…” ประจบสอพลอเพื่อหวังผลโดยแท้ ดูท่าทางก็รู้แล้วว่าเขาต้องมีแผนการในใจอย่างแน่นอน!
“ที่ไหนกันเล่าคุณหนูซู นี่เป็นสิ่งที่ข้าน้อยสมควรทำ” หลิวจือยิ้มอย่างขวยเขิน
“คุณหนูเจ้าคะ…” หลีมู่เดินขึ้นหน้าไปสองสามก้าวเพื่อเข้าไปพยุงซูเหลียนอวิ้น จากนั้นจึงส่งสายตาข้องใจไปทางหลิวจือ
คนแบบนี้เป็นคนของคุณชายต้วนจริงหรือ? ทำไมถึงได้…ทำไมนางถึงรู้สึกว่าเขาเทียบนางไม่ติดเลยแม้แต่น้อย? คนประเภทที่ไม่ว่าเขาจะออกไปที่ไหนล้วนทำให้เจ้านายต้องขายหน้า!
ซูเหลียนอวิ้นสงบนิ่งไปครู่หนึ่ง พยายามไม่ให้ตัวเองสนใจว่าหลิวจือเป็นคนเช่นไร และบังคับให้สายตาของตัวเองพุ่งความสนใจไปยังลังห้าใบตรงหน้า
“เจ้า เจ้านายของเจ้าต้องการมอบให้ข้าหรือ?” เมื่อซูเหลียนอวิ้นดูจนครบแล้วจึงเอ่ยถามออกไปอย่างไม่ค่อยแน่ใจนักอีกรอบหนึ่ง
“ข้าน้อยขอยืนยันขอรับ!” หลิวจือพยักหน้าสุดชีวิตแล้วเอ่ยขึ้น “มอบให้คุณหนูซูจากจวนแม่ทัพ คุณหนูซูเหลียนอวิ้น ข้าน้อยไม่มีทางจำผอดอย่างแน่นอน” ถึงอย่างไรก็เป็นเพียงคำพูดประโยคเดียวเท่านั้น การจะจำผิดนั้นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยาก!
“อืม…” ซูเหลียนอวิ้นอดไม่ได้ที่จะก้มหน้ามองของแต่ละอย่างที่อยู่ในลังอีกครั้ง
ลังหนังสือ มีตั้งแต่โคลง กาพย์ กลอนไปจนถึงนิยาย อะไรที่ควรมีล้วนมีทั้งสิ้น นี่คือลังใบแรก
ลังเครื่องประดับ เครื่องประดับผม สร้อยคอ เครื่องประดับศีรษะ กำไล ถูกจัดชุดอย่างเข้ากัยมาหลายชุดมาอย่างครบครัน
ลังอาวุธยุทโธปกรณ์ คันธนูที่อยู่ในลังนั้นยากที่ซูเหลียนอวิ้นจะจำไม่ได้ว่ามันเป็นเครื่องบรรณาการของเมืองอิ๋งเย่ว์ และต่อมาถูกต้วนเฉินเซวียนขโมยมา ในตำนานเล่ากันว่าอานุภาพของมันสามารถยิงขึ้นไปถึงพระจันทร์กลางฟ้าได้ ถึงแม้ว่าเมื่อชาติที่แล้วนางจะจ้องมันมาเป็นเวลานาน แต่ตอนนี้เขากลับให้นางง่ายๆ เช่นนี้?!
ลังโบราณวัตถุ เป็นของประเภทถ้วยชามรามไหที่ดูแล้วเป็นของล้ำค่าอย่างยิ่ง ทว่าซูเหลียนอวิ้นกลับไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับของเช่นนี้สักเท่าไหร่ มีเพียงชิ้นเดียวเท่านั้นที่นางพอจะนึกออกโดยอาศัยการตกแต่งที่ยู่ด้านบน ทั้งยังเป็นการเค้นความทรงจำออกมา ดูแล้วของชิ้นนี้คงจะไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน!
และลังใบสุดท้ายเต็มไปด้วยผ้าไหมสิ่งทอ โดยรวมเป็นผ้าที่ยังไม่ได้ถูกนำไปทอเป็นเสื้อผ้าทั้งพับ แน่นอนว่าสิ่งที่ดึงดูดสายตามที่สุดในนั้นคือผ้าไหมพับหนึ่งที่ทำจากซิงซา[3]
ผ้าไหมซิงซา เมื่อเห็นมันก็ทำให้นึกถึงความหมายแฝงของมัน ลวดลายของผ้ามีแสงดาวระยับซ่อนอยู่ราวกับทำมาจากดวงดาวที่อยู่กลางฟากฟ้า ความแตกต่างของประกายที่สาดส่องออกมามีความแตกต่างกันออกไป ดังนั้นแม้ว่าจะเป็นเสื้อผ้าชุดหนึ่งก็อาจจะแสงที่แตกต่างกันออกไปได้หากอยู่ในมุมมองที่แตกต่างกัน
ทว่าของเช่นนี้มีวิธีการทำที่วิจิตรซับซ้อนมากดังนั้นยังมิต้องพูดถึงผ้าทั้งพับ ต่อให้เป็นผ้าเพียงชิ้นเดียวเกรงว่าเงินพันตำลึงยังซื้อมันมาไม่ได้
เมื่อประเมินค่าสิ่งของเหล่านี้จนครบแล้ว คงต้องเอ่ยว่าซูเหลียนอวิ้นเริ่มอ่อนไหวขึ้นมาบ้างแล้ว นางอ่อนไหวตรงที่เดิมทีนางเอาแต่คิดว่าต้วนเฉินเซวียนต้องการอะไรกันแน่ แต่ตอนนี้คงต้องดูของก่อนแล้วค่อยว่ากัน
แต่ตอนนี้…ไม่ต้องดูอีกต่อไปแล้ว! ทั้งหมดนี่คงไม่มีอะไรต้องเจรจากันอีก!
——
[1] หมายความว่า มีอะไรแอบซ่อนอยู่หรือมีแผนร้ายอะไรแอบแฝง
[2] คำพังเพยแรกหมายหมายความว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยาก ส่วนคำพังเพยที่สองหมายความว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
[3] ตัวซิงซาเป็นสิ่งมีชีวิตที่เกิดจากสัตว์จำพวกหนอน