ลิขิตกลกาล - ตอนที่ 131 เสียใจ
ห้องของหลานเย่ว์
ขณะนั้นหลานเย่ว์กำลังเช็ดกระบี่ของของอยู่ในห้องพลางครุ่นคิดเรื่องอื่นๆ อยู่ในใจ ดังนั้นเมื่อมองดูแล้วจึงคล้ายว่าเขากำลังเปิดช่องโหว่รอให้คนมาลอบโจมตี
“พี่ใหญ่หลานเย่ว์!” เมื่อได้ยินเสียงดังขึ้น หลานเย่ว์จึงรีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็วแล้วหยิบกระบี่ขึ้นมาฟันสิ่งของที่ลอยเข้ามาหาเขาตกลงด้านล่าง
เป็นหินก้อนเล็กก้อนหนึ่ง
“มือของท่านพี่ยังคงรวดเร็วดังเดิม” เมื่อหลานเย่ว์เงยหน้าขึ้นพร้อมเลิกคิ้ว “อั้นอิ่ง อวี่ซาง? พวกเจ้าสองคนมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”
“จะเพราะอะไรกันอีกเล่า” อวี่ซางเตะไปที่หินลับมีดที่วางกองอยู่บนพื้นอย่างรังเกียจ “ก็เหมือนกับท่านพี่อย่างไรเล่า โดยนายท่านของพวกเราไล่ออกมา” ไล่มาที่นี่เพื่อมาเป็นผู้คุ้มกันของสตรีนางหนึ่ง!
“คุณชายใหญ่ก็ส่งพวกเจ้ามาคุ้มกันคุณหนูใหญ่หรอกหรือ?” คิ้วของหลานเย่ว์ขมวดแน่นขึ้น เพราะในใจของเขากำลังพิจารณาคำตอบนั้นอยู่ ดูเหมือนว่าตอนนี้มีอะไรบางอย่างแสดงออกมา
“อืม” เมื่อเห็นอวี่ซางทำท่าไม่อยากตอบคำถามอีกต่อไป อั้นอิ่งจึงเอ่ยขึ้นเองว่า “ไม่ได้มีเพียงแค่พวกเราสองคน ยังมีพวกผูหลิวอีก พวกเราทั้งห้าคนถูกนายท่านส่งมาอยู่ที่นี่” เมื่อเอ่ยถึงตรงนี้อั้นอิ่งกัดฟันยิ้ม “แต่ตอนนี้สิ่งที่ข้ากังวลก็คือ คุณหนูใหญ่ผู้นี้มีนิสัยอย่างไร?” เนื่องจากโดยปกติแล้วคุณหนูใหญ่ก็มักจะถูกเลี้ยงดูมาให้อ่อนแอ เอาแต่ใจไม่สนใจกฏเกณฑ์และขี้โมโห คำบรรยายเหล่านี้ถือว่าเป็นคำที่ใช้แทนพวกนางได้ถูกต้อง แม้ว่าเบื้องหน้าจะดูเป็นกุลสตรีที่มีศีลธรรม แต่อย่างไรภายในของพวกนางก็คงไม่ต่างไปจากนี้
หลานเย่ว์เก็บกระบี่คู่กายของเขาแล้วเอ่ยเรียบๆ ว่า “คุณหนูใหญ่เป็นคนดีมาก พออยู่กับนางนานเข้าพวกเจ้าก็จะรู้เอง ไม่เหมือนกับข่าวลือพวกนั้นเลยแม้แต่น้อย แถมนิสัยของนางก็ไม่คล้ายกับคุณหนูตระกูลใหญ่ทั่วไป”
“สรุปแล้วดีหรือว่าไม่ดีกันแน่?” อวี่ซางทนฟังต่อไม่ไหวจึงพูดแทรกขึ้น “พอได้ฟังพี่ใหญ่พูดเช่นนี้ คุณหนูใหญ่คนนี้ดูแล้วคงใช้ได้เลยทีเดียว?
น่าเสียดายที่หน้าตา…ดูโง่ไปหน่อย” รูปโฉมงดงามเช่นนี้ เมื่อเห็นแล้วเหมือนไม่ใช่คนฉลาดอะไร พวกคนเฒ่าคนแก่ก็เคยบอกเอาไว้ว่า สตรีที่มีรูปโฉมงดงามจะไม่ค่อยมีสมองเท่าไหร่นัก?”
มิเช่นนั้นจะเรียกพวกนางว่าแจกันดอกไม้[1]ทำไม คำๆ นี้คงมิได้ไม่มีที่มาที่ไปอะไร
“อย่าพูดเหลวไหล!” หลานเย่ว์กำมือแน่น “หากข้าได้ยินอีกครั้งว่าพวกเจ้าพูดถึงคุณหนูอย่างเหลวไหลเช่นนี้อีก หากคุณหนูใหญ่ไม่จัดการเจ้า ข้าก็จะสั่งสอนเจ้าสักยกเอง!” จะอย่างไรเขาก็อยู่ที่นี่มานานพอตัวแล้ว อีกทั้งการปกป้องเจ้านายก็เป็นสิ่งที่ผู้คุ้มกันและองครักษ์ทุกคนถูกปลูกฝังไว้ในใจมาตั้งแต่เด็กและฝังรากลึกยากที่จะแก้ไขได้
ดังนั้นเมื่อได้ยินอวี่ซางพูดถึงซูเหลียนอวิ้นเช่นนี้ หลานเย่ว์จึงเป็นคนแรกที่รู้สึกไม่พอใจ
“เอาล่ะๆๆ ข้าไม่ว่าแล้วก็ได้” อวี่ซางถอยหลังไปสองสามก้าวแสร้งทำเป็นหวาดกลัว “แต่พอเห็นท่านเป็นเช่นนี้ ข้าก็พอวางใจลงได้บ้าง ว่าคุณหนูใหญ่ เจ้านายใหม่ของเราเป็นคนที่นิสัยไม่เลวนัก เช่นนั้นก็คงคุยกันง่ายหน่อย!”
“พี่ใหญ่ แต่ละวันที่ท่านอยู่ที่นี่ท่านทำงานอะไรบ้าง? คุณหนูใหญ่สั่งเอาไว้แล้วว่าให้ข้ามาทำงานแทนท่านได้เลย” อวี่ซางเชิดหน้าขึ้นอย่างได้ใจ ท่าทางนี้กำลังบ่งบอกว่า ท่านดูสิข้าเพิ่งมาวันแรก ข้าก็ได้ทำงานของท่านแล้ว!
หลานเย่ว์ก้มหน้าพิจารณาถึงความหมายที่อยู่ในคำพูดของอวี่ซาง เนื่องจากหากดูจากความสัมพันธ์ระหว่างอวี่ซางกับซูเหลียนอวิ้นตามความเข้าใจของหลานเย่ว์แล้ว…
อนนี้ท่าทางของอวี่ซางที่แสดงออกต่อหน้าเขาแสดงออกว่าเขาไม่พอใจที่ต้องทำงานนี้เป็นอย่างมาก แล้วเวลาอยู่ต่อหน้าคุณหนูใหญ่เล่า? หลานเย่ว์แน่ใจว่า เจ้าเด็กอวี่ซางนี่ต้องทำให้ซูเหลียนอวิ้นไม่พอใจไว้อย่างแน่นอน! ส่วนซูเหลียนอวิ้นก็เป็นคนที่ชอบเอาคืน ดังนั้นคำพูดนี้ของอวี่ซางจะต้องมีความหมายที่ลึกซึ้งอย่างแน่นอน!
เมื่อคิดถึงตรงนี้ หลานเย่ว์ก็เข้าใจอย่างทะลุปรุโปร่ง จากนั้นจึงเอ่ยออกไปด้วยสีหน้าสดใส “ข้าเข้าใจแล้ว รอให้ฝนหยุดก่อน หลังจากที่ฝนหยุดแล้วก็เป็นเวลาที่เจ้าต้องเริ่มทำงานแล้ว” เจ้าเด็กโง่ รอก่อนเถิด ฝนตกแรงขนาดนี้ หญ้าพวกนั้นจะโตขึ้นมามากขนาดไหน เขาจินตนาการออกมาเป็นภาพได้อย่างชัดเจน!
อีกอย่างเนื้อที่ของสวนต้นสาลี่ก็กว้างขวางมาก หากคุณหนูใหญ่มีใจอยากจะสั่งสอนเจ้า…อวี่ซาง พี่ใหญ่อย่างข้าขอเป็นกำลังใจให้เจ้าอยู่เงียบๆ ก็แล้วกัน!
ณ จวนจิ้งอันโหว
ต้วนเฉินเซวียนกำลังเปลี่ยนผ้าพันแผลให้ตนเองอย่างระมัดระวัง สามารถกล่าวได้ว่า คมกระบี่เมื่อวานนั้น แม้ว่าจะเป็นเพียงพลังของกระบี่แต่กลับคมอย่างผิดธรรมดา
ในตอนที่เขากลับถึงจวนนั้น เลือดจากบาดแผลนั้นก็ได้เกาะตัวรวมกับเสื้อผ้าของเขากลายเป็นก้อนก้อนหนึ่งแล้ว เมื่อดึงผ้าออกทั้งหมดจนเห็นบาดแผลได้อย่างชัดเจน ต้วนเฉินเซวียนจึงหายใจเอาอากาศเย็นๆ เข้าไป เพราะบาดแผลนั้นลึกจนแทบจะเห็นกระดูกเสียแล้ว!
ต้วนเฉินเซวียนจึงอดไม่ได้ที่จะนึกถึงคำพูดของชายเฒ่าผู้ขายกระบี่เล่มนี้ให้แก่เขา
“องค์หญิงจิ้งหว่าน…แก้แค้น?” ต้วนเฉินเซวียนเอ่ยเบาๆ ริมฝีปากเขาปรากฏรอยยิ้ม “น่าสนุกแล้ว”
ตอนนั้นเขาคิดว่าเป็นเรื่องราวที่ชายเฒ่าผู้นั้นแต่งขึ้นมาเองอย่างไม่มีมูลความจริง แต่ตอนนี้พอพิจารณาใหม่อีกครั้งหนึ่งดูเหมือนว่าจะเคยเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นจริงๆ? เนื่องจากตอนนี้กระบี่เล่มนั้นได้ยอมรับซูเหลียนอวิ้นเป็นเจ้าของแล้ว ดังนั้นการที่เขาถูกทำร้ายก็เป็นสิ่งที่สามารถอธิบายแล้ว
อีกอย่างขนาดซูเหลียนอวิ้นยังสามารถกลับมาเกิดใหม่ได้อีกครั้ง ดังนั้นเรื่องที่กระบี่เล่มนี้มีจิตวิญญานแฝงอยู่จนสามารถฆ่าคนตามคำสั่งได้ ก็ไม่ได้ทำให้คนแปลกใจมากขึ้นเท่าไหร่นัก
แต่ว่า…ต้วนเฉินเซวียนกัดฟันใส่ยาให้ตัวเองพลางทอดถอนใจ ชาตินี้เขามีอุปสรรคมากมายนัก…
เพราะนี่ยังไม่เอ่ยถึงเรื่องที่ซูมั่วเยี่ยและซูปั๋วชวนสองคนนี้หวงแหนซูเหลียนอวิ้นอย่างกับอะไรดีเพราะเมื่อชาติที่แล้วเขาก็เคยมีบทเรียนมาแล้ว แถมชาตินี้ความสัมพันธ์ของซูเหลียนอวิ้นกับพวกเขาทั้งสองคนก็ดีขึ้นยิ่งกว่าเดิมอีก ดังนั้นเมื่อเปรียบเทียบกันแล้วพวกเขาคงไม่ยอมให้นางแต่งงานออกไปง่ายๆ
ไหนจะยังมีหรงซู่อีกคน…แม้ว่าตอนนี้เขาจะรู้แล้วหรงซู่ไม่ได้มีความคิดอะไรเช่นนั้นกับซูเหลียนอวิ้น แต่หากตนตามจีบซูเหลียนอวิ้นจริงๆ แน่นอนว่าหรงซู่จะต้องอยากเห็นเขาประสบความสำเร็จจนคอยตามสร้างเรื่องและเล่นตุกติกกับตนเพิ่มอย่างแน่นอน
ยิ่งไปกว่านั้นซูเหลียนอวิ้นในชาตินี้มีความคิดความอ่านที่เรียบง่ายแต่ทำให้นางสง่างามโดยไม่ต้องอาศัยเสื้อผ้าอาภรณ์ช่วย ด้วยเหตุนี้จึงไม่รู้ว่านางทำให้ชายในเมืองสะดุดตาเพิ่มมากขึ้นอีกเท่าใด ฐานะ หน้าตา รวมทั้งบุคลิกลักษณะที่โดดเด่นและเด็ดเดี่ยวของนาง เมื่อนำทุกๆ อย่างมารวมกันยิ่งทำให้นางมีความสวยสง่ามากยิ่งขึ้น
ทั้งตอนนี้ซูเหลียนอวิ้นยังเข้าพิธีปักปิ่นเรียบร้อยแล้ว เกรงว่าเร็วๆ นี้ ผู้ที่อยากหมั้นหมายกับนางคงจะเริ่มแวะเวียนมาทักทายที่จวนตระกูลซูอย่างหัวกะไดไม่แห้งทีเดียว?
เมื่อคิดถึงตรงนี้ มือของต้วนเฉินเซวียนก็ออกแรงเสียจนเกือบทำเอาแผลที่พันเรียบร้อยของตัวเองยุ่งเหยิงขึ้นอีกครั้ง
ด้วยเหตุนี้ เขาไม่เพียงต้องคอยป้องกันกระบี่เล่มนั้นที่สามารถโจมตีเพื่อฆ่าเขาได้ทุกเมื่อเท่านั้น แต่เขายังต้องคอยกันท่าคนมากมายที่สนใจในตัวซูเหลียนอวิ้น และยังต้องคอยเทียวไปเอาอกเอาใจซูเหลียนอวิ้นรวมทั้งคนในตระกูลของนางอีก ทั้งหมดนี้ยังมีความเป็นไปได้เหลืออยู่บ้างหรือไม่?
เพียงคิดถึงตรงนี้ หัวของต้วนเฉินเซวียนก็เริ่มจะโตขึ้นเสียแล้ว อุปสรรคมากมายยิ่งนัก!
แต่หากถามเขาว่าสุดท้ายแล้วเขาเสียใจหรือไม่? เขาก็ยังคงยืนกรานในคำตอบนั้นอยู่ ตั้งแต่ที่เขาเห็นเหตุการณ์เมื่อชาติที่แล้วทั้งหมด สิ่งที่เขาได้ทำลงไปทั้งหมด จะไม่มีคำว่าเสียใจสองคำนี้อย่างแน่นอน
——
[1] แจกันดอกไม้หมายถึง ใช้เปรียบเทียบผู้หญิงที่สวยงามน่าชมเพียงอย่างเดียวแต่ไม่มีความคิด