ลิขิตกลกาล - ตอนที่ 156 แต่งงาน
“ยิ่งไปกว่านั้น เจ้าคิดว่า หากข้าออกปากไปแล้ว ในเมืองหลวงแห่งต้าชั่วนี้จะยังมีคนกล้าขอเจ้าแต่งงานอีกหรือซูเหลียนอวิ้น”
เมื่อซูเหลียนอวิ้นได้ยินดังนี้ลมหายใจของนางก็เริ่มหยุดชะงัก เนื่องจาก…ต้วนเฉินเซวียนกล่าวมิผิดแน่นอนว่ามีหลายคนที่อยากจะสานสัมพันธ์กับจวนแม่ทัพและอยากแต่งงานกับนาง แต่หากผลของการแต่งงานกับนางทำให้ต้องได้รับโทษจากต้วนเฉินเซวียนเล่า
เกรงว่า…คงไม่มีผู้ใดมีความกล้าหาญขนาดนั้น
นั่นเป็นเพราะว่าชื่อเสียงเงินทองและตำแหน่งหน้าที่นั้นมีไว้สำหรับคนเป็นใช้เท่านั้น หากตายไปแล้วล่ะต่อให้ได้รับมาแล้วจะมีประโยชน์อะไร
“ข้า…” ซูเหลียนอวิ้นกัดริมฝีปากล่างเอาไว้แน่น นางอยากจะตอบโต้ ทว่า…ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ข้ออ้างต่างๆ ดูเหมือนจะอ่อนและไร้พลังเกินไปหน่อย ไม่ว่าจะเป็นข้ออ้างใดๆ ก็เป็นได้แค่ข้ออ้างเท่านั้น
“แต่งกับข้าไม่ดีตรงไหน” น้ำเสียงของต้วนเฉินเซวียนอ่อนโยนขึ้นจากนั้นจึงนั่งลงข้างๆ ซูเหลียนอวิ้น “ข้ามีอะไรไม่ดีหรือตอนนี้ข้าเคยด่าเจ้าหรือทำร้ายเจ้าหรือซูเหลียนอวิ้นเหตุใดเจ้าถึงต่อต้านข้าเช่นนี้”คนที่ปฏิบัติกับเจ้าเช่นนั้นเมื่อชาติที่แล้วไม่มีอีกต่อไปแล้ว! ซูเหลียนอวิ้นพอจะเงยหน้าขึ้นมามองตัวเขาในตอนนี้ใหม่ได้หรือไม่!
คำพูดประโยคนี้ดังก้องอยู่ในใจของต้วนเฉินเซวียนซ้ำแล้วซ้ำเล่าเขาถึงขั้นคิดด้วยซ้ำว่าอยากจะจับซูเหลียนอวิ้นแยกร่างออกจากนั้นจะตะโกนประโยคนี้ใส่นาง แต่เขาได้แค่คิดเท่านั้น เพราะเขาไม่กล้าแหวกหญ้าให้งูตื่น
ซูเหลียนอวิ้นเหลือบตาขึ้นมองต้วนเฉินเซวียน แต่เพียงครู่เดียวนางก็ก้มหน้าลงอีกแล้วเอ่ยขึ้นว่า “ท่านเคยว่าข้า…” และเคยทำร้ายข้า แม้ว่าชาตินี้จะยังไม่เคยทำร้ายนางแต่ว่าเมื่อชาติที่แล้วนางเคยโดนเขาทำร้าย! นางไม่มีวันลืมความแค้นนี้!
“ข้าเคยว่าเจ้าเมื่อไหร่กัน”
“ในวันงานพิธีปักปิ่นของข้าอย่างไรเล่า! ตอนที่ท่านอาจารย์กับหนานกงจวิ้นจู่กลับไปแล้ว! ” ซูเหลียนอวิ้นทำเสียงราวกับไม่ได้รับความเป็นธรรม คนผู้นี้เคยต่อว่านางชัดๆ! ตอนนี้ทำเป็นใสซื่อจำอะไรไม่ได้สักอย่าง คิดจะเสแสร้งให้ผู้ใดดูรึ!
“ตอนนั้นข้า…” ต้วนเฉินเซวียนพูดไม่ออก เพราะสิ่งที่ซูเหลียนอวิ้นพูดนั้นไม่ผิด ครั้งนั้นดูเหมือนว่าเขาจะเห็นว่าความว่าสัมพันธ์ของนางกับหรงซู่ดีมากเกินไป…จึงพูดแรงเกินไปหน่อย
แต่นั่นเป็นตอนที่เขายังคิดอะไรไม่ได้! แต่หลังจากวันที่เขาเข้าใจทุกอย่างแล้วเขาเคยปฏิบัติกับนางแบบนั้นหรือ
“อีกอย่างครั้งนั้นข้าถูกท่านว่าจนร้องไห้! ” ซูเหลียนอวิ้นไม่สนใจว่าตอนนี้ต้วนเฉินเซวียนจะคิดอย่างไร
ถึงอย่างไรก็ต้องตายด้วยกันทั้งนั้น งั้นจะอย่างไรเล่า ทำให้ตัวเองสบายใจไว้ไม่ดีกว่าหรือ พูดในสิ่งที่อยากพูดทุกอย่างออกมาให้หมดถึงจะถูกต้อง! หากต้องตายอย่างน้อยๆ นางก็ไม่ต้องเก็บความรู้สึกอึดอัดใจไว้ตลอด!
“อีกอย่างเมื่อกี้ ท่านก็ว่าข้า! “
“เมื่อกี้นี้ข้าว่าเจ้าที่ไหน! ” ตอนนี้เป็นคราวที่ต้วนเฉินเซวียนรู้สึกไม่เป็นธรรมบ้างแล้ว เมื่อครู่นี้เขาว่าซูเหลียนอวิ้นเมื่อไหร่กันเขาความจำเสื่อมหรืออย่างไร
“แต่ข้าร้องไห้…” ซูเหลียนอวิ้นสูดจมูกสองทีแล้วเอ่ยขึ้น “แต่ข้าร้องไห้นะ! “
ต้วนเฉินเซวียน …
ได้! ถึงอย่างไรก็เป็นเขาที่ทำไม่ถูก! เพราะว่าตอนนี้เขามองออกแล้วว่าซูเหลียนอวิ้นกำลังเล่นตุกติกกับเขาอยู่ แต่ก็ดีเหมือนกันเพราะเล่นขี้โกงก็ยังดีกว่าไม่สนใจเขาและคิดแต่จะหลบเขาไปตลอด
“เช่นนั้นเจ้าคิดว่าอย่างไร” ต้วนเฉินเซวียนค้อมเอวลงแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงสุภาพ “คุณหนูซู เจ้าจะให้ทำอย่างไรเจ้าพูดออกมาก็พอข้าสัญญาว่าจะรับปากเจ้าทุกอย่าง เจ้าจะให้อภัยข้าได้หรือไม่? “
“ต้วนเฉินเซวียน ท่านมิต้องทำแบบนี้” ซูเหลียนอวิ้นค่อยๆ รักษาระยะห่างออกมาอย่างเงียบๆ “สิ่งที่ต้วนเฉินเซวียนจะทำต่อไปมีเพียงแค่ไม่ต้องสนใจข้า ไม่ต้องยุ่งกับข้า ต่อจากนี้ก็ช่วยอยู่ให้ไกลๆ จากข้าหน่อย! ทำแค่นี้ก็พอแล้ว”
“เช่นนั้นเกรงว่าข้าคงทำไม่ได้” ต้วนเฉินเซวียนเงยหน้าขึ้นแล้วขยับตัวเข้าไปใกล้ซูเหลียนอวิ้นมากขึ้น “สิ่งที่เจ้าร้องขอ ข้าทำมิได้อย่างแน่นอน สู้เจ้าเสนอความคิดอื่นจะไม่ดีกว่าหรือเผื่อข้าจะรับพิจารณาบ้าง” ไม่ต้องยุ่ง ไม่สนใจ วันหน้าช่วยอยู่ให้ไกลๆ ? จะเป็นไปได้อย่างไรเล่า?
ต้วนเฉินเซวียนเยาะเย้ยในใจ ซูเหลียนอวิ้นเจ้าช่วยรีบคิดเร็วๆ เข้าเถิด! เพราะต่อจากนี้ไป เฮอะ อย่างไรเจ้าก็ต้องเข้ามาเป็นคนในตระกูลต้วนอยู่ดี!
ซูเหลียนอวิ้นขมวดคิ้ว จะให้คิดอะไรได้อีกหรือไม่มีอย่างอื่นแล้ว! ข้อแรกนางไม่สามารถขอร้องให้ต้วนเฉินเซวียนมาช่วยทำเรื่องใดๆ ให้นางได้ ข้อสองนางไม่มีวันรับทรัพย์สินเงินทองใดๆ ของเขา เพราะเงินของต้วนเฉินเซวียน นางเกรงว่าแม้นางจะแตะโดนมันเพียงครู่เดียวแต่มันจะต้องลวกมือของนางอย่างแน่นอน!
“คิดไม่ออกหรือคิดไม่ออกก็ไม่ต้องคิดแล้ว” เมื่อเห็นสายตาของซูเหลียนอวิ้นที่คล้ายกำลังอับจนหนทาง ต้วนเฉินเซวียนจึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยตัดตอนขึ้น ในหัวสมองน้อยๆ ของซูเหลียนอวิ้นคิดอะไรอยู่บ้าง ตัวเขาเองก็พอเดาออกอยู่เจ็ดแปดส่วน
หากนางไม่ได้กำลังคิดว่าจะอยู่ให้ห่างจากเขา ก็คงจะกำลังคิดว่าตัวนางจะหลบเขาให้พ้นได้อย่างไรกระมังหากเป็นความคิดเหล่านี้ก็ไม่จำเป็นต้องพูดถึงอีก! เพราะพูดออกมามีแต่จะทำให้เขาหัวเสียเอาได้ง่ายๆ!
“คิดออกแล้ว” ซูเหลียนอวิ้นเหลือบมองเขาคราหนึ่ง “ท่านรีบบอกมาเถิดว่าวันนี้ท่านมาที่เรือนของข้าด้วยธุระใดจากนั้นท่านก็รีบกลับไปเถิด” หากจะไล่ให้หายไปตลอดกาลคงเป็นไปไมได้ เช่นนั้นวิธีการเดียวที่เหลือมีเพียงรีบหาทางไล่เขาออกไปให้เร็วที่สุด
“เรื่องที่เจ้าพูดถึง แบ่งเป็นสองเรื่อง” ต้วนเฉินเซวียนเริ่มทำท่าทางเจ้าเล่ห์ ถึงอย่างไรตอนนี้เขาก็ยังไม่อยากกลับ
ซูเหลียนอวิ้นจ้องไปที่เขา “แต่ที่ท่านทำให้ข้าร้องไห้มิได้มีเพียงสองครั้ง! “
“อ้อ ตกลงงั้นข้าจะพูดเดี๋ยวนี้” ตอนนั้นต้วนเฉินเซวียนรู้สึกเหนื่อยใจขึ้นมาอืม เพราะสิ่งที่ซูเหลียนอวิ้นพูดก็มีเหตุผล เขาไม่ได้ทำให้นางร้องไห้เพียงแค่สองครั้งจริง…
“วันนี้ที่ข้ามาหาเจ้าเพราะต้องการจะบอกกับเจ้าว่า ช่วงระยะนี้เจ้าอย่าออกไปนอกจวนจะดีที่สุด”
“เรื่องแค่นี้เองหรือ” ซูเหลียนอวิ้นขมวดคิ้วด้วยความประหลาดใจแล้วมองไปที่ต้วนเฉินเซวียน
เนื่องจากด้วยเรื่องแค่นี้…ถึงกับต้องมาถึงที่เรือนของนางเพื่อบอกนางเลยหรือเพราะจะอย่างไรแล้วเรื่องราวของหยางเกิ่งรั่งเพิ่งจะเกิดขึ้นไปหมาดๆ ผู้ใดจะรู้ว่าตามถนนหนทางยังมีพวกบ้าคลั่งหลงเหลืออยู่หรือไม่! ตอนนี้คนฉลาดล้วนหลบอยู่แต่ในบ้านและไม่ออกไปที่ใดกันทั้งนั้น!
“ข้าย่อมมีเรื่องอื่นอีกแน่นอน! ” ต้วนเฉินเซวียนยืดตัวขึ้นพลางเอ่ย “งานเลี้ยงในวังหลวงใกล้จะจัดขึ้นแล้ว ดังนั้น…หากมีคนพูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างเจ้ากับข้าเจ้าต้องบอกว่าเจ้าเกลียดข้ามากห้ามบอกว่าพวกเรามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันอย่างเด็ดขาดเข้าใจหรือไม่”
“แต่เดิมทีข้าก็…” พอเห็นต้วนเฉินเซวียนเริ่มหรี่ตา ซูเหลียนอวิ้นก็กลืนคำพูดที่เหลือลงไปอย่างเงียบเชียบ
‘ก็ได้ ปากนางไม่พูดแต่ในใจของนางยังบ่นได้! คนอย่างนางเกลียดต้วนเฉินเซวียนเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว! ทั้งในเรื่องความสัมพันธ์ก็ไม่มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันอยู่แล้วถูกหรือไม่แถมยังไม่สนิท…’
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าเยียลี่ว์เยี่ยนมาถึงแล้ว” น้ำเสียงของต้วนเฉินเซวียนหนักอึ้ง
“เขามาแล้วเกี่ยวอะไรกับข้าด้วยข้ามิได้จะแต่งงานกับเขาเสียหน่อย” ซูเหลียนอวิ้นขมวดคิ้ว นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่มีเหตุมีผล เพราะแม้ว่าเยียลี่ว์เยี่ยนจะมีรูปโฉมสง่างาม แต่เขาเป็นคนต่างบ้านต่างเมืองนางไม่อยากแยกจากครอบครัวของนางสักหน่อย!
เมื่อต้วนเฉินเซวียนได้ยินคำตอบของซูเหลียนอวิ้น มุมปากของเขาก็ยกขึ้นอย่างมิอาจควบคุม จากนั้นจึงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสดใส “นั่นก็ถูกต้องอยู่แล้ว! เจ้าลองไม่คิดเช่นนี้ดูสิ! “