ลิขิตกลกาล - ตอนที่ 158 สำรวจ
“คุณหนูซู…” คนผู้นั้นรีบเช็ดน้ำตาและรอยอื่นๆ บนใบหน้า “บ่าวเอง เป็นบ่าวเอง! บ่าวคือ…!”
“หยุด!” ซูเหลียนอวิ้นยกมือขึ้นมาห้ามเอาไว้ “ข้าคิดว่าหากเจ้ายังคิดจะพูดต่อ…จะเกิดอันตรายกับเจ้า!” หากต้วนเฉินเซวียนรู้ว่าตอนนี้หลิวจือไม่เพียงถูกจับได้เท่านั้นแต่ยังโดนทำร้ายด้วย…เกรงว่าหากกลับไปคงต้อง…เฮ้อ!
แต่คนผู้นี้เป็นถึงหลิวจือ! ซูเหลียนอวิ้นรู้สึกหวั่นใจ เนื่องจากหลิวจือมาที่เรือนของนางได้อย่างไรแถมยังโดนจับเช่นนี้ ซูเหลียนอวิ้นไม่เพียงคิด แต่หลังจากนั้นยังถอนหายใจออกมาด้วย
หลิวจือน่าสงสารยิ่ง…มิน่าเล่าเมื่อวานต้วนเฉินเซวียนถึงเข้ามาในห้องของนางได้ง่ายๆ ! นางคิดว่าคงมีคนให้เขาเป็นเป้าล่อนั่นเอง!
“ใช่ๆๆ เป็นบ่าวเอง!” ตอนนี้หลิวจือปลื้มใจจนน้ำตาไหลออกมาแล้ว
‘ฮูหยินไม่เสียแรงที่เป็นฮูหยิน! ตอนนี้เขามีสภาพเช่นนี้ไปเสียแล้ว ฮูหยินยังจำเขาได้! ฮูหยินนั้น…ดีกว่านายท่านเสียด้วยซ้ำ! มิถูก ตอนนี้นายท่านต้องกำลังวุ่นวายอยู่กับการตามหาเขาอย่างแน่นอน! เมื่อครู่นี้เขาคิดถึงนายท่านเช่นนั้นได้อย่างไร! ‘
“ใช่อะไร! ข้ารู้จักเจ้าด้วยหรือ” ซูเหลียนอวิ้นแค่นเสียงถอนใจแล้วมองลงไปที่หลิวจือ เพราะเมื่อวานต้วนเฉินเซวียนจู่ๆ ก็…ทำเรื่องนั้นกับนาง! นางยังมิได้คิดจะอภัยให้ใครทั้งนั้น!
ดังนั้นแม้ในตอนนี้หลิวจือจะเป็นผู้รับเคราะห์และตัวล่อเป้าให้ต้วนเฉินเซวียน แถมยังโดนคนของนางทำร้ายอีกยกใหญ่ แต่ในสายตาของซูเหลียนอวิ้นแล้ว…หลิวจือสมควรโดนแบบนี้แล้ว!
เนื่องจากธุระที่ต้วนเฉินเซวียนมาหานางในวันนี้ หลิวจือกล้าพูดหรือไม่ว่าตนไม่รู้เรื่องเลยแม้แต่น้อย? ซูเหลียนอวิ้นไม่เชื่อเด็ดขาด ดังนั้นถ้าหากรู้แล้วยังกล้าทำแบบนี้อีก? ความผิดของเรื่องนี้ถือว่าไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เลย!
“คุณ คุณหนูซู?” ตอนนี้หลิวจือแถบจะเป็นใบ้ไปแล้ว ทำไมจู่ๆ ถึงได้เปลี่ยนแปลงไปเช่นนี้ เมื่อครู่นี้มิได้เตือนเขาอยู่หรือว่าให้เขาอย่าพูดมาก! เหตุใดตอนนี้ถึงทำสายตา…
“คุณหนูใหญ่รู้หรือว่าคนผู้นี้คือใคร” ผูหลิวรู้สึกได้ถึงบรรยากาศกระดากกระเดื่องและแปลกประหลาดขณะนี้จึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากถามขึ้น “เช่นนั้นคนผู้นี้…คุณหนูใหญ่คิดว่าจะจัดการกับเขา”
“ใครบอกว่าข้ารู้จักเขา” ซูเหลียนอวิ้นแบมือออกมาอย่างไม่รู้อิโหน่อิเหน่ “ข้าไม่รู้จักเขาเลยสักนิด! เขาคือใครหรือ” คนผู้นี้คือใคร นางรู้จักหรือ เพราะหากนางกล้าพูดออกไปว่านางรู้จักคนผู้นี้ล่ะก็ หากนางจะลงโทษเขาขึ้นมา…คงมิอาจใช้วิธีการที่รุนแรงจัดการเขาได้!
ข้อหาที่จะใช้ระหว่างโจรกระจอกที่แอบย่องเข้ามากลางดึกกับผู้ชายที่นางรู้จักดีมาหานางกลางดึก? ถ้าให้เลือกได้ก็ต้องเลือกตัวเลือกแรกอยู่แล้วกระมัง!
“เช่นนั้นคุณหนูใหญ่เตรียมจะให้ทำ…?”
“อืม…” ซูเหลียนอวิ้นแสร้งทำท่านิ่งเงียบครุ่นคิดไปครู่หนึ่งจึงเอ่ยว่า “หากมีข่าวลือหลุดออกไปจากเรือนข้าว่ามีบุรุษแอบย่องเข้ามาหาข้ากลางดึกล่ะก็ ชื่อเสียงในเรื่องเช่นนี้…เฮ้อ ผูหลิว เจ้ามียาปิดปากบ้างหรือไม่ ยาประเภทที่ทำให้คนกินเข้าไปแล้วพูดไม่ออก”
“เนื่องจากตัวข้านั้นเป็นคนที่จริงใจและมีเมตตามาก! เมื่อต้องเผชิญหน้ากับคนประเภทนี้ ข้ามิอาจแข็งใจสั่งฆ่าเขาได้! ข้าใจอ่อนเกินไป…”
ผูหลิวพยักหน้า “คุณหนูใหญ่ใจอ่อนยิ่งนัก! โจรกระจอกเช่นนี้ ต้องฆ่าให้ตายสักร้อยรอบถึงจะสาสม! คุณหนูวางใจได้ บ่าวยังพอมียาปิดปากอยู่บ้าง!”
“คุณหนูซู!” หลิวจือตื่นตระหนก “นี่บ่าวเอง! คุณหนูลองดูให้ดีๆ สิขอรับ บ่าวคือ…! เอ่อ!”
“บ่าวอะไรของเจ้า!” ซูเหลียนอวิ้นกอดอก “เหตุใดข้าถึงนึกไม่ออกว่ามีบ่าวอย่างเจ้าด้วย เพราะคนของข้ามีแต่ผู้ที่มีวรยุทธ์สูงและหน้าตาดีทั้งนั้น! แล้วดูเจ้าตอนนี้สิ…เจ้านับญาติผิดแล้วหรือไม่”
“เอาล่ะ หากเจ้าไม่เต็มใจที่จะกลายเป็นเป็นคนใบ้ อย่างนั้นเรื่องนี้ก็ยังพอมีทางออกอื่น!” ซูเหลียนอวิ้นหมุนตัวไปแล้วเอ่ยต่อว่า “ผูหลิว เมื่อไม่กี่วันก่อนตอนที่ข้าเข้าเฝ้าฮองเฮา คล้ายว่าฮองเฮาจะบอกว่าที่วังหลวงมีคนเข้ามาใหม่กลุ่มหนึ่ง! ข้าดูคนผู้นี้แล้วไม่เลวทีเดียว ส่งเข้าวังไปไปเป็นขันทีคงจะดีไม่น้อย!”
เมื่อหลิวจือได้ยินซูเหลียนอวิ้นพูดอย่างช้าๆ จนจบเขาก็รีบเอามือกุมร่างกายท่อนล่างของเขาไว้ทันที อีกทั้งยังตกใจจนคิดไม่ออกด้วยซ้ำว่าควรจะพูดอย่างไรดี
“อื้มๆๆ” ผูหลิวมองไปที่เขาพร้อมพยักหน้าอย่างหนักแน่น “คุณหนูใหญ่พูดมีเหตุผล!” หากตอนนี้ยังไม่เข้าใจสถานการณ์ก็คงเป็นคนโง่เต็มทน! ตอนนี้เห็นได้อย่างชัดเจนว่าคุณหนูใหญ่กำลังปั่นหัวคนผู้นี้เล่น! แต่คนผู้นี้ก็น่าสมน้ำหน้าแล้ว
“คุณหนู! ด้านหน้ามีคนมาเจ้าค่ะ” ในขณะที่ซูเหลียนอวิ้นคิดถ้อยคำเพื่อจะพูดข่มขู่ต่อนั้น หลีมู่กลับรีบวิ่งเข้ามาอย่างรีบร้อน “คุณหนูเจ้าคะที่เรือนหน้ามีคนมาเจ้าค่ะ ฮูหยินบอกว่าให้ส่งคนไปดูสักหน่อย”
เมื่อซูเหลียนอวิ้นฟังจบก็ขมวดคิ้ว เรือนหน้ามีคนมาหรือ แถมยังต้องการให้นางไปดูด้วย? นางเริ่มรู้สึกแล้วว่ากำลังจะมีเรื่องวุ่นวายเกิดขึ้น!
“ก็ได้ อีกประเดี๋ยวข้าค่อยกลับมาจัดการเรื่องนี้” ซูเหลียนอวิ้นเหลือบมองไปที่หลิวจืออย่างไร้อารมณ์จากนั้นจึงหันไปมองผูหลิวแล้วเอ่ยว่า “ดูคนผู้นี้ไว้ให้ดี เดี๋ยวข้าจะรีบกลับมา”
“คุณหนูใหญ่วางใจเถิดเจ้าค่ะ”
เรือนหน้า
“ท่านแม่ มีเรื่องสำคัญอะไรหรือถึงได้รีบร้อนเช่นนี้…?” ซูเหลียนอวิ้นเลิกม่านแล้วเดินเข้าไป ทว่ากลับเห็นหญิงสาวแรกรุ่นผู้หนึ่งที่นางไม่คุ้นหน้านั่งอยู่ข้างๆ อันเพ่ยอิง ตอนนั้นเองคำพูดของนางที่เตรียมจะใช้ออดอ้อนจำต้องกล้ำกลืนลงไป “ท่านแม่เจ้าคะ คนผู้นี้คือ…?”
“รีบเข้ามาเถิดอวิ้นเอ๋อร์ ด้านนอกร้อนเสียขนาดนั้นอย่าให้ไอร้อนเข้ามาด้านในด้วยเลย” อันเพ่ยอิงลุกขึ้นเพื่อแนะนำ “เห็นว่าคนผู้นี้คือองค์หญิงที่มาจากเมืองเยียลี่ว์ นางมีชื่อว่าเยียลี่ว์เยียน วันนี้ตอนที่แม่ออกไปซื้อของตอนเช้าบังเอิญพบนางเข้า…จากนั้นก็…”
ถ้อยคำของอันเพ่ยอิงเอ่ยออกมาอย่างติดๆ ขัดๆ ถึงแม้ว่าซูเหลียนอวิ้นจะฟังแล้วเข้าใจได้ แต่ทำไมถึงเป็นเยียลี่ว์เยียนได้เล่า
เยียลี่ว์เยียนลุกขึ้นแล้วกล่าวแนะนำอย่างมีไมตรี “สวัสดีคุณหนูซู ข้าเป็นองค์หญิงที่มาจากเมืองเยียลี่ว์ นามว่าเยียลี่ว์เยียน วันนี้ตอนเช้า ขณะที่เดินซื้อของอยู่ที่ตลาดบังเอิญเจอกับท่านแม่เข้า ข้าจึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่ามีพรหมลิขิตต่อกันนัก ดังนั้นจึงมาขอน้ำชาที่นี่ดื่มอย่างหน้าไม่อาย หวังว่าคุณหนูซูคงจะไม่ถือกระมัง”
“ไม่ถือๆ …” ซูเหลียนอวิ้นค่อยๆ หันตัวกลับไปนั่งบนเก้าอี้ตัวที่อยู่ตรงกันข้ามกับเยียลี่ว์เยียน พลางสำรวจอีกฝ่ายด้วยสายตาไร้ความรู้สึกใดๆ
โฉมงามที่อายุยังน้อย น้ำเสียงที่นางเอื้อนเอ่ยแม้ว่าจะแหบแห้งไปบ้าง แต่ด้วยความแหบแห้งนี้ยิ่งเป็นการเติมเสน่ห์บางประการให้นาง สีผิวของนางแม้ว่าจะไม่ขาวนุ่มนวลราวกับน้ำนมวัวอย่างสาวชาวต้าชั่วแต่ก็เป็นสีของเปลือกข้าวสาลี ทว่ากลับดูมีสุขภาพดีอย่างมาก! อีกอย่างเมื่ออยู่กับเสื้อผ้าที่มีเอกลักษณ์พิเศษเช่นนั้นแล้ว…ยิ่งทำให้ดูเข้ากันดีโดยบังเอิญ! โดยรวมแล้วหากดูจากรูปโฉมภายนอกแล้วถือว่าไม่เลวเลยทีเดียว
ทว่าไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดซูเหลียนอวิ้นจึงรู้สึกว่าแม้ว่าเยียลี่ว์เยียนผู้นี้จะมีหน้าตางดงาม แต่ตนกลับรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างขัดใจในตัวเยียลี่ว์เยียน อาจจะไม่มีอะไรกระมัง คงจะเป็นเพราะว่าตอนที่นางสำรวจเยียลี่ว์เยียนอยู่นั้น เยียลี่ว์เยียนเองก็กำลังสำรวจนางอยู่เหมือนกัน?
แต่หากนำมาเปรียบเทียบการสายตาที่มีบางอย่างปิดบังไว้ของตัวนางเอง สายตาของเยียลี่ว์เยียนถือว่าเปิดเผยและตรงไปตรงมากว่านางมาก! เป็นประเภทที่ทำให้คนที่จ้องนางอยู่ต้องรู้สึกลำบากใจไปเอง!
“คุณหนูซูเป็นอย่างที่เขาว่ากันไว้ไม่ผิด ถือเป็นโฉมสะคราญนางหนึ่ง!”