ลิขิตกลกาล - ตอนที่ 164 จีบผู้ชาย
“ก็ดี?” ซูมั่วเยี่ยฟังออกถึงความลังเลในน้ำเสียงของหลานเย่ว์จึงลุกขึ้นแล้วเอ่ยว่า “นั่นแสดงว่าบางครั้งก็ไม่ดีใช่หรือไม่”
“ก็มิถูกขอรับ” หลานเย่ว์ส่ายหน้า “คุณหนูใหญ่…คือบ่าวเป็นบุรุษ ดังนั้น…บ่าวได้แต่คอยสังเกต ทว่ามองไม่ค่อยออกเท่าไหร่ขอรับ” หลานเย่ว์ครุ่นคิดแล้วตัดสินใจปิดบังเรื่องที่ต้วนเฉินเซวียนบุกรุกเข้ามาในห้องซูเหลียนอวิ้นเอาไว้
เพราะ…หลานเย่ว์รู้สึกว่าซูเหลียนอวิ้นคงไม่เต็มใจที่จะให้คนอื่นนำเรื่องของนางไปพูดต่อโดยที่นางไม่ได้อนุญาต
“ช่างเถิด เจ้ากลับไปได้แล้ว” ซูมั่วเยี่ยถอนหายใจ “ช่วงนี้คอยจับตาดูอวิ้นเอ๋อร์มากหน่อยก็แล้วกัน ในเมื่อนางไม่อยากพูด พวกเราคงต้องคอยเฝ้าสังเกตนางเอาเอง”
“ขอรับ คุณชายใหญ่”
ซูมั่วเยี่ยกดลงบริเวณหว่างคิ้วตัวเอง ซึ่งยิ่งทำให้เขารู้สึกเจ็บมากยิ่งขึ้น “จู๋ที่”
“คุณชายใหญ่” คนผู้หนึ่งตอบรับแล้วปรากฏตัวออกมายืนตัวตรง “คุณชายใหญ่มีอะไรให้บ่าวทำหรือขอรับ”
“ไปสืบมาทีว่าองค์หญิงเยียลี่ว์ผู้นั้นต้องการจะทำอะไรกันแน่ และก็เรื่อง…ช่วงนี้เกิดอะไรขึ้นบ้างในจวน รวมทั้งข่าวคราวที่เกิดขึ้นในเมืองหลวงด้วย” ระยะนี้เขาต้องติดตามซูปั๋วชวนเพื่อคอยสะสางเรื่องตระกูลหยางและวุ่นวายอยู่กับเรื่องราวในค่ายทหาร ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่ได้ใส่ใจและจับตาดูเรื่องราวทางด้านนี้สักเท่าไหร่
“ขอรับ”
เฮ้อ สุดท้ายก็ละเลยอีกจนได้ ซูมั่วเยี่ยถอนใจ ไม่ว่ากิจของบ้านเมืองสำคัญเพียงใด แต่สำหรับเขาแล้วไม่มีทางสำคัญไปกว่าเรื่องราวในครอบครัวอย่างแน่นอน
……
“เยียนเอ๋อร์ วันนี้เจ้าออกไปข้างนอกมาหรือ” ภายในโรงเตี๊ยม เมื่อเยียลี่ว์เยี่ยนเห็นเยียลี่ว์เยียนแต่งตัวสวยงามผิดหูผิดตาพลันขมวดคิ้ว ทว่าหลังจากที่เขาเดินเข้าไปใกล้แล้วเขากลับยกมือขึ้นมาปิดจมูกเอาไว้ “เจ้าไปไหนมา กลิ่นที่ติดตัวเจ้าเป็นกลิ่นอะไรกัน รีบไปล้างออกเดี๋ยวนี้! “
“ท่านพี่ ไม่หอมหรือเจ้าคะ” เยียลี่ว์เยียนหันตัวมาแล้วลองดมตามเสื้อผ้าของตัวเองดู “หอมจะตาย! ” วันนี้ตอนที่นางออกมาจากจวนของซูเหลียนอวิ้น นางเห็นว่าฟ้ายังไม่มืดมากเท่าไหร่เลยตั้งใจไปที่ร้านเครื่องสำอางที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของเมืองต้าชั่วเพื่อเดินเล่นก่อน
การไปเดินเล่นครั้งนี้ถือว่าคุ้มค่าสำหรับนางมากนัก เพราะมีสิ่งของหลายๆ อย่างที่ตรงกับรสนิยมของนาง นางจึงซื้อของกลับมามากมายและใช้เงินไปไม่น้อย ตอนนี้กลิ่นที่ติดอยู่บนตัวนางเป็นกลิ่นน้ำหอมที่ขายดีที่สุดชนิดหนึ่งของเมืองต้าชั่ว
“หอมอะไรกันเล่า! ไปล้างออกเดี๋ยวนี้! ” เยียลี่ว์เยี่ยนถอยหลังออกไปสองสามก้าว “เจ้าไปเรียนรู้พฤติกรรมเช่นนี้มาตั้งแต่เมื่อไหร่ ของจำพวกนี้เหม็นจะแย่ ข้าไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมพวกเจ้าถึงเอามันมาฉีดบนร่างกายของตัวเองได้”
“อ้อ…ก็ได้เจ้าค่ะ ท่านพี่ ข้าจะไปล้างออกเดี๋ยวนี้” แน่นอนว่าเยียลี่ว์เยียนไม่กล้าขัดคำสั่งของเยียลี่ว์เยี่ยน ดังนั้นตอนนี้นางจึงรู้สึกไม่ค่อยเต็มใจที่จะทำสักเท่าไหร่นัก ทว่าเมื่อมองเห็นสายตารังเกียจอย่างรุนแรงของเยียลี่ว์เยี่ยน นางก็ทำได้เพียงพยักหน้ารับแล้วรีบออกไปล้างกลิ่นที่ติดอยู่ตามตัวของตนออก
“รีบไปล้างซะ เมื่อกลับมาข้ามีเรื่องหนึ่งอยากจะถามเจ้า” เยียลี่ว์เยี่ยนสั่งการด้วยน้ำเสียงเย็นเฉียบ
“เจ้าค่ะ เยียนเอ๋อร์จะไปเดี๋ยวนี้เลย”
หลังจากที่เยียลี่ว์เยียนเดินออกไปแล้ว เยียลี่ว์เยี่ยนก็รีบเดินไปที่หน้าต่างแล้วเปิดหน้าต่างออกเพื่อระบายกลิ่นที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในห้อง เวลาผ่านไปพักใหญ่จนเยียลี่ว์เยี่ยนรู้สึกว่าไม่มีกลิ่นหลงเหลืออยู่แล้ว เขาก็ลดมือซ้ายที่ปิดจมูกของตัวเองลงแล้วลองสูดหายใจเข้าลึกๆ คราหนึ่ง
บริเวณนอกโรงเตี๊ยมด้านล่างมีแผงค้าเล็กๆ กำลังตะโกนร้องขายขนมแป้งนึ่งกลิ่นดอกสาลี่อยู่ กลิ่นของขนมแป้งนึ่งดอกสาลี่ลอยตามลมขึ้นมาช้าๆ จนไปเตะจมูกของเยียลี่ว์เยี่ยนเข้า
เยียลี่ว์เยี่ยนสูดกลิ่นอยู่พักใหญ่ ตอนนั้นในหัวของเขาพลันปรากฏภาพของบุคคลผู้หนึ่งขึ้นมา
บนตัวของคนผู้นั้นไม่มีกลิ่นสารพัดกลิ่น แต่มีเพียงกลิ่นหอมของดอกไม้บางๆ เท่านั้น แม้ว่าจะเป็นกลิ่นหอมเช่นกันทว่ากลับหอมน่าดมกว่ามาก พอนึกถึงตรงนี้ริมฝีปากของเยียลี่ว์เยี่ยนก็ปรากฏรอยยิ้มขึ้น
วันนั้นแม้ว่าซูเหลียนอวิ้นจะอยู่ในอาการตระหนกตกใจ ทว่ากลับไม่ลืมที่จะมองเขาด้วยสายตาพินิจพิจารณา ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดที่ทำให้เยียลี่ว์เยี่ยนเกิดความรู้สึกอยากจะเย้าแหย่นางขึ้นมา ดังนั้นวันนั้นที่เขาเอ่ยปากออกไปเช่นนั้นไม่ได้เป็นเพราะเขาต้องการจะลองใจเพียงเท่านั้น แต่เขายังหมายความตามนั้นจริงๆ เสียด้วย?
‘ของเล่นชิ้นน้อยที่น่ารักเช่นนี้ หากต้วนเฉินเซวียนชอบเขาเองก็พอจะเข้าใจได้’
“ท่านพี่ เยียนเอ๋อร์ เยียนเอ๋อร์ล้างออกหมดแล้ว! ” เยียลี่ว์เยียนใช้ความกล้าตะโกนขึ้นเบาๆ เพราะจากท่าทางของเยียลี่ว์เยี่ยนตอนนี้คล้ายว่าเขากำลังคิดเรื่องราวบางอย่างอยู่? ดังนั้นนางจึงลังเลอยู่ว่าควรจะตะโกนขัดดีหรือไม่ เพราะสิ่งที่เยียลี่ว์เยี่ยนเกลียดมากที่สุดก็คือการที่เขาโดนขัดจังหวะขึ้นอย่างกะทันหันในระหว่างที่เขากำลังครุ่นคิดบางเรื่องอยู่
ทว่าเนื่องจากเยียลี่ว์เยียนอยากจะล้างออกให้เสร็จโดยเร็วเพื่อรีบมาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าเยียลี่ว์เยี่ยน นี่จึงทำให้ตอนนี้ผมของนางยังคงมีหยดน้ำใสๆ ที่ยังเช็ดไม่แห้งหยดติ๊งๆ ลงมาตามเส้นผมจนทำให้เสื้อผ้าของนางเปียกชื้น! ความรู้สึกเปียกชื้นนั้นทำเอานางรู้สึกไม่สบายตัวเอาเสียเลย!
“อืม คราวนี้กลิ่นหายไปหมดแล้ว” เยียลี่ว์เยี่ยนเอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้ม ตอนนี้แม้ว่าจะมีคนขัดจังหวะความคิดของเขา แต่ครั้งนี้เขากลับไม่ได้รู้สึกโมโหมากนัก เนื่องจาก…เรื่องที่เขาคิดไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอะไรมากนักและไม่มีคุณค่าอะไรให้ต้องเอ่ยถึง
“วันนี้เยียนเอ๋อร์ไปที่จวนตระกูลแม่ทัพซูมาเจ้าค่ะ! ” เยียลี่ว์เยียนนั่งอยู่บนเก้าอี้ด้านข้าง มือทั้งสองของนางวางอยู่บนหัวเข่า ท่าทางของนางในตอนนี้ดูฝืนเกร็ง
“ไปจวนแม่ทัพตระกูลซูรึ” เยียลี่ว์เยี่ยนหรี่ตาแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก “ใครใช้ให้เจ้าไป! “
“ข้า…” เยียลี่ว์เยียนตกใจเสียงทุ้มลึกของเยียลี่ว์เยี่ยนจนตัวสั่น แต่ก็ยังพยายามบังคับตัวเองให้สงบลงแล้วเอ่ยต่อว่า “ท่านพี่มิได้บอกน้องหรือว่าอนุญาตให้เยียนเอ๋อร์แต่งงานกับต้วนเฉินเซวียนได้…แต่ข่าวลือในเมืองหลวงกลับบอกว่า…ดังนั้นเยียนเอ๋อร์ก็เลยตัดสินใจไปพบซูเหลียนอวิ้นโดยพลการ
“อย่างนั้นการเดินทางหนนี้ของเจ้าได้ผลอะไรกลับมาบ้าง”
“ผลที่ได้มาก็คือรู้ว่าซูเหลียนอวิ้นเป็นคนโง่คนหนึ่งเท่านั้น” เมื่อเยียลี่ว์เยียนเอ่ยถึงตรงนี้ ความเหยียดหยามก็ปรากฏขึ้นในสายตาของนาง “อีกอย่างยังเป็นคนที่ลุ่มหลงในความรัก ไม่ควรค่าให้พวกเราสนใจ”
“เอ๊ะ? ” เยียลี่ว์เยี่ยนมองสายตาเหยียดหยามของน้องสาวตัวเองอย่างขบขัน “เหตุใดจึงคิดเช่นนี้”
“โดยรวมแล้วไม่ต่างจากที่เยียนเอ๋อร์เดาไว้เท่าไหร่นัก คุณหนูซูผู้นี้เป็นฝ่ายไปตามจีบคนอื่นก่อนจริงๆ ข้าแค่ลองหยั่งเชิงดูแค่เพียงไม่กี่คำ นางก็พูดออกมาหมดเปลือกเสียแล้ว”
“นางพูดว่าอะไร”
“ก็ไม่มีอะไรเจ้าค่ะ นางเพียงบอกน้องว่า นางชอบองค์ชายต้วนผู้นั้นได้อย่างไรแล้วนางได้ทำอะไรเพื่อเขาบ้าง อีกอย่างตอนนี้เพื่อให้ตนได้แต่งงานกับต้วนเฉินเซวียน นางถึงกับยอมทำให้ชื่อเสียงของตัวเองเสื่อมเสีย และทำให้คนทั่วทั้งเมืองหลวงวิจารณ์ว่านางกับคุณชายต้วนชอบพอกันและกัน” พอพูดถึงตรงนี้เยียลี่ว์เยียนก็ทนไม่ไหวจึงหัวเราะออกมา “นางคงมิได้เป็นโรคขาดผู้ชายไม่ได้กระมัง ชอบพอกันและกัน? น่าขำยิ่งนัก แต่ว่าก็ยังดีที่สุดท้ายนางก็เข้าใจว่ายิ่งนางลงมือทำมากเท่าไหร่ก็มีแต่จะทำให้เขายิ่งรังเกียจนางมากขึ้นเท่านั้น”
นางในตอนนั้นเมื่อได้ยินวิธีการเหล่านั้นของซูเหลียนอวิ้นก็ต้องฝืนพยายามไม่ให้ตัวเองหัวเราะออกมา ตามจีบผู้ชายจนถึงขั้นนี้ แถมยังใช้วิธีที่ไม่มีทางประสบความสำเร็จได้อีก? ช่างเป็นคนที่…โง่เง่าอย่างยิ่ง!