ลิขิตกลกาล - ตอนที่ 165 ซื้อม้า
“เจ้ากำลังบอกว่า ข่าวลือที่แพร่อยู่ในเมืองหลวงช่วงนี้ ซูเหลียนอวิ้นเป็นคนปล่อยออกมาเองงั้นหรือ” เยียลี่ว์เยียนขมวดคิ้ว เขาอดไม่ได้ที่จะถามซ้ำอีกรอบหนึ่ง
“ใช่เจ้าค่ะ” เยียลี่ว์เยียนพยักหน้าโดยไม่รู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติ “นางทำเพื่อบีบบังคับให้คุณชายต้วนมาสู่ขอนาง แต่ใครเลยจะคิดว่านางจะทำเรื่องราวให้พังมากยิ่งขึ้น! เพราะเขายิ่งไม่สนใจนางเข้าไปใหญ่” นี่ถือเป็นเรื่องที่ทำให้สตรีไร้ราคา
เยียลี่ว์เยียนหัวเราะเยาะในใจ การจะเชื่อมสัมพันธ์กับบุรุษ ไม่ว่าจะผ่านไปสักกี่ยุคสมัย การทำตัวให้ได้มาอย่างอยากลำบากต่างหากถึงจะเป็นวิธีที่ได้ผลที่สุด! การเป็นฝ่ายเสนอตัวเองถึงหน้าประตูเกรงว่าจะเป็นวิธีที่ได้ผลลัพธ์แย่ที่สุด!
“เป็นเช่นนี้เอง…? ” เยียลี่ว์เยี่ยนก้มหน้า ในหัวของเขาตอนนี้เริ่มเชื่อมโยงปัญหาต่างๆ เข้าด้วยกัน
ตอนแรกเขากลับเข้าใจว่าต้วนเฉินเซวียนกับซูเหลียนอวิ้นต่างฝ่ายต่างชอบกันมาเนิ่นนานแล้ว หรืออาจจะกล่าวได้อีกอย่างหนึ่งคือต้วนเฉินเซวียนเป็นฝ่ายชอบซูเหลียนอวิ้นก่อน? เนื่องจาก…ในความคิดของเขา การใช้คำวิจารณ์ของมวลชนมาบีบบังคับให้ผู้อื่นยอมก้มหัวยอมแพ้เช่นนี้คล้ายจะเป็นวิธีการในแบบของต้วนเฉินเซวียนเสียมากกว่า
แต่ผลสุดท้ายกลับเป็นวิธีการที่ซูเหลียนอวิ้นเลือกลงมือ? แต่ตั้งแต่ที่เขามาถึงที่นี่ เหตุใดข่าวลือพวกนั้นกลับอันตรธานหายไป
เรื่องราวที่เกิดขึ้นครั้งนี้ หากบอกว่าต้วนเฉินเซวียนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย เขาต้องไม่เชื่ออย่างแน่นอน!
“ท่านพี่ เป็นเช่นนี้อย่างแน่นอนเจ้าค่ะ! ” เมื่อเยียลีว์เยียนเห็นเยียลี่ว์เยี่ยนขมวดคิ้วและทำท่าทางครุ่นคิดอย่างไม่พอใจ นางกลับคิดว่าเขาไม่เชื่อคำพูดที่ตนพูดจึงอดไม่ได้ที่จะอธิบายต่อว่า “ท่านพี่ เรื่องซูเหลียนอวิ้นวิ่งตามจีบต้วนเฉินเซวียนนี้ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่เรื่องราวแปลกใหม่อะไรของคนต้าชั่วนะเจ้าคะ! แค่ส่งคนออกไปสืบข่าวนิดหน่อยก็ได้ข่าวเช่นนี้มาแล้ว”
“อืม พี่รู้แล้วเยียนเอ๋อร์” เยียลี่ว์เยี่ยนเก็บซ่อนสีหน้าของตัวเองแล้วกลับมายิ้มด้วยรอยยิ้มจอมปลอมเช่นเคย “พี่ขอคิดอะไรคนเดียวสักพัก เจ้ากลับไปก่อนเถิด หากยังมีเรื่องอื่นอีก พี่จะเรียกเจ้ามาเอง”
“เจ้าค่ะ…” เยียลี่ว์เยียนลุกขึ้นทันที เพราะการที่ต้องเผชิญหน้าพี่ชายที่เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายเช่นนี้ หากนางสามารถอยู่ให้ห่างๆ ได้ เยียลี่ว์เยียนก็อยากจะอยู่ให้ห่างๆ เอาไว้!
“ต้วนเฉินเซวียน…” เมื่อรอบกายไร้ผู้คน เยียลี่ว์เยี่ยนจึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยสามคำนี้ออกมาอย่างโกรธแค้น
เขากับต้วนเฉินเซวียนมีความข้องเกี่ยวกันเมื่อหลายปีก่อนหน้านี้มาแล้ว เขาในตอนนั้นได้รับภารกิจแรกจากบิดาของตนเอง โดยให้เขาไปที่เผ่าม้าศึกเพื่อซื้อม้าศึกตัวใหม่ที่สุดมาจำนวนหนึ่ง
ม้าศึกของชนเผ่าม้าศึกในหนึ่งปีจะมีม้าออกมาขายเพียงไม่กี่สิบตัวเท่านั้น แม้ว่าจำนวนจะน้อย แต่ม้าเหล่านั้นกลับเป็นม้าล้ำค่าที่สามารถเดินทางได้เป็นพันลี้ได้ในวันเดียว! ดังนั้นเมื่อถึงช่วงเวลาที่ชนเผ่าม้าศึกขายม้าก็จะดึงดูดคนจากต่างบ้านต่างเมืองเพื่อมาขอซื้อม้า โดยหวังว่าจะสามารถซื้อได้สักตัวก็เพียงพอแล้ว
เมืองเยียลี่ว์ต้องการซื้อม้า เมืองต้าชั่วเองก็ไม่ต่างกัน ครั้งนั้นคนที่เมืองต้าชั่วส่งตัวให้มาเจรจาซื้อม้าก็ต้วนเฉินเซวียน
เยียลี่ว์เยี่ยนเป็นฝ่ายมาถึงก่อนล่วงหน้าจึงได้เจรจาราคาม้าชั้นยอดไปเป็นจำนวนสิบตัวเรียบร้อยแล้ว แต่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น การเจรจาซื้อขายที่ตกลงกันไว้ก่อนหน้านั้นกลับถูกการปรากฏตัวของต้วนเฉินเซวียนที่มาทีหลังทำทุกอย่างจนเสียเรื่อง
คนของเผ่าม้าศึกบอกเขาว่าไม่ขายแล้ว หากจะขายก็คงขายให้เขาได้เพียงหนึ่งตัว ดังนั้นหากจะซื้อสิบตัว? เขาคงต้องขอโทษด้วยที่เขาไม่เหลือขายให้ได้มากขนาดนั้น
ตอนนั้นเยียลี่ว์เยี่ยนเดือดดาลอย่างที่สุด แต่ด้วยนิสัยของเขาที่ถูกฟูมฟักมาอย่างดีในหลายปีที่ผ่านมานี้ เขาจึงสามารถข่มอารมณ์ลงได้และเอ่ยปากถามคนของเผ่าม้าศึกอย่างสุภาพว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ เหตุใดจู่ๆ ถึงไม่ยอมขายให้เขาแล้ว เพราะราคาที่เขาเสนอจะซื้อนั้นก็ถือว่าสูงมากทีเดียว
คนของเผ่าม้าศึกให้ความสำคัญกับการรักษาสัญญามาโดยตลอด ดังนั้นในใจจึงรู้สึกละอายต่อการกระทำที่ไม่รักษาสัญญาของตัวเองต่อเยียลี่ว์เยี่ยนเป็นอย่างมาก ดังนั้นตอนนี้เมื่อเห็นอีกฝ่ายที่ถูกบอกยกเลิกข้อตกลงแต่ยังถามอย่างสุภาพถึงสาเหตุของเรื่องราวทั้งหมดเช่นนี้จึงตัดสินใจบอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดแก่เยียลี่ว์เยี่ยน
สรุปแล้วตอนที่ต้วนเฉินเซวียนเดินทางมาถึงนั้นได้เลยช่วงเวลาการเจรจาซื้อขายที่ดีที่สุดไปแล้ว ดังนั้นลูกค้าคนอื่นๆ เมื่อทำการซื้อขายเสร็จต่างก็จูงม้าของตัวเองกลับกันไปหมดแล้ว
ดังนั้นตอนนี้ม้าชั้นยอดที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในดินแดนนี้ก็มีเพียงม้าชั้นยอดสิบตัวนี้ที่เยียลี่ว์เยี่ยนจองไว้แต่ยังไม่ได้นำกลับไปเท่านั้น ดังนั้น…ต้วนเฉินเซวียนจึงสนใจในม้าทั้งสิบตัวนี้
เมื่อคนของเผ่าม้าศึกเอ่ยถึงตรงนี้สีหน้าของเขาก็ปรากฏความละอายใจ เดิมทีเขาไม่เห็นด้วยกับการเปลี่ยนผู้ซื้อ แต่ต้วนเฉินเซวียนในตอนนั้นไม่เพียงแต่หว่านล้อมและแนะนำเขาอย่างสุภาพเท่านั้น แต่เขายังมอบเหล้าชั้นยอด ของล้ำค่า…หรือแม้กระทั่งสาวงามให้อีกด้วย
เดิมทีเขาไม่อยากรับสาวงามไว้เท่าไหร่นัก เพราะเมียที่บ้านของเขานั้นขี้หึง แถมตัวเขาเองนั้นยังเป็นคนกลัวเมียอีกด้วย แต่เขาก็ต้านทานการหว่านล้อมของต้วนเฉินเซวียนไม่ไหว อีกอย่างด้วยการหลอกล่อ สาวงามจึงตกมาอยู่ในมือของตน สุดท้ายเขาจึงทนไม่ไหวและรับสาวงามคนนั้นเอาไว้
เมื่อต้วนเฉินเซวียนเห็นว่าเรื่องนี้ประสบความสำเร็จก็รีบดำเนินแผนการโจมตีขั้นสุดท้าย โดยการยืนยันว่าเขาต้องการม้าสิบตัว มิเช่นนั้น…ต้วนเฉินเซวียนจะส่งคนไปรายงาน
เรื่องที่ตนนอนกับสาวงามนางนี้ให้เมียของตนรู้
ได้ยินเช่นนั้นจะทนได้อย่างไร คนเผ่าม้าศึกผู้นั้นเริ่มกลัวขึ้นมา ดังนั้นภายใต้สถานการณ์ที่ถูกข่มขู่เช่นนี้จึงครุ่นคิดอยู่นาน สุดท้ายจึงตัดสินใจขายม้าให้ต้วนเฉินเซวียนเก้าตัว ส่วนม้าอีกตัวที่เขาหักเอาไว้ก็เพื่อขายให้เยียลี่ว์เยี่ยนเพื่อเป็นการขอโทษ
เนื่องจาก…คำพูดของต้วนเฉินเซวียนในตอนนั้นยังคงดังวนเวียนอยู่ในหูของเขา
ม้าพวกนี้ขายให้ใครก็เหมือนกันมิใช่หรือ อีกอย่างราคาที่ต้วนเฉินเซวียนเสนอให้เขาก็ไม่ต่ำ อีกอย่างหากยังไม่ได้นำม้ากลับไป ขั้นตอนการซื้อขายนี้ก็ยังไม่ถือว่าสมบูรณ์!
อีกอย่าง…ตอนสุดท้ายต้วนเฉินเซวียนผู้นี้ยังข่มขู่เขาอีกว่า “หากไม่ขายม้าพวกนี้ให้เขา เขาจำเป็นต้องเก็บเอาบรรดาทรัพย์สินเงินทอง เหล้าชั้นยอดและสาวงามกลับไป เพราะถือว่าการซื้อขายไม่สำเร็จ
ทว่าเขาได้ชิมเหล้าชั้นยอดไปแล้ว ถือได้ว่าเป็นเหล้าชั้นดีที่หาได้ยากยิ่ง! แต่เขาเพิ่งจะได้ชิมไปเพียงหนึ่งเหยือกเท่านั้น ซึ่งนั่นถือเป็นการเรียกน้ำย่อยของเขาอย่างรุนแรง ส่วนที่เหลือเขายังไม่ทันได้ดื่มก็จะนำกลับไปหมดเลยหรืออีกอย่างเขาได้ลิ้มรสชาติของสาวงามนางนี้ไปแล้ว ดังนั้นตอนนี้จะให้เขาที่ได้ลิ้มรสไปแล้วต้องปล่อยวางหรือ เขาทำไม่ลงจริงๆ!
เมื่อได้ยินคนเผ่าม้าศึกผู้นี้อธิบายเหตุผลจนจบอย่างปวดใจ ตอนนั้นเยียลี่ว์เยี่ยนโกรธเสียจนแทบจะหน้ามืดไปแล้ว! เพราะเขาปฏิบัติกับคนเผ่าม้าศึกนี้อย่างมีมารยาทมาตั้งนาน สุดท้ายกลับแพ้กลวิธีต่ำช้าของต้วนเฉินเซวียนเช่นนี้? นี่ทำให้เขามิอาจยอมรับได้อย่างยิ่ง!
ยิ่งกว่านั้นนี่เป็นครั้งแรกที่เสด็จพ่อของเขาส่งเขาออกมาทำภารกิจและยังเป็นเพียงภารกิจซื้อม้าเท่านั้น…แต่เขากลับทำพังเสียอีก? อีกอย่างหากเขาทำพังเช่นนี้จริงๆ เยียลี่ว์เยี่ยนไม่ต้องหลับตาก็พอจินตนาการออกว่าบรรดาพี่ชายและน้องชายของเขา พอถึงตอนนั้นจะพูดจาใส่สีตีไข่ว่าเขาทำเรื่องนี้ไม่สำเร็จเพราะอะไรบ้าง!
ทว่าเรื่องราวได้เกิดขึ้นไปแล้ว ดังนั้นจึงไม่ใช่เวลาที่จะมาพูดถึงปัญหาในตอนนั้นอีก ดังนั้นสุดท้ายสิ่งที่เยียลี่ว์เยี่ยนสามารถทำได้ก็คือใช้เงินของตัวเองซื้อม้าต่อจากคนขายรายอื่น โดยให้เงินมากกว่าถึงสามเท่าเพื่อซื้อม้าอีกเก้าตัวที่ขาดไป
ทว่าคนอย่างเยียลี่ว์เยี่ยนทนรับความอับอายเช่นนี้ได้ตั้งแต่เมื่อไหร่? ดังนั้นในครั้งนี้จึงถือว่าความบาดหมางของเขากับต้วนเฉินเซวียนดำเนินมาถึงขั้นที่เป็นศัตรูกันอย่างแท้จริงแล้ว