ลิขิตกลกาล - ตอนที่ 177 บทลงโทษ
“ฮ่องเต้ลี่หยวน” เยียลี่ว์เยี่ยนเริ่มแสดงสีหน้าอ่อนโยนไร้พิษสง “การมาของพวกเราในครั้งนี้ อันที่จริงแล้วอยากจะเชื่อมความสัมพันธ์ของพวกเราทั้งสองเมือง”
นั่นก็หมายถึงการแต่งงานสิท่าผู้ชมรอบด้านเริ่มลูบคางของตัวเองดูท่าแล้วการแสดงความเหนือชั้นกว่านั้นประสบผล! พวกเขาถึงขั้นเอ่ยถึงเรื่องการแต่งงานก่อน!
ตอนนั้นเองที่สายตาของคนกลุ่มนี้กวาดไปมองที่ซูเหลียนอวิ้นด้วยความปลาบปลื้ม ทุกคนต่างแสดงความชื่นชมว่า เมื่อครู่นี้นางแสดงได้ดีมาก ดีมากอย่างยิ่ง! ถึงขั้นพลิกวิกฤตให้ต้าชั่วกลับมามีหน้ามีตาได้
แม้ว่าหนังหน้าซูเหลียนอวิ้นจะเริ่มหนาแล้ว แต่ก็ยังทนกับสายตาที่มองนางราวกับเป็นตัวประหลาดเป็นพักๆ ไม่ได้ นางถอนใจ จากนั้นจึงยื่นมือไปดึงซูมั่วเยี่ยที่นั่งอยู่ข้างๆ “ท่านพี่…”
“มา อวิ้นเอ๋อร์เจ้ามานั่งอยู่ข้างหลังพี่เถอะ” ซูมั่วเยี่ยลุกขึ้นยืนแล้วก้าวยาวๆ ไปนั่งด้านหน้าเพื่อบังซูเหลียนอวิ้นเอาไว้ หลังจากที่นั่งเรียบร้อยแล้ว ความน่าเกรงขามก็แผ่ออกมาจากตัวเขาอย่างฉับพลันสายตาเย็นเฉียบของเขากวาดตามองไปรอบๆ คราวนี้เขาจะคอยดูว่ายังมีผู้ใดกล้าเหลือบมองมาทางพวกเขาอีกหรือไม่
เมื่อผู้ชมเห็นการกระทำเช่นนี้ของซูมั่วเยี่ยแล้วจะยังมีผู้ใดไม่เข้าใจอีกบ้าง ตอนนั้นเองพวกเขาจึงก้มหน้าลงแล้วเริ่มนับเม็ดข้าวในชามของตัวเองว่ามีกี่เม็ด
ไม่กล้ามองแล้ว ไม่กล้ามองแล้ว พี่ชายคนนี้ดุเกินไปหน่อย พวกเขาก้มหน้านับเมล็ดข้าวดีกว่า!
“อย่างนั้นมิทราบว่า เมืองเยียลี่ว์ได้คิดเอาไว้หรือไม่ว่าจะเชื่อมความสัมพันธ์นี้อย่างไรดี”เมื่อตรัสจบ พระเนตรของลี่หยวนตี้ก็กวาดไปที่เยียลี่ว์เยียนและเยียลี่ว์เยี่ยนรอบหนึ่งพวกเจ้ามากันสองคน ดังนั้นสรุปแล้วพวกเจ้าจะมาแต่งหรือจะมาขอกันแน่
เยียลี่ว์เยี่ยนก้มหน้าแล้วเอามือลูบศีรษะเยียลี่ว์เยียนการกระทำนี้มองแล้วดูสนิทสนมกันมากทีเดียวแต่สายตาของเขากลับก้มมองเยียลี่ว์เยียนอย่างเย็นชาหาใดเปรียบจากนั้นเยียลี่ว์เยี่ยนจึงเอ่ยขึ้นว่า “ได้ยินมาว่าเมืองของพระองค์ คนที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับเยียนเอ๋อร์ของพวกเราก็มีเพียงองค์ชายสามคนเดียวเท่านั้นกระมัง”
เยียลี่ว์เยียนตัวแข็งแล้วเงยหน้าขึ้น ดวงตาของนางจ้องไปที่เยียลี่ว์เยี่ยนอย่างไม่เชื่อสายตา ความหมายของเยียลี่ว์เยี่ยนคืออะไรเอ่ยถึงองค์ชายสามในช่วงเวลาเช่นนี้…? คงจะมิได้ให้นาง…
ไม่นะ! เยียลี่ว์เยียนอยากจะเอ่ยปากถามเยียลี่ว์เยี่ยนเสียเดี๋ยวนี้ ตอนนั้นคุยกันเรียบร้อยแล้วมิใช่หรือเหตุใดตอนนี้จะให้นางแต่งงานกับองค์ชายสามผู้น่าขยะแขยงคนนี้นางไม่แต่งไม่มีทาง!
ทว่าตอนนี้แม้ว่าเยียลี่ว์เยียนอยากจะเอื้อนเอ่ยมากเพียงใด แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดนางถึงเอื้อนเอ่ยคำพูดใดๆ ไม่ออก หลังจากที่นางพยายามที่จะพูดอยู่หลายครั้ง เยียลี่ว์เยียนก็ตระหนักบางอย่างขึ้นมา
ดูเหมือนว่าตอนที่เยียลี่ว์เยี่ยนลูบผมของตนตอนนั้น เขาได้หยุดการทำงานของเส้นเสียงนางไปเสียแล้ว เพื่อให้นางมองเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นแต่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้
“อื้ม” ลี่หยวนตี้ทรงพระสลวลเบาๆ “องค์ชายสามของข้ามีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับองค์หญิงเยียลี่ว์จริง หากพวกเขาทั้งสองคนสามารถแต่งงานกันได้ก็คงจะเป็นเรื่องที่ดีมากเรื่องหนึ่ง”
“ข้าเองก็คิดเช่นนั้น” เยียลี่ว์เยี่ยนก้มหน้ายิ้มแล้วหันไปมองเยียลี่ว์เยียนอีกครั้ง แต่กลับพบว่าใบหน้าของนางบิดเบี้ยว ถือเป็นการแสดงออกอย่างชัดเจนว่านางรังเกียจและไม่ยินดีตอนนั้นเองที่มือขวาของเขาทุบลงไปที่เส้นความเจ็บปวดตรงด้านหลังของเยียลี่ว์เยียน
ด้วยตอนนี้เยียลี่ว์เยียนไม่สามารถพูดได้ ดังนั้นแม้ว่าจะเจ็บปวดมากเพียงใดก็ไร้หนทางจะแสดงออกมาได้นางจึงทำได้เพียงใช้สายตาจะกินเลือดกินเนื้อจ้องไปที่เยียลี่ว์เยี่ยนอย่าง
อาฆาต
“เยียนเอ๋อร์ อย่าทำสีหน้าเช่นนี้” เยียลี่ว์เยี่ยนเอามือของตนลูบเบาๆ ไปบริเวณผมข้างใบหูของเยียลี่ว์เยียน
จากมุมมองของคนภายนอกการกระทำของเยียลี่ว์เยี่ยนในตอนนี้คล้ายว่ากำลังแอบคุยความลับบางอย่างกับน้องสาวของตัวเองเงียบๆ หรือไม่ก็กำลังแนะนำเยียลี่ว์เยียนว่าหากจะต้องแต่งออกมาที่เมืองเยียลี่ว์จะต้องทำอย่างไร
เนื่องจากสายตาอันอ่อนโยน การกระทำที่สนิทสนมเช่นนี้ไม่ว่าจะดูอย่างไรก็เป็นการแสดงออกว่าเขาสนิทสนมกับน้องสาวของตัวเองอย่างยิ่งมิเช่นนั้นแล้วจะทำอย่างนี้ได้อย่างไร
“นี่เป็นรางวัลของเยียนเอ๋อร์ที่จะได้รับหลังจากการพ่ายแพ้ของตัวเจ้าเอง เป็นอย่างไรเล่า ชอบรางวัลนี้หรือไม่”
เยียลี่ว์เยียนมองแววตาและพิจารณาน้ำเสียงอ่อนโยนของเยียลี่ว์เยี่ยนนางรู้สึกว่านี่เป็นสิ่งที่โหดร้ายกับนางที่สุดบนโลกใบนี้ตอนนั้นน้ำตาของนางไหลพรากออกมาอย่างมิอาจควบคุมได้อีกต่อไป “ดีใจเพียงนี้เชียว ปลื้มจนน้ำตาไหลเสียแล้วหรือ” เยียลี่ว์เยี่ยนยื่นมือออกมาแล้วเช็ดหยดน้ำตาที่อยู่บนใบหน้าของเยียลี่ว์เยียนออกให้”อันที่จริงองค์ชายสาม…ก็ไม่มีอะไรที่ไม่ดีถูกหรือไม่แม้จะได้ยินมาว่าเขาอ้วนมากและลามกไม่รู้จักพอ ทั้งยังมีชื่อเสียเรื่องชอบทำร้ายอนุภรรยา แต่เยียนเอ๋อร์มิต้องกังวล เจ้ามิได้เข้าไปเป็นอนุ ดังนั้นเขาคงไม่ทำร้ายเจ้าหรอก? ถึงอย่างไรเขาก็เป็นถึงองค์ชาย ดังนั้นเยียนเอ๋อร์จะยังมีอะไรไม่พอใจอีกเล่า”
เยียลี่ว์เยียนรู้สึกว่าคำพูดของเยียลี่ว์เยี่ยนทุกคำทุกประโยคได้ตอกลงไปที่หัวใจของนาง ทุกคำที่เขาพูดล้วนทิ่มแทงเข้าไปกลางหัวใจจนเลือดของนางล้นทะลัก
เยียลี่ว์เยี่ยนก็ยังเป็นเยียลี่ว์เยี่ยน นางเคยทำผิดและถูกลงโทษมาก่อน หรืออาจกล่าวได้ว่าผู้ที่ทำให้เขาไม่พอใจมักจะโดนวิธีจัดการที่เจ็บแสบเหมือนอย่างที่เขาเคยทำ
เยียลี่ว์เยียนหัวเราะเยาะตัวเอง เขาเข้าใจหัวจิตหัวใจของนางเป็นอย่างดีว่าสิ่งที่นางไม่อยากให้เกิดที่สุดคืออะไร คนที่นางเกลียดที่สุดคือผู้ใด ดังนั้นเยียลี่ว์เยี่ยนจึงรู้วิธีการลงโทษนางที่ดีที่สุด สุดท้ายก็สามตามความปรารถนาของเขาแล้ว
“เยียนเอ๋อร์ อย่ามัวแต่ก้มหน้าอยู่เลย เจ้าดูสิ องค์ชายสามผู้นั้นกำลังมองเจ้าอยู่” เยียลี่ว์เยี่ยนเชยคางของเยียลี่ว์เยียนให้หันไปมองทางองค์ชายสามหรือหนานกงหง “ดูสายตาของเจ้าสิ เริ่มผูกพันลึกซึ้งแล้วกระมัง”
ตอนนี้เยียลี่ว์เยียนเพียงรู้สึกคลื่นไส้ เพราะโดนชายร่างอ้วนหน้ามันจ้องมาที่ตนอย่างไร้มารยาทและหน้าไม่อาย นางจึงรู้สึกว่าแทงนางให้ตายนางจะยังมีความสุขเสียกว่า
“ไม่ต้องดูแล้วล่ะ พวกเราควรไปได้แล้ว” เยียลี่ว์เยี่ยนกวักมือเรียกองครักษ์ของตนมาสองคน “งานเลี้ยงจบลงแล้ว พวกเจ้าพาองค์หญิงกลับไปที่เรือนต้อนรับเถิด แต่พวกเจ้าต้องระวังหน่อย องค์หญิงของพวกเรากำลังจะกลายเป็นชายาขององค์ชายสามแห่งต้าชั่วแล้ว ดังนั้นพวกเจ้าต้องดูแลนางอย่างถ้วนถี่”
“ขอรับ” ใบหน้าขององครักษ์ไม่ปรากฏอารมณ์ใดเพียงประคองเยียลี่ว์เยียนขึ้นมาอย่างคล่องแคล่ว
เยียลี่ว์เยียนเพียงรู้สึกว่าข้อเท้าของนางในตอนนี้เจ็บมากยิ่งขึ้น เพราะไม่รู้ว่าเหล่าองครักษ์มีเจตนาหรือตั้งใจแบกนางขึ้นไม่สูงมากนัก เท้าของนางตอนนี้จึงยังคงเลี่ยพื้นไปเรื่อยๆ ราวกับเดินอยู่
บริเวณข้อเท้าของนางรู้สึกเจ็บปวดสุดแสน
“ท่านพี่เจ้าคะ ท่านว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่”
เมื่องานเลี้ยงจบลง พวกซูเหลียนอวิ้นจึงเดินตามฝูงชนออกมาจากพระราชวังทว่าระหว่างที่กำลังเดิน นางก็ครุ่นคิดไปพลางๆ ทำไมสุดท้ายผู้ที่เยียลี่ว์เยียนจะแต่งงานด้วยถึงกลายเป็นหนานกงหงไปได้? ไม่ใช่ต้วนเฉินเซวียนหรอกหรือเพราะนางมั่นใจถึงขนาดมาประกาศความเป็นเจ้าของถึงเรือนของตนแล้ว “อย่างไรก็ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเรา” ซูมั่วเยี่ยกวาดตามองคนรอบด้านที่ยังกล้าแอบจ้องมองน้องสาวของตน “อาจจะเปลี่ยนใจกะทันหันกระมังอย่างที่รู้ คนที่เป็นผู้ตัดสินใจ มิใช่เยียลี่ว์เยียนแต่เป็นพี่ชายของนาง นั่นคือเยียลี่ว์เยี่ยนต่างหาก”
“แต่แม้ว่าเยียลี่ว์เยียนจะไม่ต้องแต่งงานกับต้วนเฉินเซวียนแล้ว น้องหญิงก็ต้อง…” น้ำเสียงของซูมั่วเยี่ยคล้ายกังวลขึ้นมา “เจ้าก็ต้อง คิดให้ดี! “