ลิขิตกลกาล - ตอนที่ 178 ขอเป็นพี่ชาย
“ท่านพี่…” ซูเหลียนอวิ้นเหลืออด “ท่านพี่คงอยากให้น้องแต่งงานมากกระมัง วันๆ เอาแต่พูดเรื่องนี้กับน้อง น้องยังไม่อยากจะแต่งงานสักหน่อย น้องแค่อยากจะอยู่กับท่านพี่ ท่านพ่อและท่านแม่ไปตลอดมิได้หรือ”
ซูมั่วเยี่ยเอ่ยว่า “นี่…ก็เกรงว่าจะไม่ได้…” เพราะแม้ว่าซูมั่วเยี่ยจะหวังให้เป็นเช่นนี้เหมือนกัน แต่ผู้เป็นสตรีจะไม่แต่งงานได้อย่างไร
“น้องก็รู้…อย่างไรก็รอให้ถึงเวลาแล้วค่อยว่ากันอีกทีแล้วกัน” ซูเหลียนอวิ้นเอ่ยประโยคนี้ขึ้นพลางทำปากจู๋ เพราะปัญหาของเรื่องนี้คือ…นางหวังว่าหากผลัดวันได้ก็จะผลัดวันออกไปก่อน แม้ว่าวันหน้าจะต้องเกิดเรื่องนี้ขึ้น แต่ตอนนี้…นางไม่อยากหาเรื่องวุ่นวายใส่ตัวนางอีกแล้ว
เรื่องการแต่งงาน หากไม่แต่งกับคนในดวงใจแล้วจะแต่งไปเพื่ออะไร และจุดสำคัญของปัญหาคือตอนนี้นางยังไม่มีคนในดวงใจเลย!
อืม ไม่มี!
“พี่ซู! ” ซูมั่วเยี่ยคล้ายได้ยินคนตะโกนเรียกเขามาจากทางด้านหลังจึงหันกลับไปด้วยความสงสัย เขาจึงเห็นต้วนเฉินเซวียนกำลังก้าวเท้าเข้ามาหาพวกตนพอดี
คิ้วของซูมั่วเยี่ยขมวดแน่น สีหน้าของเขาตอนนี้ไม่ดีอย่างยิ่ง แต่เมื่อเห็นว่ารอบตัวยังมีคนอยู่มากจึงไม่สามารถสะบัดแขนเสื้อแล้วหันหน้าหนีไปอย่างไม่ใส่ใจได้ เพราะเมื่อกี้เขาได้หันไปเห็นแล้ว! ดังนั้นจึงทำได้เพียงเอามือดันซูเหลียนอวิ้นไปไว้ด้านหลังตนแล้วเอ่ยว่า “คุณชายต้วน เมื่อครู่เรียกข้าใช่หรือไม่”
“ใช่แล้วพี่ซู” แววตาของต้วนเฉินเซวียนยังคงเต็มไปด้วยรอยยิ้มราวกับไม่รับรู้ถึงท่าทางคุกคามและความระแวดระวังตัวของซูมั่วเยี่ย เขายังคงพูดต่อไปว่า “ดูเหมือนว่าข้าไม่ได้พบพี่ซูมานานแล้ว ช่วงนี้พี่ซูกำลังยุ่งเรื่องอะไรอยู่หรือ บอกเล่าให้น้องชายอย่างข้าฟังบ้างได้หรือไม่”
ด้านหลัง ซูเหลียนอวิ้นยืนมองต้วนเฉินเซวียนที่เข้ามาทักทายอย่างเป็นกันเองกับพี่ชายของตนด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ แน่นอนว่านางไม่ได้ตั้งใจทำหน้าไร้อารมณ์เช่นนี้ เพียงแต่ตอนนี้นาง…กำลังตกตะลึง!
เพราะตอนนี้ต้วนเฉินเซวียนมิใช่กำลัง…? พยายามเอาใจพี่ชายของนางอยู่หรือ เวลาที่ต้วนเฉินเซวียนพูดกับเกาอู่เตี๋ยนั้น เขาก็มักจะใช้น้ำเสียงเช่นนี้! ดังนั้นท่าทางของต้วนเฉินเซวียนในตอนนี้ ซูเหลียนอวิ้นรู้สึกคุ้นตาอย่างแปลกประหลาด!
“คุณชายต้วน ข้ากับท่านมิได้สนิทกันถึงขั้นนั้น” ซูมั่วเยี่ยเอามือที่วางอยู่บนไหล่ตนลงอย่างไม่ใส่ใจ จากนั้นจึงพาซูเหลียนอวิ้นถอยหลังไปครึ่งก้าว “หากคุณชายมีเรื่องอะไรก็รีบพูดเถิด หากไม่มีเรื่องอะไร ข้ากับน้องสาวคงต้องขอตัวก่อน”
อันที่จริงในใจของซูมั่วเยี่ยรู้สึกนับถือในตัวต้วนเฉินเซวียนมาก! เพราะคนที่ลงมือทำเรื่องเช่นนั้นไปแล้ว แต่กลับยังกล้าทำท่าทางสบายใจเช่นนี้ ซ้ำยังมายิ้มหน้าระรื่นอยู่ตรงหน้าเขาเช่นนี้อีก นี่คงจะเป็นเพราะคิดว่าเขาอยู่ในวังหลวงจึงเดาว่าตนไม่กล้าลงมือกับเขากระมัง
“เมื่อครู่ได้ยินพวกท่านกำลังพูดเรื่องแต่งงาน อะไรสักอย่าง? ” ต้วนเฉินเซวียนยังคงทำท่าเอาอกเอาใจ แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเคารพ “บอกเล่าเรื่องนี้แก่ข้าได้บ้างหรือไม่” พี่เขยคนนี้ยังคงเอาอกเอาใจยากเหมือนเคย!
ต้วนเฉินเซวียนแอบกรอกตาในใจ เพราะหากพูดถึงชาติที่แล้ว สาเหตุที่ซูมั่วเยี่ยไม่ชอบขี้หน้าตนคงเป็นเพราะตนได้แย่งน้องสาวแก้วตาดวงใจของเขาไป จึงทำให้เขามองตนอย่างไม่เห็นหัวตลอดมา ถ้าอย่างนั้นในชาตินี้…เขายังไม่ทันได้ทำอะไรสักอย่าง แต่กลับมองเขาเป็นศัตรูได้ถึงเพียงนี้แล้วหรือ!
“นี่เป็นเรื่องของครอบครัวข้า” ซูมั่วเยี่ยสูดหายใจลึกเพื่อสกัดอารมณ์พุ่งพล่านของตนที่อยากลงไม้ลงมือ เหตุผลข้อแรกคือที่นี่คือวังหลวง ไม่สามารถต่อยคนมั่วซั่วได้ ส่วนข้อสองนั้นเป็นเพราะน้องสาวของเขายังอยู่ด้านหลัง!
อันที่จริงในใจของซูมั่วเยี่ยนั้นเป็นทหารนิสัยเสียผู้หนึ่ง ดังนั้นสำหรับผู้ที่มองเพียงปราดเดียวก็รู้ว่าคิดแผนการไม่ซื่อกับน้องสาวของเขาอย่างต้วนเฉินเซวียนนั้น ซูมั่วเยี่ยอยากจะต่อยเขาให้สมองกระจายออกเป็นกลีบดอกไม้เสียเดี๋ยวนี้!
ทว่าภาพเหตุการณ์นองเลือดเช่นนี้จะให้อวิ้นเอ๋อร์ของเขาเห็นได้อย่างไรเล่า ดังนั้นซูมั่วเยี่ยจึงได้แต่ดูถูกอยู่ในใจว่า เจ้าก็แค่ได้ประโยชน์จากอวิ้นเอ๋อร์เท่านั้น มิเช่นนั้นข้าไม่สนใจหรอกว่าเจ้าจะเป็นคุณชายหรือว่าเป็นคนโปรดของฮองเฮาอะไรก็ตาม เพราะคนอย่างซูมั่วเยี่ยจะต้องจัดการเขาให้เละจนแม้กระทั่งแม่ของเขาก็จะจำหน้าไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
“อันที่จริงข้าคิดมาตลอดว่าอยากมีพี่ชาย” ต้วนเฉินเซวียนเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจังพร้อมกระพริบตาปริบๆ
“อะไรนะ” ซูมั่วเยี่ยขมวดคิ้วแล้วมองไปที่ต้วนเฉินเซวียนคราหนึ่งเพราะไม่เข้าใจว่าคำพูดนี้ของเขาหมายความว่าอย่างไร
“คือข้ารู้สึกว่า…เวลาที่ข้าเห็นพี่ซู ข้ามักจะรู้สึกเสมือนได้พบญาติตัวเอง! เหมือนได้พบพี่ชายแท้ๆ ที่เป็นคนในครอบครัวเดียวกัน! “
ซูมั่วเยี่ย “…? “
นี่ นี่ต้วนเฉินเซวียนสมองมีปัญหาไปแล้วกระมัง? เขากำลังพูดจาไร้สาระอะไรอยู่ เวลาเห็นเขาแล้วรู้สึกเหมือนเห็นพี่ชายตัวเอง หากเขาต้องมีน้องชายแบบนี้จริง ไม่นานน้องชายเช่นนี้คงไม่รอดเงื้อมมือเขาอย่างแน่นอน!
“ท่านพี่ น้องกระหายน้ำแล้วเจ้าค่ะ” ซูเหลียนอวิ้นดึงเสื้อของซูมั่วเยี่ยจากทางด้านหลัง “น้องอยากกลับเรือนแล้ว” นางรู้ดีว่าช่วงนี้ต้วนเฉินเซวียนเลือดจะไปลมจะมา แต่คิดไม่ถึงว่าจะเลือดจะไปลมจะมากับพี่ชายของนางด้วย
ถึงขนาดจะมาแย่งพี่ชายกับนางเชียวหรือ! อีกอย่างแม้ว่าวันนี้เยียลี่ว์เยียนจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ ดังนั้นจึงคาดการณ์ได้ว่าคำพูดที่นางกล่าวกับตนในวันนั้นคงจะเป็นคำพูดที่นางกุขึ้นมาเอง แต่ถึงอย่างไรตอนนี้ตนก็ยังไม่สบายใจอยู่ดี
ดังนั้นสายตาที่นางใช้มองต้วนเฉินเซวียนในตอนนี้จึงแสดงถึงความรังเกียจและเย็นชาหาใดเปรียบ
“ได้ เช่นนั้นพวกเราไปกันเถิด” ซูมั่วเยี่ยเอ่ยกับซูเหลียนอวิ้นด้วยสายตาอ่อนโยน เขาเองก็ไม่อยากอยู่พูดคุยกับต้วนเฉินเซวียนมากเกินไปนัก อีกอย่างการที่ซูเหลียนอวิ้นเป็นฝ่ายเอ่ยปากขึ้นมาเองเช่นนี้ แสดงว่าความอดทนของนางถึงจุดสูงสุดแล้ว
สายตารังเกียจของซูเหลียนอวิ้นทิ่มแทงใจของต้วนเฉินเซวียนจนห่อเ**่ยว เพราะในความทรงจำของเขาช่วงนี้คล้ายว่าเขายังไม่ทันทำอะไรเลย ดังนั้นทำไม…ทำไมซูเหลียนอวิ้นต้องมาตนแบบนี้ ตอนนั้นที่ตนจูบซูเหลียนอวิ้น นางยังไม่มองตนแบบนี้เลย
“ซูเหลียนอวิ้น!” ต้วนเฉินเซวียนฝืนต่อไปไม่ไหวแล้ว จึงสาวเท้าเข้าไปคว้าข้อมือของซูเหลียนอวิ้น “เจ้าไม่มีอะไรจะพูดกับข้าหน่อยหรือ” เอาล่ะ เขายอมรับเองก็ได้ว่าความจริงแล้วเขาต่างหากที่ไม่มีอะไรจะพูด
เพราะตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา กำแพงที่เรือนของซูเหลียนอวิ้นคล้ายทำจากเหล็กและทองแดงอย่างไรอย่างนั้น เนื่องจากมีการคุ้มกันอย่างแน่นหนา ต่อให้อยากบุกเข้าไปแค่ไหนก็คงแอบเข้าไปไม่ได้อยู่ดี ดังนั้นจึงไม่ง่ายเลยกว่าเขาจะมีโอกาสเข้าถึงตัวซูเหลียนอวิ้นและได้พูดกับนางต่อหน้าสองสามประโยคเช่นนี้ แต่สายตาของซูเหลียนอวิ้นในตอนนี้หมายความว่าอย่างไรกัน
“ปล่อยข้า!” เมื่อซูเหลียนอวิ้นถูกคว้าข้อมือไว้ก็รู้สึกเจ็บขึ้นมา “ท่านรีบปล่อยข้าเดี๋ยวนี้!”
“น้องสาวของข้าบอกให้เจ้าปล่อยมือ เจ้าไม่ได้ยินรึ” ในใจของซูมั่วเยี่ยร้อนรุ่ม ช่วงเวลาที่เขาหมุนตัวเพียงชั่วขณะเดียว เจ้าคนสารเลวนี่ถึงกับกล้าเข้าประชิดน้องสาวเขาเลยหรือ! แถมยังกล้าคว้าตัวน้องหญิงด้วย?
“อย่าคิดว่าเจ้าอยู่ในวังหลวงแล้วข้าจะไม่กล้าทำอะไรเจ้านะ!” ซูมั่วเยี่ยชูกำปั้นขึ้น “รีบปล่อยมือเดี๋ยวนี้!”
ซูมั่วเยี่ยก็ไม่ได้ใสซื่อจนถึงขั้นจะทำตามแผนที่พูดจริงๆ เหตุผลหลักเพราะน้องสาวของเขายังคงถูกคว้ามือเอาไว้จนมีสีหน้าเจ็บปวด เขาเกรงว่าหากบุ่มบ่ามเข้าไปโดยที่ต้วนเฉินเซวียนยังไม่ปล่อยมือจะทำให้น้องสาวของตนบาดเจ็บ แขนขาของน้องสาวเขาเล็กอ้อนแอ้น หากออกแรงมากเกินไปแม้แต่นิดเดียว เกรงว่าแขนขาจะหลุดออกมาเสียก่อน!