ลิขิตกลกาล - ตอนที่ 204 แปลงสมุนไพร
หลานเย่ว์หยุดคิดชั่วขณะ ตอนนั้นเขายังคงคิดไม่ออกว่าสถานที่ที่ซูเหลียนอวิ้นบอกนั้นคือที่ใด ทว่าวินาทีถัดมา เมื่อเขาลองพิจารณาดูถ้วนถี่แล้ว เขาจึงนึกออกขึ้นมา
“ขอรับคุณหนูใหญ่ ไม่มีปัญหา บ่าวจำเส้นทางได้ คุณหนูวางใจเถิด” เนื่องจากเมื่อย้อนนึกดีๆ แล้วน้อยครั้งนักที่เขาจะมีโอกาสได้ติดตามไปที่ไหนๆ กับซูเหลียนอวิ้น…คงมีเพียงครั้งนั้นครั้งเดียวกระมัง ดังนั้นสถานที่ที่ว่านี้ เมื่อลองนึกทบทวนดูดีๆ แล้วจึงนึกออก
“อือ อย่างนั้นพวกเราไปกันเถิด” ซูเหลียนอวิ้นพยักหน้าอย่างพออกพอใจ
“ตอนนี้หรือขอรับ” หลานเย่ว์ประหลาดใจ “รีบขนาดนั้นเชียวหรือ” เขานึกว่าอย่างน้อยๆ ซูเหลียนอวิ้นต้องเปลี่ยนเสื้อผ้า เตรียมของก่อนแล้วค่อยออกเดินทาง แต่ที่ไหนได้นางเตรียมตัวทุกอย่างมาพร้อมแล้วแล้วค่อยมาเรียกเขา
“เอ หรือว่าหลานเย่ว์ต้องเตรียมตัวอะไรก่อน” ตั้งแต่วันนั้นที่การปลอมตัวเป็นผู้ชายอันไร้ฝีมือของนางถูกจับได้ ซูเหลียนอวิ้นก็ไม่ทำอย่างนั้นอีกเลย!
เพราะถึงอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์อะไรมิใช่หรือ! สู้ออกไปทั้งอย่างนี้เลยดีกว่า อีกทั้งเวลาก็น้อยมากทีเดียว!
“ไม่มีขอรับ” หลานเย่ว์ส่ายหัว “หากคุณหนูใหญ่จะไปก็ไปกันเถิดขอรับ”
“อือ ไปกันเถิด”
แม้ว่าช่วงนี้ซูเหลียนอวิ้นจะไม่ค่อยได้ฝึกฝนวรยุทธ์ ทว่าในด้านวิชาตัวเบา นางกลับไม่เคยลืม เพราะว่ามันมีประโยชน์มาก! ดังนั้นเพียงนางถีบตัวขึ้นไปก็กระโดดออกสู่ด้านนอกเรือนได้แล้ว
“พวกเจ้าเห็นหรือไม่!” หยาเอ่อร์ตื่นเต้นจนพูดอู้อี้อยู่ในลำคอ “วรยุทธ์ของคุณหนูไม่เบาเลยนะ!” หากเทียบกับพวกคุณหนูทองพันชั่งคนอื่นๆ แล้วถือว่าไม่ธรรมดาเลย!
“ก็ไม่นะ…” อวี่ซางเบะปากด้วยความคลางแคลงใจ “แต่อาจจะพอกล่าวได้ว่าวิชาตัวเบาดูเข้าท่า แต่หากให้ต่อสู้จริงๆ จังๆ ขึ้นมา…ข้ารู้สึกว่าวรยุทธ์ของคุณหนูใหญ่ยังไม่ถึงขั้นนั้น!”
“อย่างนั้นเหตุใดตอนที่เจ้าประลองฝีมือกับคุณหนูถึงแพ้เล่า” ผูหลิวกรอกตาใส่อวี่ซาง “คนแพ้ไม่มีสิทธิ์เอ่ยวาจาเช่นนี้! ดูไปเงียบๆ ก็พอแล้วกระมัง”
“ข้า…!” อวี่ซางอึดอัดใจ
ตอนนั้นว่าเขาได้หรือ ในตอนแรกเหตุการณ์มันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วถูกหรือไม่! อีกอย่างการโจมตีนั้น ไม่มีสัญญานเตือนล่วงหน้าแต่อย่างใด ดังนั้นตอนนั้นเขาจึงโดนโจมตีโดยไม่ทันตั้งตัว! แต่ก็ไม่ควรเอาเรื่องนี้มาว่าเขาไปตลอดชีวิตนี่นา! น่าเจ็บใจชะมัด!
“แต่คุณหนูใหญ่จะไปที่ไหนกันแน่” หยาเอ่อร์ส่ายหน้าพลางเอ่ยถามคำถามที่พวกเขาสงสัยอยู่ในใจมาตั้งแต่ต้น
“ไม่รู้” หนานอี้เอ่ยเรียบๆ “ก็คงจะเป็นสถานที่ที่ลึกลับสักที่หนึ่งกระมัง ไม่อย่างนั้นคงไม่พาพี่ใหญ่ไปแค่คนเดียว คิดๆ ดูแล้วคงจะเป็นเพราะว่าคุณหนูใหญ่อยากให้รู้น้อยคนมากเท่าไหร่ยิ่งดีกระมัง”
“ลึกลับหรือ…” หยาเอ่อร์เอนพิงโต๊ะ “ข้าก็อยากไป!” เรื่องลึกลับอะไรเช่นนี้…มักจะทำให้คนร้อนอกร้อนใจสงสัยใคร่รู้กันทั้งนั้น !
ผูหลิวถอนใจ นางเองก็เหมือนกัน! เฮ้อ พี่หลานเย่ว์โชคดีจริงๆ! คนทั้งสี่กอดคอกันกัดผ้าเช็ดหน้า[1] พวกเขาไม่รู้เลยว่าเมื่อหลานเย่ว์กลับมาแล้วจะเผยอะไรออกมาให้พวกเขาได้ฟังกันบ้างหรือไม่
ในเมื่อพวกเขาไม่ได้ตามไปด้วยแล้ว อย่างน้อยๆ ขอฟังเรื่องราวบ้างก็ยังดี…อย่างนี้ก็คงจะพอทดแทนกันได้บ้างกระมัง!
……
“คุณหนูใหญ่ บ่าวยืนรอคุณหนูอยู่ที่ตีนเขาตรงนี้จะดีกว่าขอรับ” หลานเย่ว์เป็นฝ่ายเอ่ยปากออกมาก่อนเอง “คุณหนูขึ้นไปเองได้ใช่หรือไม่?”
“ไม่มีปัญหา” ซูเหลียนอวิ้นพยักหน้าอย่างพอใจ จากนั้นจึงใช้สายตายกย่องมองไปที่หลานเย่ว์เพื่อสื่อความหมายว่าสมแล้วที่เป็นหลานเย่ว์ ข้ายังมิได้สั่งอะไรก็เข้าใจได้ด้วยตัวเองว่าต้องทำอย่างไร “คงจะใช้เวลาไม่นานนัก…”
คงจะนะ!
“ไม่เป็นไร บ่าวไม่รีบขอรับ”
“ดีๆๆๆ ข้าจะรีบกลับมา”
หลานเย่ว์มองดูเงาของซูเหลียนอวิ้นจากทางด้านหลังที่ค่อยๆ เล็กลงเรื่อยๆ ตอนนั้นเองก็เกิดความรู้สึกคันๆ ที่จมูกขึ้นมา แล้วก็จามติดต่อกันหลายครั้งกว่าจะหยุดลงได้ จากนั้นเขาจึงเอามือลูบจมูกพลางสงสัยว่าผู้ใดกันที่แอบพูดถึงเขาอยู่
แต่สิ่งที่หลานเย่ว์ไม่รู้ก็คือ หากพวกหยาเอ่อร์รู้เข้าว่าวันนี้ที่เขาตามนางมา ได้ทำหน้าที่เพียงพามาเท่านั้น แต่ไม่รู้เลยสักนิดว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้าง ไม่ว่าจะถามอย่างไรก็ไม่มีคำตอบให้…นี่คงจะทำให้เขาโดนบ่นอย่างแน่นอน!
“ท่านอาจารย์! อยู่หรือไม่” ซูเหลียนอวิ้นผลักประตูไม้ไผ่เข้าไปแล้วเดินวนอยู่รอบหนึ่งจึงพบว่าไม่มีคนอยู่ ปกติแล้วท่านอาจารย์จะต้องอยู่ตรงนี้มิใช่หรือ แต่ไม่อยู่ก็ดีเหมือนกัน เพราะนางจะ…
“อวิ้นเอ๋อร์ เจ้าบุกรุกเข้ามาที่บ้านของข้าทำไม!” เพียงครู่เดียวก็มีเสียงอันคุ้นเคยดังขึ้นมาจากด้านนอกกระท่อม “ไม่ได้ขยับอะไรมั่วๆ ใช่หรือไม่”
“ฮ่าๆ…” ซูเหลียนอวิ้นเกาศีรษะอย่างไม่สบายใจ “ไม่ได้ขยับอะไรเลย!” นางยังไม่ทันจะได้ขยับอะไรเลย! เขาก็โผล่ออกมาอยู่ตรงหน้านางเสียแล้ว เฮ้อ น่าเสียดายจริงๆ!
เพราะที่อยู่ของหรงซู่มียาดีๆ และของเล่นมากมาย ทุกครั้งที่นางมา นางรู้สึกทุกครั้งว่านางไม่สามารถควบคุมมือทั้งสองข้างของนางได้เลย! นางอยากจะจับนู่นจับนี่ไปทั่ว เพราะของจำพวกยาพิษหรงซู่ไม่มีทางวางไว้ให้นางเห็นง่ายๆ แน่!
หรงซู่เดินวนอยู่สองสามรอบแล้วสำรวจของรอบๆ ตัว เมื่อเขาเห็นว่าไม่มีร่องรอยขยับเขยื้อนจึงเอ่ยขึ้นว่า “ว่ามา เจ้ามาหาอาจารย์ด้วยเรื่องอะไร”
“หากไม่มีเรื่องจะมาหาท่านมิได้หรือ!” ซูเหลียนอวิ้นทำปากจู๋ ทำไมนางจึงรู้สึกว่าเสียงของเขาดูรังเกียจนางแปลกๆ? นี่ทำให้นางรู้สึกใจสลายยิ่งนัก!
“ไม่มีเรื่องอะไรจริงๆ หรือ” หรงซู่เลิกคิ้ว “อย่างนั้นข้าก็กลับไปที่แปลงสมุนไพรด้านหลังแล้วล่ะสิ ช่วงนี้ที่แปลงสมุนไพรด้านหลังมีแมลงชนิดใหม่บุกเข้ามากัดสมุนไพรของข้าโดยเฉพาะ! มันไม่กินพืชผักธรรมดาๆ แต่จะกินเฉพาะสมุนไพรเท่านั้น น่าโมโหยิ่ง!”
“หน้าตามันเป็นอย่างไร” เรื่องนี้สะกิดความอยากรู้อยากเห็นในตัวซูเหลียนอวิ้นขึ้นมา “กินเฉพาะสมุนไพรเท่านั้นหรือ อย่างนั้นต่อไปเจ้าแมลงนี้ก็เอามาทำยาได้น่ะสิ” เพราะการกินสมุนไพรตั้งแต่เล็กจนเติบโตขึ้นได้ถือว่าเป็นสิ่งที่หาได้ยากยิ่ง!
“ข้าเองก็คิดเช่นนั้น” หรงซู่ถอนใจ “แต่ข้ารู้สึกว่าแมลงที่มากินสมุนไพรพวกนี้เป็นเพียงแมลงที่โตแล้วเท่านั้น ตอนเล็กพวกมันไม่กิน พอโตแล้วถึงจะกิน แต่พอมันโตแล้ว…ก็เหลือเวลาในชีวิตอีกไม่เยอะแล้ว”
ซูเหลียนอวิ้น “….แล้วอย่างไร ท่านฆ่าแมลงพวกนี้ไม่ตายหรือ”
ท่านอาจารย์หมดท่าเสียแล้ว! แม้แต่แมลงเล็กๆ ไม่กี่ตัวพวกนี้ก็จัดการไม่ได้?
“สายตาของเจ้านี้หมายความว่าอย่างไร!” หรงซู่เอามือเขกหัวซูเหลียนอวิ้น “ก็ข้ากำลังศึกษาอยู่นี่อย่างไรว่าจะทำอย่างไรให้พวกมันกินสมุนไพรตั้งแต่ตอนเล็กๆ มิเช่นนั้นแล้วข้าคงฆ่าพวกมันตายราบไปแล้ว!”
“อย่างนั้นข้าขอไปดูด้วยได้หรือไม่” ซูเหลียนอวิ้นเอ่ยขึ้น “ไม่แน่ข้าอาจจะหาทางออกให้ท่านได้ก็ได้” แน่นอนว่าแค่อาจจะเท่านั้น! เพราะนางเพียงอยากไปดูเพื่อความตื่นเต้นเท่านั้น นางอยากเห็นแปลงสมุนไพรของท่านอาจารย์ว่าโดนทำลายไปถึงขั้นไหนแล้ว!
ไม่อย่างนั้นแล้วหรงซู่คงไม่หัวเสียถึงขั้นนี้ ท่าทางอย่างกับสำลักยาอย่างไรอย่างนั้น
“ได้ ไปสิ” จู่ๆ หรงซู่ก็ยิ้มขึ้นมาแล้วจับมือซูเหลียนอวิ้นไป “อาจารย์จะพาเจ้าไปดู”
——
[1] กัดผ้าเช็ดหน้า หมายถึง เสียใจอย่างมาก