ลิขิตกลกาล - ตอนที่ 79 หน้ากาก
เมื่อซูเหลียนอวิ้นได้ยินดังนั้น มือที่แกะห่อยาอยู่พลันชะงัก
คิดว่าจะไม่ฆ่านาง? เช่นนั้นเมื่อครู่นางก็พนันไว้ถูกต้องแล้วใช่หรือไม่? คนผู้นี้คิดจะฆ่านาง! แม้ว่านางจะช่วยรีดพิษให้เขาก็ตาม!
“ข้าหวังว่าท่านจะรักษาคำพูด” ขณะพูดซูเหลียนอวิ้นก็นำผงยารอยไว้บนบาดแผลโดยทั่ว
“แต่ตอนนี้ยังไม่มีผ้าสำหรับใช้พันแผลเลย” ซูเหลียนอวิ้นมองไปรอบๆ ตัว สุดท้ายสายตาของนางก็ไปตกอยู่บนชุดสีดำที่ขาดวิ่นของชายผู้นั้น “อย่างไรชุดของท่านก็ถูกฟันขาดแบบนี้แล้ว หากขาดเพิ่มอีกสักหน่อยคงไม่ถืออะไรกระมัง?”
“แคว่ก” เสียงฉีกขาดดังขึ้นท่ามกลางโบสถ์อันเงียบสงัด เสียงนี้จึงนับได้ว่าเป็นเสียงที่บาดหูยิ่ง
“หากข้าบอกว่าข้าถือล่ะ?” ชายผู้นั้นเมื่อเห็นชุดของตนจู่ๆ ก็ขาดเพิ่มไปอีกหย่อมหนึ่ง มุมปากของเขาก็เริ่มกระตุก และเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ไม่สบอารมณ์เป็นอย่างยิ่ง “เจ้าเด็กน้อย ข้าขอพูดได้หรือไม่ว่าเจ้ากำลังไม่ให้เกียรติข้า?”
ซูเหลียนอวิ้นทำราวกับตนไม่ได้ยินคำถามประโยคที่สอง นางเพียงเอ่ยว่า “ถึงอย่างไรข้าก็ฉีกมันออกมาแล้ว หากท่านถือสาก็คงแก้ไขอะไรไม่ได้”
เมื่อชายผู้นั้นโดนพฤติกรรมอันตรพาลเช่นนี้ของซูเหลียนอวิ้นขัดเข้า เขาก็ไร้คำพูด เวลาที่สตรีทำนิสัยอันตรพาลขึ้นมาก็ยากหาผู้ใดเปรียบได้!
“ยาไม่เลวทีเดียว” ชายผู้นั้นหลับตา “เจ้าเด็กน้อยคงเสียดายมากกระมัง? ยาตัวนี้…ราคาคงสูงมากทีเดียว?”
หากบอกว่าไม่เสียดายก็เหลวไหลเต็มที! ทว่า…
“ไม่เสียดาย” ซูเหลียนอวิ้นส่ายหน้า “เพราะคุณภาพก็สมกับราคาดี” เมื่อพูดจบซูเหลียนอวิ้นก็ค่อยๆ ขยับตัวไปด้านหลังทีละน้อย จากนั้นเพียงชั่วเวลาสายฟ้าฟาด นางยกมือขึ้นปิดจมูกและเป่าไปที่ห่อยานั้นอย่างเต็มแรง
เดิมทีชายผู้นั้นมัวแต่กังวลและระแวดระวังว่าซูเหลียนอวิ้นจะใช้มีดสั้นเล่มนั้นลงมือ แต่กลับคิดไม่ถึงเลยว่าแผนการที่ซูเหลียนอวิ้นเตรียมเอาไว้ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับมีดสั้นเล่มนั้นเลย แต่กลับวางเดิมพันทั้งหมดไว้ที่ยาห่อนี้
แม้ว่าชายผู้นี้จะหยุดหายใจทันที ทว่ากลับยังช้าไปอยู่ดีและได้หายใจเอาผงยาเข้าไปด้วย
สายตาของเขาพร่ามัว ความทรงจำสุดท้ายของเขาก็คือใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มอันเบิกบานใจของซูเหลียนอวิ้นที่หันมาพูดกับเขาว่า
“ยาชาระงับความเจ็บปวดราคาพันชั่งชั้นยอด เป็นอย่างไรบ้าง? สรรพคุณสมราคาหรือไม่?” หลังจากฟังประโยคสุดท้ายจบ ชายผู้นี้ก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป
“โครม”
เสียงล้มกระแทกพื้นดังขึ้น
เมื่อซูเหลียนอวิ้นเห็นชายที่ปกปิดใบหน้าตนเองผู้นี้หมดสติไป นางจึงถอนใจ
ยังดีที่ผลลัพธ์เป็นไปตามที่หวัง
ยานี้คือยาระงับความเจ็บปวดตัวหนึ่ง เป็นยาที่นางเตรียมไว้ให้ตัวเองใช้ วิธีใช้ก็เพียงทาลงไปบนแผลเล็กน้อย หลังจากนั้นเมื่อทายาตัวอื่นตามไปก็จะไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวด ทว่าสรรพคุณของยาดีเช่นนี้ย่อมต้องมีข้อเสียด้วยเช่นกัน
ข้อเสียของมันก็คือ ไม่ว่าผู้ใดได้สูดดมมันเข้าไปแม้เพียงเล็กน้อยก็จะล้มหมดสติไปตามกัน
นี่จึงเป็นวิธีใช้อีกวิธีหนึ่งของยาตัวนี้ นั่นคือทำให้รู้สึกชาโดยทำให้หมดสติไป จากนั้นไม่ว่าจะรักษาบาดแผลอย่างไรก็จะไม่รู้สึกเจ็บปวดอีก
สมแล้วที่ได้ชื่อว่าเป็นยาระงับความเจ็บปวดที่ดีที่สุด!
ทว่าทำไมซูเหลียนอวิ้นจึงไม่เตรียมยานี้ออกมาไว้ใช้ตอนที่พบกับนักฆ่าสองคนนั่น นั่นก็เป็นเพราะนักฆ่ามีสองคน หากต้องใช้ยาสลบจริงก็ถือว่าเป็นการเสียของเปล่า
เพราะใครจะโง่ยืนนิ่งๆ ดมยาผงนั้นเข้าไปโดยไม่ขัดขืนเล่า ดังนั้นวิธีนี้จึงยากต่อการควบคุมมากเกินไปหน่อย!
อีกทั้งนักฆ่ามีสองคน หากคนหนึ่งสลบไปก็ยังเหลืออีกคน เกรงว่าเมื่ออีกคนที่เหลือเห็นว่าพี่น้องของตนถูกทำให้สลบไปเช่นนี้จะยิ่งทวีความแค้นมากยิ่งขึ้น!
ขณะที่ซูเหลียนอวิ้นมองไปยังชายที่กำลังหลับตาอยู่นั้น คิ้วของนางก็เริ่มขมวดเป็นปม
เมื่อชายผู้นี้เงียบสงบไปเช่นนี้ ท่าทางของเขาก็เริ่มผ่อนคลาย
ทำไมนางถึงรู้สึกว่าคนผู้นี้คุ้นตานัก?
ซูเหลียนอวิ้นยื่นมือออกไปหวังจะดึงหน้ากากที่หน้าของชายผู้นี้ออก
ทว่าน่าเสียดายที่ด้านหลังของหน้ากากนี้มีตัวล็อคอยู่ ซ้ำยังใช้กลไกพิเศษบางอย่าง ซูเหลียนอวิ้นจึงไม่สามารถแกะหน้ากากนี้ออกได้
ซูเหลียนอวิ้นหงุดหงิดอยู่กับมันชั่วครู่หนึ่ง จากนั้นจึงล้มเลิกความคิดที่จะหาวิธีจัดการปัญหานี้ เพราะเมื่อมองไปที่สีท้องฟ้าก็พบว่าตอนนี้ดึกมากแล้ว นางต้องรีบเผ่นกลับไปได้แล้ว!
เพราะถึงตอนนี้ตนเพิ่งจะเกิดเหตุหกล้มคว่ำจนได้รับบาดเจ็บไปได้ไม่นานนัก ผ่านไม่กี่ชั่วยามเท่านั้นเอง หากหลีมู่รู้เข้าว่านางหาเรื่องเข้าตัวอีกล่ะก็…ภาพที่นางคิดน่าปวดใจเสียจนทำให้นางไม่อยากคาดเดา
แม้ว่านางจะต้องไปแล้ว แต่แค้นนี้ก็ต้องชำระ!
ซูเหลียนอวิ้นพลิกร่างชายที่นอนกองอยู่กับพื้นผู้นี้ จากนั้นจึงใช้เท้ากระทืบไปบนก้นของเขาสองที
เฮอะ ต่อไปอย่าให้ข้าเห็นหน้าเจ้าอีกนะ
อันที่จริงซูเหลียนอวิ้นยังอยากกระทืบต่ออีกสักทีสองที เพราะนางเพิ่งกระทืบไปเพียงสองครั้งเท่านั้น จะหายโมโหได้อย่างไร! แต่น่าเสียดายที่นางอยู่ต่อหน้าพระพุทธรูป เมื่อเงยหน้าขึ้นก็เห็นใบหน้าอันน่าเลื่อมใสของพระพุทธรูปแล้ว ดังนั้นอันที่จริงแล้วนางมีความสามารถในการข่มใจมากทีเดียว
แม้ว่าซูเหลียนอวิ้นจะกระทืบคนบาดเจ็บตรงหน้าไปสองครั้ง แต่ในใจของนางกลับมิได้รู้สึกผิดอะไรมากมายนัก เพราะที่ที่นางกระทืบนั้นคือก้น!
อวัยวะเช่นก้นนั้นทั้งเนื้อเยอะทั้งแน่น ดังนั้นจึงทนแรงตีแรงกระทืบได้อย่างดีไม่มีปัญหาอะไรแน่นอน
อมิตตาพุทธ อมิตตาพุทธ ซูเหลียนอวิ้นสวดภาวนา กราบนมัสการท่านเจ้าค่ะ ท่านคงเห็นแล้วว่าหมอนี่เป็นฝ่ายเริ่มก่อนเอง! นางแค่เอาคืนนิดหน่อยเท่านั้น อย่าตำหนินางเลย…
ซูเหลียนอวิ้นหันไปสำรวจรอบๆ แล้วเก็บหลักฐานทั้งหมดที่อาจโยงมาถึงตัวนางไว้ เช่นเบาะรองนั่งนางก็ลากกลับไปไว้ยังตำแหน่งเดิม เมื่อวางใจได้แล้ว นางจึงรีบเผ่นออกจากที่แห่งนี้ไปอย่างรวดเร็ว
ภายในห้อง หลีมู่ยังคงหลับอยู่
ซูเหลียนอวิ้นค่อยๆ ก้าวข้ามหลีมู่อย่างระมัดระวัง แล้วล้มตัวเบาๆ ลงบนเตียงที่ตนคิดว่ามันแข็งเสียเหลือเกิน จากนั้นก็ไม่คิดจะลุกขึ้นมาอีก
เนื่องจากนางเหนื่อยล้ามาทั้งวัน ดังนั้นนางจึงง่วงสุดขีด ตอนนี้ต่อให้นางต้องนอนบนพื้น นางก็สามารถนอนหลับไปได้สบายๆ
……
แสงจันทร์ลางเลือน แสงอาทิตย์ฉาบนภา
หลีมู่ตื่นมาอาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่เมื่อมองเห็นใบหน้าที่กำลังนอนหลับสนิทอยู่ของซูเหลียนอวิ้น นางกลับฝืนข่มตนไม่ให้ปลุกนางตื่นขึ้นมา
หนึ่งคืนที่ผ่านมานั้น ทำให้หลีมู่เข้าใจทุกอย่าง
เนื่องจากคุณหนูก็คือคุณหนู ไม่ว่าจะตัดสินใจทำสิ่งใด นางก็จะเป็นคนที่คอยสนับสนุนคุณหนูอยู่เสมอ ทั้งๆ ที่นางจะไม่รู้ก็ตามว่านางไปที่ไหนมา แต่นั่นคงทำให้นางเหนื่อยมากทีเดียว ดังนั้นในเวลาเช่นนี้ยังคงให้คุณหนูนอนต่อไปจะดีกว่า
ณ โบสถ์อีกฟากหนึ่ง
“นายท่าน! ตื่นเถิดขอรับ!”
ชายที่สวมใส่ชุดดำเช่นเดียวกันกำลังเขย่าชายที่วางแผนจะกำจัดซูเหลียนอวิ้นเมื่อคืนนี้อยู่ “นายท่าน ท่านได้ยินที่ข้าพูดหรือไม่?”
ชายผู้นั้นถูกเสียงเอะอะนี้ปลุกตื่นขึ้น เขาลืมตาแล้วลูบศีรษะตัวเอง
“หลิวจือ เจ้ายังรู้จักโผล่หัวมาด้วยหรือ?”
มิผิด ชายที่วางแผนจะฆ่าซูเหลียนอวิ้นเมื่อคืนนี้ก็คือต้วนเฉินเซวียนนั่นเอง
“นายท่าน…” หลืวจือมีร้อยเหตุผลแต่มิอาจอธิบายได้ “นายท่าน ถึงอย่างไรที่นี่ก็มิใช่ที่จะมาพูดคุยอะไรกัน พวกเรารีบกลับกันเถิด”
“อืม” ต้วนเฉินเซวียนมองไปรอบๆ แล้วพยักหน้า ทว่าขณะที่เขากำลังจะลุกขึ้นนั้น ขาของเขาก็อ่อนแรงแล้วล้มพับลงอีก
“นายท่าน!” หลิวจือร้องขึ้น โชคยังดีที่เขาเป็นคนมือเท้ารวดเร็วจึงรับต้วนเฉินเซวียนเอาไว้ได้
“ข้าไม่เป็นไร” ต้วนเฉินเซวียนกัดฟัน “รีบกลับไปที่จวนก่อนแล้วค่อยว่ากัน”