ลิขิตกลกาล - ตอนที่ 96 ลงมือ
“ครั้งหน้า? เจ้ายังคิดว่าจะมีครั้งหน้าอีกหรือ?” หยางอวี้หลินกล่าวด้วยน้ำเสียงแหลมสูง “เจ้าทำให้ข้าเดือดร้อนครั้งเดียวยังไม่พออีกหรือ?”
อกของหยางอวี้หลิงกระเพื่อมขึ้นลงอย่างรุนแรง และเนื่องด้วยนางเพิ่งจะร้องไห้ไปเมื่อครู่ ตอนนี้ตาทั้งสองข้างของนางจึงแดงดั่งเลือด เป็นภาพที่ดูแล้วน่าสยดสยองอย่างยิ่ง
“พระสนมเพคะ! คุณหนูอย่าโกรธคนประเภทนี้จนเป็นโทษแก่ร่างกายตัวเองเลยนะเพคะ” เมื่อหลิงเซียงเห็นท่าไม่ดีก็รีบวิ่งเข้าไปพยุงหยางอวี้หลิงจากทางด้านหลัง เนื่องจากตอนนี้มีความเป็นไปได้ว่าหยางอวี้หลิงกำลังมีครรภ์อยู่ หากโกรธเกรี้ยวมากเกินไปจนเป็นเหตุให้…
หลิงเซียงที่ประคองอยู่ด้านหลังมิกล้าพูดมากจนเกินไปนัก นางเพียงหวังให้หยางอวี้หลิงสงบสติอารมณ์ของตนโดยเร็ว เพราะต่อให้ไม่ได้มีครรภ์อยู่ แต่โมโหจนเกิดโทษแก่ร่างกายตนเอง นั่นก็ถือเป็นความสูญเสียที่ยิ่งใหญ่เช่นกัน
ร่างกายเป็นทรัพย์สินที่สำคัญที่สุด หากแม้แต่ร่างกายและชีวิตของตัวเองยังไม่เหลืออยู่ จะไปพูดถึงการเป็นที่โปรดปราณได้อย่างไร? ไหนจะเรื่องการตั้งครรภ์อีก?
ร่างของหยางอวี้หลิงสั่นระทวยคล้ายจะล้มลงเต็มที โชคดีที่หลิงเซียงรีบมาทันเวลาจึงยังไม่ทันได้ล้มลงไปกับพื้น นางสูดหายใจเข้าลึก นางกัดฟันพลางแยกเขี้ยวเอ่ยออกมาว่า “ลากคนผู้นี้ออกไป! แล้วประหารพันมีดหมื่นแร่จนตาย! รีบลากนางออกไปเดี๋ยวนี้!”
“พระสนม!” สตรีผู้นางนี้ได้ยินดังนั้นจึงเงยหน้าขึ้นอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง “พระสนม พระสนมทำแบบนี้กับหม่อมฉันไม่ได้นะเพคะ! หม่อมฉันเป็น เป็นคนของนายท่าน พระสนมจะฆ่าหม่อมฉันแบบนี้ไม่ได้!”
“ใช่เพคะพระสนม พระสนมไม่ควร ไม่ควรใช้วิธีเช่นนี้ฆ่านางนะเพคะ…” หลังจากที่หลิงเซียงพยุงหยางอวี้หลิงนั่งลงบนเบาะด้านข้างแล้ว นางก็รีบคุกเข่าลงทันทีแล้วเอ่ยขึ้น “พระสนม วิธีเป็นวิธีที่…ขอพระสนมโปรดทบทวนด้วยเพคะ”
การประหารพันมีดหมื่นแร่ โดยทั่วไปแล้วเป็นวิธีการลงโทษที่ใช้สำหรับผู้ที่ทำผิดโทษฉกรรจ์เท่านั้น หากหยางอวี้หลิงตัดสินใช้วิธีการลงโทษนี้กับสตรีผู้นี้แล้ว เกรงว่าวันรุ่งขึ้นคงจะมีข่าวแพร่ออกไปถึงพระกรรณของฮ่องเต้ว่าหยางอวี้หลิงใช้วิธีการลงโทษอันเ**้ยมโหดกับคนของตัวเอง ในพระราชสำนักก็คงต้องรู้เรื่องนี้ด้วยเช่นกัน
วังหน้าและวังหลังมีความสัมพันธ์เกี่ยวเนื่องซับซ้อนต่อกันมาโดยตลอด หยางเกิ่งรั่งมีศัตรูมากมาย แต่ไหนแต่ไรมาเขาก็ไม่เคยลงมือมาก่อน เช่นนั้นบุตรสาวของเขา หยางอวี้หลิงพระสนมที่ได้รับความโปรดปราณจากฮ่องเต้เล่า? ก็ยิ่งไม่ควรเลือกใช้วิธีเช่นนี้เป็นดีที่สุด…
หยางอวี้หลิงนั่งลงแล้วมองไปยังถ้วยน้ำชาที่ยังเหลืออยู่อีกครึ่งหนึ่งบนโต๊ะที่ลี่หยวนตี้เพิ่งประทับไปเมื่อครู่ ตอนนั้นอารมณ์ของนางจึงเริ่มสงบลง
ทว่าเมื่อเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้งแล้วเห็นหญิงนางนั้นที่มอบคลานอยู่บนพื้น คราวนี้แม้ไม่ได้ใช้เสียงที่น่าสยดสยองเอ่ยขึ้นแต่ก็เป็นน้ำเสียงที่เย็นยะเยือกอย่างที่สุด “จริงด้วย การตายสำหรับคนผู้นี้แล้ว ดูจะสบายเกินไปหน่อย อยู่ก็อยู่ไม่ไหว ตายก็ตายไม่ได้ต่างหากถือจะสาสมกับคนอย่างเจ้าที่สุด”
“เจ้าบอกว่าเจ้าเป็นคนของท่านพ่อหรือ คนของท่านพ่อแล้วอย่างไร? มันเกี่ยวอะไรกับข้าด้วย? ตอนนี้ข้างกายเจ้าก็ไม่ได้มีนายท่านอยู่ด้วย มีเพียงข้าเท่านั้น!” หยางอวี้หลิงหรี่ตาทั้งสองข้าง “หลิงเซียงลากตัวนางออกไป! จับตัวมันไปไว้ที่คุกหลวง! เหตุผลก็เป็นเพราะว่าเมื่อครู่นางพูดไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงกับข้า อีกทั้งยังข่มขู่ข้าอีก?”
“ไม่นะ พระสนม พระสนม!” สตรีนางนั้นที่คุกเข่าอยู่คลานเข้ามาที่เท้าของหยางอวี้หลิงแล้วกอดขาทั้งสองข้างของนางไว้ “พระสนมทำแบบนี้กับหม่อมฉันไม่ได้นะเพคะ! พระสนมข้าสำนึกผิดแล้ว พระสนมได้โปรดปล่อยข้าไปเถิด! พระสนม!”
คุกหลวงคือสถานที่แบบใด? นั่นเป็นสถานที่ที่น่ากลัวยิ่งกว่าศาลราชสกุลจักรพรรดิเสียอีก! คนในวังหลวงเมื่อทำผิดจะถูกจับไปไว้ที่ศาลราชสกุลจักรพรรดิ แต่หากมิใช่คนในวังหลวงเล่า? นั่นก็คงมีเพียงโทษประหารหรือไม่ก็เกือบตายหรือไม่ก็ถูกโยนไปไว้ในคุกหลวง
ตลอดมาภาพที่ชาวบ้านบรรยายคุกหลวงเอาไว้นั้นล้วนเป็นภาพที่โหดร้าย เพราะมิเคยมีคนเป็นผู้ใดเคยได้ออกมาจากที่นั่น ข่าวลือและเรื่องเล่าแปลกๆ ทุกเรื่องล้วนเข้าไปฝังรากลึกอยู่ในภาพความทรงจำของผู้คนอย่างมิอาจเลี่ยงได้
ตายหรือเข้าคุกหลวง? ดูเหมือนว่าการตายยังเป็นทางเลือกที่น่ากลัวน้อยกว่า
“ไสหัวไป!” หยางอวี้หลิงยกขาข้างหนึ่งของตนแล้วถีบเข้าไปที่หน้าของสตรีนางนั้น “หลิงเซียง ยังไม่ลากตัวมันออกไปอีก!”
“เพคะ พระสนม” หลิงเซียงมองไปยังสตรีนางนั้นที่กลิ้งอยู่ด้านข้างอย่างเวทนา แม้ว่านางจะสงสารเพียงใด นางก็คงทำได้เพียงรู้สึกสงสารเท่านั้น
คงพูดได้แต่เพียงว่าสตรีนางนี้โชคร้ายเกินไปกระมัง? ในวังหลวง แต่ไหนแต่ไรมาก็เป็นสถานที่ที่ต้องอาศัยโชคชะตาเป็นสำคัญ
สตรีนางนั้นถูกหลิงเซียงมัดมือทั้งคู่เอาไว้ ในปากก็มีเศษผ้าที่ไม่รู้ว่าได้มาจากที่ใดมาอุดเอาไว้ ตาคู่นี้ของนางจ้องมองไปที่หลิงเซียงอย่างอ้อนวอน คล้ายเป็นการอ้อนวอนความหวังวุดท้ายของตน
การกระทำของหลิงเซียงเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เพียงครู่เดียวก็จัดการสตรีนางนั้นเสร็จเรียบร้อยแล้วส่งตัวให้ขันทีที่ยืนอยู่ด้านข้าง ขันทีน้อยผู้นั้นพยักหน้ารับอย่างเข้าใจสถานการณ์ นางกำนัลที่อยู่ในตำหนักนั้นล้วนเข้าใจเหตุการณ์ดีจึงก้มหน้าลงโดยไม่พูดไม่จา ราวกับว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ทั้งหมดเป็นเพียงแค่ความฝัน
“หลิงเซียง ข้าเหนื่อยแล้ว” มือขวาของหยางอวี้หลิงกุมที่ศีรษะตนเองเบาๆ แล้วใช้เพียงมือเดียวยันไปที่โต๊ะวางน้ำชา “ประคองข้าไปนอนพักบนเตียงหน่อยเถิด อีกเรื่องหนึ่งคือ อีกประเดี๋ยวเจ้าส่งคนไปส่งข่าวที่พระราชวังของฮ่องเต้ โดยบอกว่าร่างกายของข้าไม่สบายขึ้นมาอีกแล้ว จึงหวังว่าฝ่าบาทจะมาเยี่ยมข้าบ้าง”
“เพคะพระสนม พระสนมพักผ่อนก่อนเถิด อีกประเดี๋ยวบ่าวจะต้องถ่ายทอดคำพูดของพระสนมไปอย่างแน่นอน ร่างกายของพระสนมคือสิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้” หลิงเซียงห่มผ้าให้หยางอวี้หลิงอย่างระมัดระวังแล้วพูดปลอบประโลมด้วยเสียงแผ่วเบา “พระสนมหลับตาพักผ่อนสักครู่หนึ่งก่อนเถิด ประเดี๋ยวตื่นขึ้นมาก็ไม่เป็นไรแล้ว”
หยางอวี้หลิงพยักหน้าเบาๆ ให้แล้วหลับตาลง จากนั้นก็ไม่ครุ่นคิดเรื่องใดอีก
ณ พระตำหนักหย่างซิน
“ฝ่าบาท”
ลี่หยวนตี้เงยหน้าขึ้นแล้ววางหนังสือในมือลง จากนั้นจึงตรัสด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “ที่หยางอวี้หลิงด้านนั้นเป็นอย่างไรบ้างแล้ว”
สายลับผู้นั้นเงยหน้าขึ้น “เป็นตามที่ฝ่าบาททรงคาดเดาไว้มิผิด วันนี้สตรีนางนั้นเป็นคนที่ใต้เท้าหยางส่งมาตรวจพระสนมหยางกุ้ยเหรินว่ามีครรภ์หรือไม่พะย่ะค่ะ”
“เฮอะ” ลี่หยวนตี้แค่นหัวเราะเบาๆ “แล้วตอนนี้ผู้หญิงนางนั้นเป็นอย่างไรบ้าง”
“หยางอวี้เหรินให้นำตัวไปขังไว้ที่คุกหลวงแล้วพะย่ะค่ะ”
“ส่งคนไปจับตาดูเอาไว้ อย่าทำให้นางตาย” ลี่หยวนตี้จัดที่ทับกระดาษบนโต๊ะ “นางยังมีประโยชน์อยู่”
“พะย่ะค่ะ” สายลับผู้นั้นก้มหน้า
“ยังมีอีกเรื่อง แผนการนั้นลงมือล่วงหน้าได้แล้ว”
“ฝ่าบาท?” สายลับผู้นั้นเงยหน้าขึ้นอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง “วันนี้เลยหรือ?”
“อืม” ลี่หยวนตี้วางที่ทับกระดาษในมือลงอย่างเบื่อหน่าย “วันนี้ โอกาสได้มาถึงแล้ว”
“แต่…” สายลับผู้นั้นคล้ายมีสิ่งใดอยากจะพูดต่อ แต่เขารู้จักสายตาจริงจังคู่นั้นของลี่หยวนตี้เป็นอย่างดี ตอนนั้นจึงไม่กล้าพูดอะไรอีก “กระหม่อมจะรีบกลับไปเตรียมตัวเดี๋ยวนี้”
“ไปเถิด”
กลางดึก ณ พระราชวังลิ่งอัน
พระสนม พระสนมเพคะ! ทนหน่อยนะเพคะ บ่าวส่งคนไปที่สำนักหมอหลวงแล้ว!” หลิงเซียงคุกเข่าอยู่ข้างๆ เตียง และกุมมือของนางเอาไว้พลางเอ่ยขึ้น “พระสนม ทนอีกหน่อยเดี๋ยวก็หายแล้วเพคะ!”
“ข้าเจ็บ! เจ็บมาก! ใครอยู่ตรงนี้บ้าง” หยางอวี้หลิงในตอนนี้คล้ายถูกดึงขึ้นมาจากน้ำ เพราะทั่วทั้งตัวของนางชุ่มไปด้วยเหงื่อ เนื่องจากนางรู้สึกเจ็บปวดเหลือทนจึงทำให้หยางอวี้หลิงไม่ได้ยินเสียงใดๆ รอบตัว จิตใต้สำนึกของนางในตอนนี้คือ ท้องของนาง ร่างกายของนางคล้ายกำลังถูกทึ้งออกจากตรงกลางจึงเจ็บโดยไม่มีสติสนใจเรื่องใดอีกร