ชายาเคียงหทัย - ตอนที่ 240-2 สุขใจห่างไกลไร้กังวล
ด้านนอกตำหนัก องครักษ์ที่รักษาการณ์อยู่ภายในวังบรรทม และองครักษ์ที่ตามเข้ามาเพราะได้ยินเสียงต่างถูกจัดการลงหมดแล้ว ส่วนคนอีกกลุ่มหนึ่งกลับเหลือรอดอีกเจ็ดแปดคน ฉินเฟิงและจั๋วจิ้งยืนอยู่ที่ปากประตู รอให้เยี่ยหลีออกมา
“องค์หญิง…” เมื่อเห็นทั้งสองเดินออกมา คนเป็นหัวหน้าที่โชคดีเป็นหนึ่งในคนรอดชีวิตเหล่านั้น ก็จะพุ่งตัวเข้ามาหาทันที แต่กลับถูกจั๋วจิ้งและหลินหานขวางไว้
คนผู้นั้นรีบเอ่ยถามว่า “องค์หญิง! องค์หญิง ท่านเป็นอันใดหรือไม่ ข้าน้อยไร้ความสามารถ…มิอาจเข้าไปช่วยองค์หญิงออกมาก่อนได้!”
องค์หญิงฉางเล่อมองหน้าเขาด้วยความงงงวยอยู่ครู่หนึ่ง ถึงได้เอ่ยออกมาว่า “เจ้าคือ…องครักษ์หยาง?”
บุรุษผู้นั้นดึงผ้าที่ปิดหน้าอยู่ออก เผยให้เห็นใบหน้าที่เด็ดเดี่ยว และดูคุ้นตา
เยี่ยหลีขมวดคิ้วนึกย้อนไปครู่หนึ่ง ก็นึกออกว่า นี่คือหัวหน้าองครักษ์ในวังของฮองเฮา
เยี่ยหลีเอ่ยว่า “ออกจากวังกันก่อนแล้วค่อยพูดคุยกันเถิด”
องครักษ์หยางผู้นั้นก็ดูจะรู้จักเยี่ยหลี จึงเอ่ยด้วยความเคารพว่า “ขอบพระคุณพระชายาที่ยื่นมือมาช่วยเหลือพ่ะย่ะค่ะ”
เมื่อคณะของพวกเขาเดินออกจากวังไป ตลอดทางก็แทบไม่พบผู้ใดเข้ามาขัดขวางเลยสักคน ส่วนบริเวณลานหน้าพระราชวัง ก็ยังคงครื้นเครงคึกคักดังเดิม แต่หากลองสังเกตโดยละเอียดก็จะพบว่า คนที่ควรอยู่ ณ ที่นั้น ต่างพากันหายไปหมดแล้ว
คณะของเยี่ยหลีกลับไปถึงที่พักโดยที่แทบจะไม่เสียเวลาเลยแม้แต่น้อย ยังไม่ทันได้เอ่ยถามอันใด องครักษ์หยางผู้นั้นก็คุกเข่าลงกับพื้น ต่อหน้าองค์หญิงฉางเล่อ “ข้าน้อยไร้ความสามารถ ทำให้องค์หญิงต้องตกพระทัยกลัว นี่เป็นยาถอนพิษ ขององค์หญิงได้โปรดเสวยโดยเร็วเถิดพ่ะย่ะค่ะ”
เขาหยิบขวดกระเบื้องสีเขียวเล็กๆ ออกมาจากแขนเสื้อ ยื่นให้กับองค์หญิงฉางเล่อ
เยี่ยหลีขมวดคิ้ว “องค์หญิง เจ้าโดนยาพิษหรือ”
ตลอดทางมานี้ สีหน้าองค์หญิงฉางเล่อดูปกติดี ร่างกายก็ดูไม่มีอันใดที่แปลกไป ดูไม่ออกแม้แต่น้อยว่านางถูกวางยาพิษ
องค์หญิงฉางเล่อลังเลเล็กน้อย ก่อนพยักหน้า
องครักษ์หยางทั้งเสียใจและโกรธเกรี้ยว “หากมิใช่เพราะนังคนใจหยาบนั่นวางยาพิษองค์หญิง พวกข้าจะเข้าไปช่วยองค์หญิงช้าเช่นนั้นได้อย่างไร ยาพิษนี้มีแต่นังแพศยานั่นเท่านั้นที่มี หากพวกข้าเข้าไปช่วยองค์หญิง นางก็จะทำลายยาถอนพิษทิ้งทันที ดังนั้น ระหว่างทาง พวกข้าจึงทำได้เพียงต้องคิดหาทางนำยาถอนพิษมาให้ได้ก่อน ถึงจะเข้าไปช่วยองค์หญิง ถึงได้ทำให้องค์หญิงถูกส่งตัวเข้าวัง”
“หลิ่วกุ้ยเฟยหรือ”เยี่ยหลีเอ่ยถาม “พวกเจ้าได้ยาถอนพิษมาได้อย่างไร”
องครักษ์หยางเอ่ยว่า “นังแพศยานั่นคิดว่า พอส่งองค์หญิงเข้าวังไปแล้ว จะมีหรือไม่มียาพิษก็ได้ เพียงแต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น แต่พวกข้าก็ยังต้องเสียชีวิตกันไปเจ็ดแปดคนกว่าจะได้ยาถอนพิษนี้มาได้ โชคดีที่ยังไปทัน…มิเช่นนั้น…ต่อให้พวกข้าตายเป็นหมื่นครั้ง ก็ไม่มีหน้ากลับไปสู้หน้าพระพักตร์ฮองเฮาและกั๋วกงผู้เฒ่าได้พ่ะย่ะค่ะ”
เยี่ยหลีเลิกคิ้ว “ฮองเฮาเป็นคนส่งพวกเจ้าให้มาช่วยองค์หญิงหรือ”
องครักษ์หยางเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจังว่า “แน่นอนพ่ะย่ะค่ะ พวกข้าน้อยทุกคนต่างเป็นคนที่ฮองเฮาทรงไว้วางพระทัย ได้รับพระเมตตาของพระองค์มากมายนัก ยังมีพี่น้องอีกจำนวนหนึ่งที่เคยได้รับความเมตตาจากฮว่ากั๋วกงเมื่อใดอดีต เดิมทีพวกเราคิดจะลงมือตอนที่อยู่ระหว่างทาง แต่กลับไม่สามารถเอายาถอนพิษมาได้ จึงไม่กล้าบุ่มบ่ามลงมือ เกรงว่าจะเป็นอันตรายต่อชีวิตขององค์หญิง ข้าน้อยขอบพระคุณพระชายามากในบุญคุณครานี้ที่ช่วยเหลือ”
องค์หญิงฉางเล่อเมื่อได้ยินชื่อเสด็จแม่ ก็น้ำตาไหลนองเต็มหน้า ยกขวดยาขึ้นรีบเอ่ยถามว่า “เสด็จแม่ข้าเป็นอย่างไรบ้าง”
องครักษ์หยางลังเลเล็กน้อย ก่อนเอ่ยว่า “ฮองเฮา…ยามที่ข้าน้อยออกจากเมืองหลวงมา ฮองเฮายังถูกกักบริเวณอยู่ในวัง เพียงแต่องค์หญิงได้โปรดวางใจ กั๋วกงผู้เฒ่าได้เตรียมการไว้ก่อนแล้ว ฮองเฮาเองก็เคยตรัสไว้ ถึงแม้จะไม่ได้รับอิสระ แต่อย่างไรฝ่าบาทด้วยเห็นแก่เรื่องหน้าตา ก็จะต้องละเว้นชีวิตพระองค์ อย่าได้ทรงกังวลไป ขอเพียงต่อไป องค์หญิงอย่าได้กลับไปเมืองหลวงอีกเป็นพอ นี่เป็นสิ่งที่ฮองเฮาฝากข้าน้อยมาบอกแก่องค์หญิงพ่ะย่ะค่ะ”
องครักษ์หยางส่งกล่องไม้เล็กๆ ที่รูปร่างหน้าตาดูธรรมดาๆ กล่องหนึ่งให้นาง
องค์หญิงฉางเล่ออึ้งไปเล็กน้อย เปิดออกดูด้านใน กล่องนั้นกว้างไม่ถึงหนึ่งชุ่น* ยาวประมาณสี่ห้าชุ่น เมื่อเปิดออก ก็เห็นว่าด้านในมีตั๋วเงินจำนวนหนึ่งพับไว้อยู่ บนตั๋วเงินมีปิ่นปักผมที่ปราณีตงดงามกับไข่มุกราตรีอีกเจ็ดแปดเม็ดวางอยู่ ถึงแม้จะมิได้เห็นมูลค่าที่อยู่บนตั๋วเงิน แต่แค่เพียงเห็นไข่มุกราตรีเจ็ดแปดเม็ดนั่นก็ทำให้รู้ว่า แค่เพียงไข่มุกเม็ดเดียว ก็เพียงพอที่จะให้องค์หญิงฉางเล่อจะกินอยู่ได้อย่างไร้กังวลไปตลอดชีวิตแล้ว
“ชายาติ้งอ๋อง…เสด็จแม่ เสด็จแม่ไม่ต้องการข้าแล้ว?” องค์หญิงฉางเล่อถือกล่องไว้ พลางเอ่ยถามเสียงเบา
เยี่ยหลีถอนใจเบาๆ “เสด็จแม่เจ้าทำเช่นนี้ก็เพื่อเจ้า”
องค์หญิงฉางเล่อมิได้ถูกส่งตัวมาเพื่อแต่งงานสานสัมพันธ์ แต่ถูกม่อจิ่งฉีส่งมามอบให้แก่หนานจ้าวอ๋อง ซึ่งนี่ก็ได้กำหนดไว้แล้วว่า ต่อไป องค์หญิงฉางเล่อจะไม่สามารถกลับไปปรากฏตัวที่เมืองหลวงในฐานะองค์หญิงได้อีกต่อไป และไม่สามารถไปพบหน้าผู้ใดในโลกได้อีก มิเช่นนั้น พอถึงยามนั้น…ในเมื่อม่อจิ่งฉีใจร้ายพอที่จะส่งบุตรสาวของตนไปมอบให้หนานจ้าวอ๋องได้ เช่นนั้นก็ย่อมใจร้ายพอที่จะเอาชีวิตนางเช่นกัน
“ข้ารู้…” องค์หญิงฉางเล่อถือกล่องไม้ไว้ แต่ก็ยังอดร้องไห้คร่ำครวญออกมาไม่ได้ แต่นี้ต่อไป นางจะมิใช่องค์หญิงฉางเล่อแห่งต้าฉู่อีก เชื่อว่าอีกไม่นานเสด็จพ่อก็จะให้คนปล่อยข่าวออกไป ว่าองค์หญิงฉางเล่อล้มป่วยและเสียชีวิต ตั้งแต่นี้ไป ก็เป็นไปได้ที่นางจะไม่ได้พบหน้าเสด็จแม่และท่านตาอีก นางคงทำได้เพียงใช้ชีวิตเร่ร่อนอย่างไร้ชื่อไร้แซ่เพียงลำพังเสียแล้ว
เมื่อเห็นท่าทางเจ็บปวดรวดร้าวขององค์หญิง เยี่ยหลีก็ยื่นมือไปลูบผมนาง “เด็กดี ไม่ต้องเสียใจไป ไว้รอให้เรื่องที่หนานเจียงเรียบร้อยเสียก่อน เจ้าก็กลับซีเป่ยไปพร้อมข้าเถิด”
องค์หญิงฉางเล่อมีท่าทีลังเลเล็กน้อย แต่ก็เลือกที่จะปฏิเสธสิ่งที่เยี่ยหลีเสนอ “ขอบพระคุณพระชายามาก แต่ด้วยปัญหาเรื่องฐานะของข้า เกรงว่าจะทำให้ท่านกับท่านอาติ้งอ๋องต้องเดือดร้อน”
เยี่ยหลีอมยิ้ม “วังหนานจ้าวอ๋องก็บุกเข้าไปมาแล้ว ยังไม่ถือว่าเดือดร้อนอีกหรือ ไว้ข้าจะให้คนมาดูยาถอนพิษนี่ องค์หญิงพักผ่อนให้สบายก่อนเถิด เรื่องอื่นๆ ไว้รอให้ท่านอาติ้งอ๋องของเจ้ากลับมาแล้วค่อยว่ากัน ที่นี่ไม่มีผู้ใดกล้าบุกเข้ามาโดยพลการหรอก”
องค์รักษ์หยางเมื่อได้ยินเยี่ยหลีเอ่ยเช่นนี้ ก็ให้ยินดีนัก สิ่งที่ฮองเฮาและกั๋วกงผู้เฒ่าเป็นกังวลที่สุดก็คือ การที่องค์หญิงฉางเล่อต้องใช้ชีวิตอยู่คนเดียวข้างนอก ถึงแม้จะเตรียมการลอบคุ้มครององค์หญิงอย่างลับๆ ไว้แล้ว แต่สถานการณ์ของใต้หล้าในยามนี้ นึกอยากจะวุ่นวายขึ้นมาก็วุ่นวายเสียอย่างนั้น นอกจากซีเป่ยแล้ว ผู้ใดเลยจะกล้ามั่นใจได้ว่า ที่นั่นจะปลอดภัย เดิมทีเขาก็คิดจะลอบส่งองค์หญิงเข้าไปอยู่เป็นประชาชนของซีเป่ย และใช้ชีวิตอย่างปิดบังชื่อแซ่อยู่แล้ว แต่เมื่อได้รับเชิญจากชายาติ้งอ๋องเอง ย่อมดีกับองค์หญิงมากกว่า “ข้าน้อยขอขอบพระคุณพระชายาแทนฮองเฮาและกั๋วกงผู้เฒ่าด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
เยี่ยหลีโบกมือ “ท่านอ๋องของพวกเรา นับถือฮองเฮาเป็นพี่สาว ฮว่ากั๋วกงก็เห็นท่านอ๋องมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย คุณหนูใหญ่ตระกูลฮว่าก็เป็นสหายรักของข้า องค์หญิงฉางเล่อย่อมมิใช่คนอื่น”
องครักษ์หยางขอบคุณนางอีกครั้ง
องค์หญิงฉางเล่อหันไปเอ่ยกับเยี่ยหลีว่า “ข้ามิใช่องค์หญิงอีกต่อไปแล้ว เสด็จแม่ตั้งชื่อเล่นให้ข้าว่า อู๋โยว** พระชายาเรียกข้าว่าอู๋โยวก็แล้วกัน” อู๋โยวฉางเล่อ ช่างแสดงให้เห็นถึงความรักของฮองเฮาที่มีต่อพระธิดายิ่งนัก
เยี่ยหลีอมยิ้ม พยักหน้า “ดี อู๋โยวคงจะเหนื่อยแล้ว กลับห้องไปพักก่อนเถิด”
องค์หญิงฉางเล่อ อู๋โยวพยักหน้า เดินตามองครักษ์ไปยังห้องที่ว่างอยู่
เมื่อประตูปิดลง นางก็ทิ้งตัวลงบนเตียง กัดผ้าห่มร้องไห้ฮือๆ ออกมาทันที นางกัดผ้าห่มร้องไห้อยู่ในห้อง โดยไม่รู้เลยว่า คนที่อยู่ด้านนอกล้วนเป็นคนที่มีกำลังภายในแก่กล้า ย่อมได้ยินทุกอย่างอย่างชัดเจน
เยี่ยหลีหันหน้าไปมองเฟิ่งจือเหยาที่ยืนอยู่ใต้เงาหลังคาเรือน แล้วก็ได้แต่ทอดถอนใจออกมาอย่างไร้ซุ่มเสียง
* ชุ่น มาตรวัดในสมัยโบราณของจีน 1 ชุ่นเทียบเท่ากับ 3.33 เซ็นติเมตร
** อู๋โยว มีความหมายว่า ไร้กังวล