ชายาเคียงหทัย - ตอนที่ 262-1 ปริศนาสมบัติลับ สารภาพ
ใช่แล้ว ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ
หากเยี่ยหลีมิได้กลับชาติมาเกิดในยุคสมัยที่ตนไม่คุ้นเคยเอาเสียเลยอย่างเช่นยุคนี้ แต่เป็นราชวงศ์ใดราชวงศ์หนึ่งในประวัติศาสตร์ แน่นอนว่า นางจะเอาของสิ่งนี้ออกมาใช้อย่างไม่ลังเล ต่อให้เป็นการผลักดันให้ประวัติศาสตร์เดินหน้าเร็วขึ้นแล้วอย่างไร อย่างไรก็คงไม่แย่กว่าประวัติศาสตร์เดิมที่เคยมีมาหรอก
แต่ในยามนี้ อันที่จริงเยี่ยหลีก็มิได้ลังเลใจอยู่นานนัก นางมิใช่คนที่ชอบให้ตนเองคิดวนเวียนอยู่กับเรื่องเดิมๆ เพียงแต่ไม่ว่าจะเป็นอดีตปฐมฮ่องเต้แห่งราชวงศ์ก่อน หรือเป็นตัวนางในยามนี้ ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับสรรพาวุธทางการทหารนั้นมีอยู่ไม่มากนัก องค์ปฐมฮ่องเต้แห่งราชวงศ์ก่อนท่านนั้นมีตัวตนเช่นไน นางไม่รู้ แต่ตัวเยี่ยหลีเอง ถึงแม้นางจะเข้าใจโครงสร้างของอาวุธที่ล้ำสมัยที่สุดประหนึ่งนิ้วมือของนางเอง แต่นั่นก็มิได้หมายความว่านางจะสามารถสร้างอาวุธแบบเดียวกันนั้นขึ้นมาได้
เรื่องอื่นคงไม่ต้องพูดถึง แค่เพียงเรื่องวัตถุดิบที่จะนำมาใช้ผลิตก็คงยากเกินไปเสียแล้ว ดังนั้นเยี่ยหลีจึงมิได้คิดให้สถานที่แห่งนี้เป็นแหล่งผลิตอาวุธรบขนาดใหญ่ แต่จะเพียงใช้เป็นสถานที่ให้ความรู้ขั้นพื้นฐานที่สุดกับนักผลิตอาวุธทั้งหลายในยุคนี้ ให้พวกเขามีความคิดที่ต่างออกไปอย่างสิ้นเชิงกับในยุคปัจจุบันที่พวกเขาอยู่
เยี่ยหลีมิได้ต้องการให้พวกเขาสามาถสร้างอาวุธa k- 47 หรืออาวุธระยะไกลได้โดยทันที ขอเพียงพวกเขาพยายามผลิตอาวุธที่เป็นไปในแนวทางนี้ก็เพียงพอแล้ว ไม่ว่าจะหนึ่งร้อยปี หรือหลายร้อยปี เยี่ยหลีเชื่อว่าหากมีอาวุธที่ใช้ไฟเหล่านี้ ต่อไปในพื้นที่บริเวณนี้ จะไม่มีวันต้องมาประสบพบเจอกับทุกสิ่งที่เพื่อนบ้านเก่าพวกเขาต้องพบเจอมาอย่างแน่นอน
“พระชายา…” มีบุรุษวัยกลางคนก้าวออกมาต้อนรับ เมื่อเห็นเยี่ยหลี ดวงตาก็เป็นประกาย ก้าวเข้ามาหานางด้วยสีหน้าตื่นเต้นยินดี
ม่อซิวเหยาที่อุ้มม่อตัวน้อยอยู่ จ้องบุรุษที่พุ่งเข้ามาต้อนรับผู้นั้น เขาหรี่ตาลงด้วยความไม่พอใจ พร้อมเบี่ยงตัวเข้าขวางหน้าเยี่ยหลีไว้
บุรุษที่พุ่งเข้ามาชะงักฝีเท้าลงทันที เมื่อได้เห็นสีหน้าของม่อซิวเหยาก็รู้ทันทีว่าเมื่อครู่ตนคงจะไม่ทันระวังกิริยาไปเล็กน้อย จึงทำได้เพียงยืนทำอันใดไม่ถูกอยู่ตรงนั้นด้วยความประดักประเดิด
เยี่ยหลีก้าวออกมาจากด้านหลังม่อซิวเหยา ยิ้มน้อยๆ เอ่ยว่า “หลี่ซือฟู มีเรื่องอันใดหรือ”
บุรุษวัยกลางคนรีบระล่ำระลักเอ่ยว่า “ของที่พระชายามอบหมายไว้ พวกเราทำออกมาได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ เพียงแต่มีบางอย่างที่อยากให้พระชายาช่วยชี้แนะ”
เยี่ยพลีพยักหน้า “เช่นนั้นพวกเราก็ไปดูพร้อมกันเถิด”
สิ่งที่วางอยู่ตรงหน้าเยี่ยหลีกับม่อซิวเหยาเป็นปืนกระบอกหนึ่ง แน่นอนว่าม่อซิวเหยาย่อมไม่เคยเห็นของสิ่งนี้มาก่อน แต่ในแววตาของเยี่ยหลีกลับมีประกายแห่งความคิดถึงและชื่นชอบขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
เยี่ยหลีก้าวขึ้นไปข้างหน้า หยิบปืนที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมา ว่ากันตามจริง สำหรับเยี่ยหลีที่เคยพบเห็นอาวุธล้ำสมัยสารพัดประเภทมาก่อนแล้ว ปืนหน้าตาง่ายๆ หยาบๆ เช่นนี้ ดูไม่เข้าตาเอาเสียเลย เมื่อเทียบกับปืนเมาเซอร์ ปืนอัตโนมัติยุคแรกที่เป็นปืนอันแรกของชาติที่แล้วแล้ว ปืนนี้ดูจะหยาบกว่ามากทีเดียว
แต่การใช้เวลาเพียงห้าปี ก็สามารถแกะอาวุธปืนสั้นที่มีวิวัฒนาการมาเป็นร้อยปี จนสามารถผลิตของสิ่งนี้ออกมาได้ เยี่ยหลีเชื่อว่า ช่างฝีมือเหล่านี้ได้พยายามกันอย่างเต็มที่แล้วจริงๆ
เยี่ยหลีหยิบปืนขึ้นมาพลิกดูเล็กน้อย ก่อนหันไปยิ้มกับม่อตัวน้อย “ต้วน้อย ปิดหูเสีย”
ม่อตัวน้อยมองของในมือมารดาของตนด้วยความใคร่รู้ แต่ก็เอามือน้อยๆ ปิดหูตนไว้อย่างว่าง่าย
ปืนกระบอกนั้นหมุนติ้วอยู่ในมือเยี่ยหลี แววนัยน์ตาเยี่ยหลีเปลี่ยนไป ยกปืนขึ้นเล็งไปยังจุดหนึ่งที่ห่างไปไม่ไกล ก่อนลั่นไกติดๆ กันสามครั้ง
หลังจากเสียงปังปังปังดังสนั่นขึ้นสามครั้ง เยี่ยหลีมองจุดที่ลูกปืนเข้าไปกระทบแล้วขมวดคิ้วน้อยๆ กระสุนนัดแรกพุ่งตรงเข้ากลางเป้า กระสุนนัดที่สองอยู่เพียงประมาณวงที่สี่ ส่วนกระสุนนัดที่สามลอยหายออกไปไม่ถูกเป้าเลย ซึ่งแน่นอนว่า ปัญหามิได้อยู่ที่ฝีมือการยิงปืนของเยี่ยหลี แต่เห็นได้ชัดว่าปัญหาอยู่ที่ตัวปืนเอง
หลี่ซือฟูที่ยืนอยู่ด้านหลัง สายตายังคงเป็นประกายร้อนแรง เพียงแต่ครานี้สิ่งที่เขามองมิใช่เยี่ยหลี แต่เป็นปืนในมือนาง ซึ่งของที่ดูน่ารังเกียจในสายตาของเยี่ยหลี ในสายตาของเขากลับงดงามและทรงคุณค่าประหนึ่งสาวงามกระนั้น
หลี่ซือฟูลูบหนวดของตนอย่างใช้ความคิด หลี่ซือฟูเอ่ยว่า “เจ้าของสิ่งนี้พวกเราทำออกมาสองกระบอก แต่อีกกระบอกหนึ่งกลับระเบิดโดยทันที เจ้าอันนี้ยิงได้ดี แต่กลับยิงได้ไม่แม่นตลอด ยิ่งยิงยิ่งเบี้ยว ที่ยิงเข้าเป้าตรงกลางเช่นพระชายาอย่างนี้ ยังไม่เคยมีมาก่อนพ่ะย่ะค่ะ”
เพียงแต่นัดที่สองกับนัดที่สาม เห็นได้ชัดว่าใช้การไม่ได้ จุดที่ยิงห่างออกไป ทำให้เขาอดรู้สึกสงสัยไม่ได้ว่า นัดแรกของพระชายานั้นเป็นเพียงความบังเอิญหรือไม่
“ดูท่าจะมีปัญหาที่วัสดุ ส่วนความเห็นที่จะให้แก้ไขตรงไหน กลับไปข้าจะไล่เรียงให้เจ้าอีกที ส่วนเรื่องวัสดุคงต้องรบกวนให้พวกเจ้าช่วยใส่ใจหน่อยแล้ว เรื่องแร่ทั้งหมดที่จำเป็นต้องใช้ ไว้ข้าจะสั่งให้คนนำมาให้ ส่วนเรื่องอื่นๆ ข้าคงไม่สามารถช่วยเหลือได้”
นางมิใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านงานฝีมือ และมิใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านวัสดุ สิ่งที่นางพอให้ได้ก็มีเพียงรายละเอียดคร่าวๆ และหลักการที่นางพอรู้เท่านั้น ส่วนเรื่องอื่นๆ จำเป็นต้องให้พวกเขาลงไปศึกษาด้วยตนเองทีละขั้นๆ
ถึงแม้หลี่ซือฟูจะรู้สึกผิดหวังอยู่บ้าง แต่ก็รู้ดีว่าเรื่องนี้มิอาจฝืน จึงทำได้เพียงพยักหน้ารับคำไป
หลี่ซือฟูเดินจากไปพร้อมความหนักใจ ทิ้งปืนกระบอกนั้นไว้ ถึงแม้ของสิ่งนี้จะเป็นสิ่งแรกที่พวกเขาทำออกมาได้จริงๆ แต่ด้วยเพราะผลของมันไม่เป็นที่น่าพอใจนัก หลี่ซือฟูจึงทิ้งของสิ่งนี้ไว้อย่างไม่ใยดี หนำซ้ำยังกลับไปด้วยความโกรธพร้อมตั้งมั่นในใจว่าจะต้องผลิตของที่ดีกว่านี้ออกมาให้จงได้
เยี่ยหลีนำลูกปืนที่เหลืออยู่ในกระบอกออกมา ก่อนโยนให้ม่อตัวน้อยที่มองตาค้างมาตั้งแต่ต้นแล้วเอาไปเล่น
เมื่อได้ของเล่นใหม่ ม่อตัวน้อยทุ่มเทสมาธิลงไปศึกษาของในมือ และมิได้ใส่ใจที่เสด็จพ่ออุ้มเขาไว้ไม่ยอมปล่อยให้ลงมาเล่นอีก
“นี่เป็นของที่ปฐมฮ่องเต้แห่งราชวงศ์ก่อนเหลือทิ้งไว้หรือ” ม่อซิวเหยามองสำรวจไปรอบๆ พลางเอ่ยถามขึ้น
เยี่ยหลีพยักหน้า หันไปเอ่ยถามม่อซิวเหยาว่า “ซิวเหยาเห็นว่าปืนกระบอกนี้เป็นอย่างไรบ้าง”
ม่อซิวเหยาส่ายหน้า เหลือบมองของเล่นในมือม่อตัวน้อย “ใช้งานไม่ได้จริง”
ระยะทำการยังไกลสู้ระยะยิงธนูของนักธนูฝีมือดีไม่ได้เสียด้วยซ้ำ ถึงแม้กระสุนลูกแรกที่ยิงออกมาจะทำให้เขาเกิดความสนใจขึ้นมาได้จริงๆ แต่กระสุนสองนัดต่อมากลับทำให้เขาหมดความหวังจนสิ้น “ยังใช้งานไม่ได้จริง”
เยี่ยหลีพยักหน้าอย่างเห็นด้วย จูงม่อซิวเหยาให้เดินต่อไปข้างหน้า ฮ่องเต้ที่เป็นผู้สถาปนาแคว้นแห่งราชวงศ์ก่อนผู้นั้นเตรียมไว้ ย่อมมิได้มีเพียงของเหล่านี้ ต่อให้เป็นตัวเยี่ยหลีเอง ก็มิได้มีเพียงสิ่งเหล่านี้อย่างแน่นอน ของที่สามารถใช้การได้จริงย่อมใช่ว่าจะไม่มีเลย
เมื่อเดินเข้าไปในห้องโล่งๆ ภายในเหมือง สิ่งที่พุ่งเข้ามาคือกลิ่นกำมะถัน ในมุมหนึ่งของห้องมีกล่องไม้จำนวนหนึ่งวางอยู่อย่างเป็นระเบียบ
เยี่ยหลีเดินเข้าไปเปิดกล่องที่อยู่ชั้นบนสุดออก ภายในกล่องมีวัสดุสีดำทรงกลมจำนวนหนึ่งวางอยู่
ม่อซิวเหยานิ่งขรึมไปครู่หนึ่ง “นี่คือ…ดินปืน?”
ในยุคสมัยนี้ใช่ว่าไม่มีดินปืนอยู่เลย มีคนนำมันมาใช้ในการสู้รบมาก่อนแล้ว แต่ดินปืนนี้ยังจำเป็นต้องใช้ไฟจริงๆ ในการจุด อีกทั้งอานุภาพของมันก็มิได้สูงมาก ดังนั้นแม้แต่ในกองทัพตระกูลม่อก็มิได้นำมาใช้กันบ่อยๆ แต่นั่นมิได้หมายความว่าม่อซิวเหยาจะไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับมันเลย
เยี่ยหลีพยักหน้าเอ่ยว่า “ถูกต้อง เป็นดินปืนจริงๆ เพียงแต่…ข้าชอบเรียกมันว่า ระบิด มากกว่า”
ม่อซิวเหยาเลิกคิ้วถามว่า “อานุภาพมันเป็นอย่างไร”
ในเมื่ออาหลีตั้งใจนำมาให้เขาดู ผลของมันย่อมไม่ธรรมดา
เยี่ยหลีหยิบปืนขึ้นมาอันหนึ่งพลางเอ่ยยิ้มๆ ว่า “พวกเราเปลี่ยนที่ลองดูเดี๋ยวก็รู้”
อาวุธอย่างอื่นคงยากที่จะเอ่ย แต่กับอาวุธที่มีอานุภาพในการระเบิด เยี่ยหลีพอมีความมั่นใจมากอยู่ ด้วยเพราะวิธีการผลิตอาวุธที่มีพลังระเบิดเหล่านี้ มิใช่สิ่งที่ปฐมฮ่องเต้แห่งราชวงศ์ก่อนเหลือทิ้งไว้ให้ แต่เป็นสิ่งที่เยี่ยหลีหยิบยกขึ้นมาเอง
แล้วก็เป็นไปดังคาด เมื่อนางโยนระเบิดลูกหนึ่งไปยังห้องโล่งว่างภายในวังใต้ดิน หลังจากเกิดเสียงดังกัมปนาทขึ้น ผลของมันก็ทำให้ดวงตาม่อซิวเหยามีแววตกใจเผยให้เห็น
เมื่อออกมาจากสถานที่ลองระเบิดแล้ว เยี่ยหลีก็พาม่อซิวเหยาเดินเข้าไปในห้องลับที่อยู่ลึกสุดของวังใต้ดิน
ภายในห้องลับมีการประดับตกแต่งอย่างเรียบง่าย มีเพียงม้วนหนังสือและอาวุธประหลาดวางอยู่เต็มไปหมด ม่อซิวเหยาเห็นว่า มีของในนั้นหลายอย่างที่หน้าตาเหมือนของที่เขาได้เห็นมาแล้วที่ด้านนอก
เยี่ยหลีหยิบหนังสือเล่มหนาจากชั้นลับออกมาส่งให้ม่อซิวเหยา “นี่คือสมบัติลับที่ปฐมฮ่องเต้แห่งราชวงศ์ก่อนทิ้งไว้ให้”
ม่อซิวเหยารับมาพลิกอ่าน ภาพที่อยู่ในแต่ละหน้าเป็นภาพปืนประเภทต่างๆ ทั้งยังมีตัวอักษรที่เขียนอธิบายเอาไว้อยู่ด้วย เพียงแต่ตัวอักษรที่เขียนกำกับอยู่นั้น กลับดูหน้าตาเหมือนตัวอักษรของคนต่างเผ่า
ม่อซิวเหยามิอาจเข้าใจสิ่งเหล่านั้นได้ทั้งหมด แต่นั่นก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อการทำความเข้าใจว่านั่นเป็นหนังสือที่วาดภาพอาวุธประเภทต่างๆ ไว้ เพียงแต่สิ่งที่สามารถผลิตขึ้นมาได้ในยามนี้ยังเป็นอันที่แย่ที่สุด ด้วยเพราะมีหลายชิ้นในนั้นที่ดูแล้วน่าจะมีอานุภาพรุนแรงกว่าของเล่นในมือม่อตัวน้อยที่ถือไว้ไม่ยอมปล่อยนั่นมากมายนัก
เยี่ยหลีดูภาพในหนังสือ พลางเอ่ยถอนใจเสียงเบาว่า “หากสามารถทำของเหล่านี้ออกมาได้ทั้งหมดในปริมาณมากตามที่เขาคิดไว้แล้ว กองทัพที่ได้ของเหล่านี้ไปจะต้องกลายเป็นกองทัพที่ไร้ศัตรูที่แท้จริงอย่างแน่นอน”
ม่อซิวเหยาเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย หันไปเอ่ยถามเยี่ยหลีว่า “อาหลีชอบของเหล่านี้มากหรือ”
เยี่ยหลีอึ้งไปเล็กน้อย พักใหญ่ถึงได้พยักหน้าเอ่ยว่า “ใช่แล้ว ข้าชอบมาก”
จะไม่ชอบได้อย่างไร เมื่อชาติที่แล้ว เพียงชั่วเวลาสั้นๆ เพียงยี่สิบกว่าปี นางใช้เวลายี่สิบปีไปกับการคลุกคลีอยู่กับสิ่งเหล่านี้ ความคุ้นเคยและความชื่นชอบที่นางมีให้กับสิ่งเหล่านี้ มากประหนึ่งเป็นคนในครอบครัวหรือเป็นเพื่อนร่วมรบกับนางเลยทีเดียว
ม่อซิวเหยาเอ่ยว่า “เช่นนั้นก็ให้คนผลิตออกมาให้หมด”
เยี่ยหลีระบายยิ้มเอ่ยว่า “ผลิตออกมาให้หมด…ในช่วงเวลาที่พวกเรามีชีวิตอยู่ เกรงว่าก็คงอยู่ไม่ทันได้เห็น จะผลิตทั้งหมดนี้ออกมาจริงๆ…หากไม่มีเวลาร้อยสักสองร้อยปีคงยังผลิตออกมาไม่ได้”
สิ่งที่ต้องเข้ามาเกี่ยวข้องนั้น มิได้มีเพียงด้านอาวุธยุทโธปกรทางการทหารเท่านั้น เรื่องอื่นๆ อาทิเรื่องวัสดุที่จะนำมาใช้ผลิต ก็จะต้องพัฒนาไปพร้อมๆ กัน ถึงจะสามารถผลิตอาวุธสงครามเฉกเช่นเดียวกับของชาติที่แล้วได้
ม่อซิวเหยาขมวดคิ้วเอ่ยว่า “หากเป็นเช่นนั้น ปฐมฮ่องเต้แห่งราชวงศ์ก่อนท่านนี้ก็คงเป็นอัจริยะบุคคลแห่งใต้หล้าจริงๆ สินะ น่าเสียดายก็เพียงในยามนั้นเขามิได้ผลิตสิ่งเหล่านี้ออกมา หรือว่าเขาก็คิดที่จะผลิต แต่เพียงทำออกมาไม่ทัน?”
ปฐมฮ่องเต้แห่งราชวงศ์ก่อน หลังจากรวบรวมการปกครองใต้หล้าให้เป็นหนึ่งได้แล้ว เวลาที่เขาอยู่บนบัลลังก์ก็มิได้นานนัก เพียงดูจากอาณาเขตของวังใต้ดินแห่งนี้ ก็พอจะบอกได้ว่า เป็นไปได้มากที่พระองค์จะสิ้นพระชนย์ไปก่อนที่จะสร้างเสร็จ