ชายาเคียงหทัย - ตอนที่ 292-2 จลาจลกำลังมาเยือน
“เอาละ ทุกคนเข้าไปคุยกันด้านในเถอะ ขวางคนอื่นเขาไว้หน้าประตูได้อย่างไรกัน สองวันนี้พวกเราจัดสวนเสร็จแล้ว พวกเจ้าดูสิว่าชอบไหม” ยังคงเป็นฮูหยินรองเอ่ย พร้อมกับพาทุกคนเข้ามาในสวน
ฮองเฮามองไปยังเยี่ยหลีด้วยความกังวลเล็กน้อย “พระชายา พวกเราอยู่ที่จวนติ้งอ๋องจะ…” ท้ายที่สุดแล้วสถานะของพวกนางไม่เหมือนกัน หากอยู่ในเมืองหลีแล้วถูกคนจำได้ยังพอมีข้ออ้าง หากมีคนจับได้ว่าพวกนางอยู่ที่จวนติ้งอ๋อง เกรงว่าจะพลอยทำให้ชื่อเสียงของจวนติ้งอ๋องติดร่างแหไปด้วย เยี่ยหลียิ้ม ตบไหล่เอ่ย “พวกท่านอยู่อย่างสบายใจเถิด ไม่เพียงแต่พวกท่านสองคนเท่านั้น ยังมีอู๋โยวที่จะย้ายมาอยู่ที่จวนอ๋องด้วย เกรงว่าในอนาคตเมืองหลีจะไม่ปลอดถัย อยู่ที่จวนติ้งอ๋องยังมีความปลอดภัยอยู่บ้าง”
องค์หญิงฉางเล่อพยักหน้า เอ่ย “ท่านแม่ ท่านพี่เทียนเซียง พระชายาพูดถูก อีกสองวันท่านอาจารย์ทั้งสองก็จะย้ายมาอยู่ที่จวนอ๋องแล้ว ช่วงเวลานี้เมืองหลีมีจำนวนคนเพิ่มขึ้นมาก แม้แต่ห้องพยาบาลของอาจารย์ทั้งสองก็มากันหลายกลุ่ม” ฟังนางพูดเช่นนี้ ฮองเฮาและฮว่าเทียนเซียงถึงได้ตอบตกลง
คนกลุ่มหนึ่งเดินเข้าไปในสวนดอกไม้ การตกแต่งภายในสวนเป็นของใหม่ตามคาด อีกทั้งส่วนมากยังเป็นเอกลักษณ์ของฉู่จิง ดูออกว่าตั้งใจตกแต่งอย่างพิถีพัถัน แขกและเจ้าบ้านนั่งลง สาวใช้จึงนำชาเข้ามาให้ก่อนจะถอยออกไป เยี่ยหลีเอ่ย “พวกท่านอยู่ที่จวนติ้งอ๋องได้เลย ขาดเหลืออะไรก็ให้คนไปบอกหัวหน้าพ่อบ้าน คิดเสียว่าเป็นบ้านตัวเอง” สวีฮูหยินรองก็เอ่ยด้วยรอยยิ้มเช่นกัน “หลีเอ๋อร์พูดถูก หากมีเวลาว่างก็ไปนั่งเล่นที่บ้านพวกเรา หรือจะออกไปเดินเล่นก็ได้”
สวีฮูหยินใหญ่ไม่สนิทกับฮองเฮา แต่ว่าสวีฮูหยินรองกลับรู้จักฮองเฮา วันนี้ได้เจอหน้ากันอีกครั้งกลับไม่มีร่องรอยความอึดอัดปรากฏบนใบหน้าเลย ราวกับว่าทั้งสองเป็นเพื่อนเก่าสองคนที่เยี่ยหลีพากลับมาจากฉู่จิงมิปาน ในทางกลับกันฮว่าเทียนเซียงที่กำลังสนทนากับฉินเจิงกลับมองไปยังเยี่ยหลีอย่างหยั่งเชิง
เยี่ยหลีแอบยิ้มในใจอย่างอดไม่ได้ พยักหน้าเล็กน้อย นางย่อมเข้าใจความคิดของป้ารองเป็นอย่างดี หลายปีมานี้ท่านป้าทั้งสองเป็นกังวลเรื่องแต่งงานของพี่ชายสองสามคนจนใจแทบแตกสลาย แต่ซีเป่ยเองก็ไม่ได้เจริญรุ่งเรืองเท่ากับฉู่จิง ที่จะมีตระกูลมีชื่อมากมาย ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากที่จะเลือกสตรีที่ฐานะเท่าเทียมหลายๆ คนได้ แต่พี่ชายแต่ละคนต่างมีทิฐิสูง ไม่ต้องการแต่งงาน แม้ว่าพี่รองแต่งงานแล้วและมีลูกไปแล้ว ดังนั้นพี่สามถือเป็นคนที่อายุมากที่สุด เมื่อเทียบกับพี่สี่และน้องห้าในวัยยี่สิบต้นๆ พี่สามย่อมต้องร้อนรนมากกว่า อุตส่าห์ได้เจอฮว่าเทียนเซียงย่อมตาวาวกันเป็นธรรมดา แม้ในตอนแรกฮว่าเทียนเซียงเป็นธิดาของตระกูลเศรษฐีอันดับต้นๆ แห่งเมืองหลวง เพียงแต่ผ่านมาหลายปีแล้ว แม้ว่าฮว่าเทียนเซียงจะยังคงไว้ทรงผมของเด็กผู้หญิง แต่สวีฮูหยินรองก็ไม่แน่ใจว่านางแต่งงานหรือหมั้นแล้วหรือยัง
ได้รับการยืนยันของเยี่ยหลี สายตาของสวีฮูหยินรองที่มองไปยังฮว่าเทียนเซียงก็ชัดเจนมากขึ้น ถูกคนอื่นจ้องมองอย่างรุนแรงเช่นนั้น ฮว่าเทียนเซียงหันไปมองพวกเขาอย่างฉงน แต่ฮองเฮากลับเข้าใจความคิดของสวีฮูหยินรองในทันที ยิ้มออกมาจางๆ ทว่าไม่ได้พูดอะไร โดยธรรมชาติแล้วตระกูลสวีเป็นตระกูลที่ยอดเยี่ยม เทียนเซียงได้รับความทุกข์ทรมานอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา หากมีเรื่องมงคลเกิดขึ้นได้ จะยอดเยี่ยมมาก และมันก็เป็นโชคดีของเทียนเซียงด้วย
เมื่อจัดแจงที่พักให้เทียนเซียงและฮองเฮาเรียบร้อยแล้ว เยี่ยหลีคิดไปคิดมาจึงตัดสินใจไปห้องหนังสือดีกว่า
ในห้องหนังสือ ม่อซิวเหยากำลังจมอยู่ในกองเอกสารราชการ ละเลงพู่กันดั่งธารน้ำไหล สีหน้ากลับย่ำแย่กว่าเดินเหยียบอุจจระเสียอีก นั่งอยู่ไม่ไกลคือเฟิ่งจือเหยาซึ่งถูกม่อซิวเหยาดึงเข้ามาร่วมทุกข์ด้วย เฟิ่งจือเหยาหน้าอมทุกข์ แอบเหลือบไปที่ม่อซิวเหยาที่อยู่ด้านหลังโต๊ะทำงาน และมองสวีชิงเฉินที่นั่งอยู่ตรงหน้าหน้าต่าง อ่านหนังสือสารคดีอย่างสบายอกสบายใจ กอ่นจะฝังใบหน้ากลับเข้าไปในเอกสารราชการอย่างจำใจ ทั้งสองท่านนี้ เขาไม่อาจหาเรื่องใครสักคนหนึ่งได้เลย ก้มหน้าก้มตาทำงานต่อไปดีกว่า
สวีชิงเฉินวางหนังสือลง เงยหน้าขึ้นมายิ้มให้ทางประตู “หลีเอ๋อร์ ไม่พักผ่อนให้เต็มที่เล่า มาทำอะไรตอนนี้”
เยี่ยหลีเข้ามาพร้อมกับน้ำชาที่ชงใหม่ มองสีหน้าแข็งกระด้างของม่อซิวเหยา และรอยยิ้มที่ไม่แยแสของสวีชิงเฉิน พูดพลางยิ้ม “ข้านำชาและอาหารว่างมาส่งน่ะ ช่วงเวลานี้ทำให้ท่านพี่ลำบากแล้ว งานเยอะมากไหม” สวีชิงเฉินยกถ้วยชาที่เยี่ยหลีรินเสร็จแล้ว ถอนหายใจอย่างจนปัญญา “ลูกสาวที่แต่งออกไปแล้ว ก็เป็นเหมือนคนอื่นคนไกลจริงๆ ด้วย…”
เยี่ยหลีทำอะไรไม่ถูก รินชาให้ม่อซิวเหยาและเฟิ่งจือเหยาคนละแก้ว ม่อซิวเหยายกชาขึ้นดื่มหนึ่งอึก ก่อนจะถอนหายใจ ตัดพ้อ “อาหลี พี่ของเจ้าทรมานข้า…ข้าไม่ได้จิบน้ำแม้แต่อึกเดียวเลยตั้งแต่กลับมาจนถึงตอนนี้ เขายังให้ข้าอ่านทั้งหมดนี่ให้เสร็จภายในวันนี้อีก!”
เยี่ยหลีมองเอกสารที่สูงกว่าศีรษะของม่อซิวเหยา ทำได้เพียงแค่มองเขาด้วยความเห็นอกเห็นใจ
สวีชิงเฉินปัดฝุ่นที่ไม่มีอยู่จริงบนเสื้อผ้าอย่างสบายๆ ยิ้มเยาะก่อนจะเอ่ย “ข้าทรมานท่านอ๋องหรือท่านต่างหากที่กำลังทรมานพวกเราที่เป็นมือเป็นเท้าให้ สิ่งเหล่านี้คือการทหารและกิจการพลเรือนของซีเป่ยในช่วงที่ท่านอ๋องไม่อยู่ รวมถึงการวิเคราะห์รายได้ทางการเงินและรายงานสงครามชายแดน เป็นสิ่งที่พวกเราหลายคนยุ่งอยู่กับมันเป็นเวลาหนึ่งถึงสองเดือน ขอให้ท่านอ๋องใช้เวลาครึ่งวันมาดู นี่มันเหนือบ่ากว่าแรงหรือ”
ใครกล้าให้เจ้าเป็นมือเป็นเท้าก็บ้าไปแล้ว! ม่อซิวเหยาบ่นในใจ เขาไม่ยอมรับว่าตนเองปล่อยให้สวีชิงเฉินเป็นมือเป็นเท้าแน่นอน เขาแค่รู้จักใช้ประโยชน์จากคนเท่านั้น เรื่องง่อยๆ พวกนี้เขาอธิบายได้ในไม่กี่คำ จำเป็นต้องค้นหาคำตอบจากกองเอกสารที่สูงเพียงนี้ไหม ต่อให้จำเป็น แม้แต่น้ำก็ไม่ห้ามไม่ให้ดื่มเลยหรือ บ่าวที่คอยปรนนิบัติของห้องหนังสือขอลาป่วย นี่คือเหตุผลอันโง่เขลาที่สวีชิงเฉินคิดออกมาจริงๆ น่ะหรือ
“พรุ่งนี้ดูต่อไม่ได้จริงหรือ” ม่อซิวเหยาถามอย่างไม่หวังสิ่งใด
สวีชิงเฉินเอ่ยพร้อมยิ้มกว้าง “แน่นอนว่าได้ อย่างไรเสียตั้งแต่วันพรุ่งนี้ท่านอ๋องจะต้องเป็นคนจัดการกับเรื่องเหล่านี้ทั้งหมดอยู่แล้ว แต่…ข้าน้อยจำได้ว่าในวันพรุ่งนี้มีบางสิ่งที่ต้องให้ท่านอ๋องดู ท่านจะเลื่อนมันไปวันมะรืนหรือไม่ หนึ่งในนี้ยังมีกิจการทางทหารบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับซีหลิงและเป่ยหรง ได้…จริงๆ หรือ”
แน่นอนว่าไม่ได้! ม่อซิวเหยากัดฟันด้วยความเกลียดชัง เป็นการตัดสินใจผิดมหันต์ที่ให้สวีชิงเฉินจัดการเรื่องของซีเป่ย เขาคิดได้อย่างไรว่าพี่เขยคนโตจะรับมือได้ง่ายกว่าท่านลุง เหตุใดเขาถึงคิดว่าพี่เขยอายุค่อนข้างน้อย จะให้เขาเรียกใช้ได้อีกหลายปี อย่างน้อยคุณหงอวี่ก็ไม่เลวร้ายเท่าผู้ชายที่เหมือนเป็นอมตะคนนี้!
ด้านหนึ่ง เฟิ่งจือเหยามองม่อซิวเหยาอย่างเห็นอกเห็นใจ ท่านอ๋อง มีพี่เขยคนแบบนี้ คือกรรมตามสนองกับสิ่งที่ท่านใช้รุ่นน้องจิตใจดีงามอย่างพวกเราเหมือนทาสมาหลายปีอย่างนั้นหรือ
“คุณชายเฟิ่งซาน ข้าน้อยได้ยินมาว่าท่านทำเหตุการณ์สะเทือนปฐพีที่เมืองหลวงลงไปเรื่องหนึ่งหรือ” หลังจากม่อซิวเหยาพูดจบ สวีชิงเฉินก็หันมองกลับไปมองเฟิ่งจือเหยาที่แผ่อยู่บนโต๊ะด้วยรอยยิ้ม
ใบหน้าของเฟิ่งจือเหยาแข็งกร้าว ทำได้เพียงยิ้มอย่างขมขื่น ถ้าเขาเป็นเพียงคนๆ หนึ่ง เช่นนั้นเขาจะไม่คิดว่าตัวเองทำผิดแล้ว แต่ครั้งนี้เป็นการดึงตระกูลเฟิ่งเข้ามาเกี่ยวด้วย กระทั่งอาจจะดึงให้จวนติ้งอ๋องติดร่างแหมาด้วยอีก สวีชิงเฉินมองไปยังเฟิ่งจือเหยา เอ่ยขึ้นเบาๆ “ทำได้ดี”
Comments for chapter "ตอนที่ 292-2 จลาจลกำลังมาเยือน"
MANGA DISCUSSION
Leave a Reply Cancel reply
This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.
Enjoy36
เทียนเซียงจะคู่กับใคร