ชายาเคียงหทัย - ตอนที่ 297-1 สงครามเริ่มต้น แม่ทัพชื่อดังแห่งซีหลิง
ด้านนอกของเมืองหลี ท่ามกลางเสียงกลองดังกึกก้อง มีร่างชุดขาวสองคนเดินเคียงข้างกัน ยืนอยู่ข้างหน้ากองทหารนับแสนอย่างองอาจ ภาพดำมืดกว้างใหญ่ราวกับไร้ขอบเขตของกองทัพตระกูลม่อนั้นไร้เสียง ธงสีดำกำลังล่องลอยปลิวไสวอยู่ในสายลม ทุกคนมองคู่ชายหญิงในชุดขาวด้วยความไว้วางใจและเคารพเลื่อมใส
ด้านหลังของเยี่ยหลี คือแม่ทัพที่จะออกรบพร้อมกันในครั้งนี้ ได้แก่ จางฉี่หลาน หลี่ว์จิ้นเสียน เฟิ่งจือเหยา ม่อฮว่า จั๋วจิ้ง…
บูชาสรวงสวรรค์ด้วยสุรา อากาศอันเงียบสงบและอึมครึมนอกเมืองอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมจางๆ ของสุรา หลังจากคนที่มาส่งและเหล่าทหารกองทัพตระกูลม่อได้ดื่มคนละแก้วแล้ว ม่อซิวเหยาก็ประกาศเสียงดังว่า “ออกเดินทาง!” เสียงดังแผ่วโผยมีพลังภายกระจายไปทั่วท้องสนาม
“ปฏิบัติ!” เสียงตะโกนพร้อมเพรียงจากคนหลายแสนคน
ม่อซิวเหยาและเยี่ยหลีสบตาพลางยิ้มให้กัน เมื่อไปถึงตรงหน้าม้าศึกของพวกเขา ก่อนจะกระโดดขึ้นหลังม้า นำรถม้าออกสู่ถนนในระยะไกล ตามด้วยแม่ทัพของกองทัพตระกูลม่อ ทหารกองทัพตระกูลม่อที่อยู่ข้างหลังพวกเขาก็เริ่มเคลื่อนไหวอย่างช้าๆ ค่อยๆ กลายร่างเป็นมังกรดำตัวยาว เลื่อนลอยออกไปแดนไกล
จนกระทั่งทหารตระกูลม่อแถวสุดท้ายออกจากประตูเมืองแล้ว ผู้คนที่ยืนอยู่นอกเมืองเพื่อส่งพวกเขาก็ค่อยๆ แยกย้าย สวีหงอวี่และสวีชิงเฉินพยุงอาจารย์ชิงอวิ๋นจากซ้ายไปขวา เอ่ย “ท่านพ่อ เราก็กลับกันเถอะ” อาจารย์ชิงอวิ๋นพยักหน้า ลูกชายทั้งสองและหลายชายคนโตถอนหายใจ “มังกรทะยานสู่ท้องฟ้า…เกรงว่าจะมีเรื่องมากมายเกิดขึ้นที่เมืองหลีในอนาคต ติ้งอ๋องถึงได้ให้พวกเราดูแลซีเป่ย พวกเจ้าก็เหนื่อยหน่อยนะ” สวีหงอวี่เอ่ยด้วยความเคารพ “ท่านพ่อโปรดวางใจ ซีเป่ยเป็นเส้นชะตาชีวิตของจวนติ้งอ๋องและกองทัพตระกูลม่อ ลูกไม่อาจละเลยได้”
อาจารย์ชิงอวิ๋นมองลูกหลานตรงหน้า พยักหน้าอย่างชื่นชม ยิ้มพลางเอ่ย “ต่อไปไม่ใช่เพียงใต้ฟ้าแห่งนี้เท่านั้น ซีเป่ยจะมีอุปสรรคมากมาย พวกเจ้าก็ระวังตัวด้วย”
“ขอบคุณท่านพ่อที่ตักเตือน ลูกเข้าใจแล้ว”
ม่อเสี่ยวเป่าที่มีเหลิ่งจวินหันและสวีจือรุ่ยจับอยู่สองข้าง มองหูใหญ่ตรงหน้าตาละห้อย แม้เขาจะฉลาดพอแล้ว ทว่าก็มีบางคำพูดที่ฟังไม่เข้าใจเช่นกัน แต่เข้ารู้ว่าท่านทวดกำลังกำชับอะไรบางอย่างท่านทวดกับท่านลุง “ท่านทวด อวี้เฉินก็อยากช่วยด้วย”
อาจารย์ชิงอวิ๋นยิ้ม พลางลูบหัวเล็กๆ ของม่อเสี่ยวเป่า ก่อนจะเอ่ย “เจ้าน่ะ เป็นเด็กดีเชื่อฟังก็ถือว่าได้ช่วยแล้ว”
ม่อเสี่ยวเป่าย่นจมูกอย่างเสียใจ เขาไม่ใช่เด็กน้อยแล้ว!
สวีชิงเฉินเอนตัวไปอุ้มม่อเสี่ยวเป่า ก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้ม “ดูแลจือรุ่ยกับจวินหันให้ดี นี่เป็นความช่วยเหลือที่ดีสำหรับลุงแล้ว” ม่อเสี่ยวเป่าพุ่งเข้าไปในอ้อมแขนของลุงใหญ่อย่างพึงพอใจ คำขอของท่านลุงเซียนต้องตอบตกลงสิ มองไปที่ซาลาเปาลูกเล็กสองก้อน ความรับผิดชอบของเด็กชายม่อเสี่ยวเป่าก็ขยายขึ้นทันที เจ้าถั่วน้อยทั้งสองนี้ไม่รู้เรื่องอะไรเลย และเห็นได้ชัดว่าต้องให้คนอื่นดูแล ก็ได้ ซื่อจื่ออย่างข้าจะยอมฝืนใจรับงานอยากนี้ ดูแลพวกเจ้าให้ดีก็แล้วกัน เงยหน้ามองมังกรดำที่เดินไกลออกไป ม่อเสี่ยวเป่าถูตัวไปมาอยู่ในอ้อมแขนสวีชิงเฉิน รู้สึกแสบจมูกขึ้นมาเล็กน้อย เสี่ยวเป่าคิดถึงท่านแม่เหลือเกิน
พื้นที่ในซีเป่ยไม่ใหญ่ ด้วยความเร็วของกองทัพตระกูลม่อ ภายในไม่กี่วันก็มาถึงชายแดนระหว่างซีเป่ยและซีหลิง กองทัพตระกูลม่อไม่ได้หยุดพักแต่อย่างใดและไม่ได้ให้เวลาทหารรักษาการณ์ที่ชายแดนซีหลิงเพื่อตอบโต้ด้วย ตีชายแดนซีหลิงแตกภายในเวลาเพียงสองวัน นี่เป็นครั้งแรกที่เมืองชายแดนถูกคนอื่นตีแตกได้ นับตั้งแต่ก่อตั้งซีหลิงมา และในเวลานี้ เหลยเจิ้นถิงซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งสงครามของซีหลิง ยังคงอยู่ในดินแดนของต้าฉู่ หันเหสายตาที่เต็มไปด้วยความทะเยอทะยานสู่แดนใต้อันอุดมสมบูรณ์ของต้าฉู่
หลังจากได้รับรายงานสงคราม เหลยเจิ้นถิงก็ตกใจจนทำลายแก้วชาศิลาดลในมือ ลุกขึ้นยืนทันใดก่อนจะคำราม “ม่อซิวเหยา!”
แม่ทัพด้านล่างที่เดิมทีมีความมั่นใจเต็มปรอดต่างมองหน้ากัน บางคนไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น คนหนึ่งในนั้นลุกขึ้นถามอย่างกล้าหาญว่า “ท่านอ๋อง กองทัพตระกูลม่อส่งกองกำลังไปช่วยต้าฉู่หรือ ต่อให้เป็นอย่างนั้น เราก็ไม่เห็นต้องกลัวเขาเลย” แม้ว่าความกล้าหาญของกองทัพตระกูลม่อจะเป็นที่รู้กันทั้งใต้ฟ้า คราวนี้ไม่ใช่แค่ซีหลิงที่ต้องเผชิญเพียงผู้เดียว แต่ยังรวมถึงเป่ยจิ้งและเป่ยหรงด้วย แม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้ว่าเป่ยจิ้งจะเอาอย่างไรกันแน่ ทว่าเข้าใกล้ฉู่จิงได้ในระยะเวลาไม่กี่เดือน เกรงว่าก็คงไม่ใช่เรื่องง่ายเช่นกัน ส่วนเป่ยหรงเป็นที่รู้กันดีว่า คนป่าเถื่อนนอกกำแพงนั้นแข็งแกร่งและเก่งในการต่อสู้ จวนติ้งอ๋องต้องสู้สามต่อหนึ่ง ชัยชนะยังไม่อาจทราบได้
“นั่นน่ะสิ ท่านอ๋องไม่ต้องโมโห เราไม่เห็นต้องกลัวม่อซิวเหยาเลย!” เห็นได้ชัดว่ามีหลายคนที่คิดแบบนี้ แม่ทัพต่างก็ตั้งท่าพร้อมสู้ ราวกับลืมฉากที่พ่ายแพ้ย่อยยับให้กับกองทัพตระกูลม่อเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมาไปอย่างปลิดทิ้ง
เหลยเจิ้นถิงยิ้นเย็น “ออกศึกช่วยเหลือต้าฉู่อย่างนั้นหรือ ฮึ! หากซิวเหยาจะออกรบ คงไม่ได้ช่วยเหลือต้าฉู่หรอก แต่มาโจมตีซีหลิง!”
“อะไรนะ” ทุกคนตกใจ
หลังจากความโกลาหลในตอนแรกสงบเงียบลงได้แล้ว เหลยเจิ้นถิงก็ใจเย็นลงเช่นกัน ก่อนจะเอ่ยเสียงทุ้ม “ม่อซิวเหยาและเยี่ยหลีนำทัพกองกำลังทหารกว่าแสนนายโจมตีซีหลิงด้วยตัวเอง ตีเมืองเปี้ยนแตกไปแล้ว ทหารรักษาชายแดนหลายแสนคนถูกโจมตีมแล้วรับมือไม่ทันจึงหนีไป! สวะ! กลับรับมือคนหลายแสนคนไม่ได้ในเวลาสองวัน!” เป็นไปไม่ได้ที่จะพูดว่าเหลยเจิ้นถิงไม่ได้เฝ้าระวังม่อซิวเหยา ไม่ต้องพูดถึงช่วงสงครามในตอนนี้ แม้ในช่วงเวลาปกติเขายังเฝ้าติดตามกองทัพตระกูลม่ออย่างใกล้ชิด ดังนั้นแม้ว่าเขาจะนำคนทั้งแคว้นเข้าโจมตีแคว้นต้าฉู่ เขาก็ไม่ลืมที่จะวางกำลังทหารหลายแสนคนที่ชายแดนซีเป่ย แต่คาดไม่ถึงว่า เพียงแค่กองกำลังไม่กี่แสนคนภายใต้การควบคุมของม่อซิวเหยาก็ไม่สามารถต้านทานได้เพียงแค่สองวัน!
“ทั้งๆ ที่ม่อซิวเหยารับปากแล้วว่าจะไม่ลงมือนะ! ในวันนี้ทำลายพันธสัญญาย่างโจ่งแจ้งช่างต่ำช้าสิ้นดี!”
เหลยเจิ้นถิงยิ้มเยือกเย็น “ต้ำช้าหรือ ข้อตกลงจะมีผลบังคับใช้ก็ต่อเมื่อเต็มใจที่จะปฏิบัติตาม และมันก็จะเป็นเศษกระดาษเมื่อไม่เต็มใจที่จะปฏิบัติตาม ยิ่งไปกว่านั้นม่อซิวเหยาสัญญาว่าจะไม่เข้าไปยุ่งในสงครามระหว่างตงฉู่กับซีหลิง” เขาไม่ได้แทรกแซงสงครามระหว่างสองประเทศนี้จริงๆ แต่เขาส่งกองกำลังไปโจมตีซีหลิงโดยตรง
“ท่านอ๋อง ข้าน้อยยินดีนำทัพกลับไปเสริมกำลังให้กับชายแดน!” มีคนขอคำบัญชา
เหลยเจิ้นถิงหลับตา กล่าวเสียงทุ้ม “ม่อซิวเหยาพากองกำลังมาแค่สี่แสนนายเข้าสู่ซีหลิง อีกอย่างยังมีกองกำลังอีกแสนนายคอยเฝ้าอยู่ที่ชายแดนของซีหลิง”
ทุกคนตกตะลึง “ม่อซิวเหยาอยากจะขัดขวางการส่งทัพหนุนของเราอย่างนั้นหรือ”
“ถูกต้อง แม่ทัพเฝ้าประจำการที่ชายแดนซีหลิงคือจางฉีหลันแห่งกองทัพตระกูลม่อ แม้ว่าเขาจะอายุไม่มาก แต่เขาก็เป็นทหารผ่านศึกของกองทัพตระกูลม่อ ถ้ากองทัพทั้งหมดของเรากลับไป ย่อมต้านไม่ได้อยู่แล้ว แต่ถ้าจะถ่วงเวลาเราไว้สักระยะ ก็พอทำได้ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเมื่อเราถอนกำลังออกไป ก็ยากที่จะรับประกันได้ว่าทหารของแคว้นตงฉู่จะไม่ใช้โอกาสนี้ตามมา แล้วเราจะถูกโจมตีจากทางด้านหลัง เหลยเจิ้นถิงเอ่ยอย่างเย็นชา ใบหน้าที่ราวกับแก่ลงหลายปีหน้าดำคล้ำเครียด เขาพูดถูก ต่อให้พวกเขาจะโจมตีกลับและขัดชวางกองทัพตระกูลม่อได้สำเร็จ แต่ทุกสิ่งที่พวกเขาทำในตงฉู่ตลอดสองเดือนที่ผ่านมาจะถือว่าเป็นการสูญเปล่าทั้งหมด แม้ว่าทหารของตงฉู่จะไม่องอาจพอ แต่พวกเขาก็ไม่ใช่หุ่นดินโคลนที่ไม่สามารถเคลื่อนที่ได้ มีทหารของซีหลิงเสียชีวิตไปก็ไม่น้อยในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา หากเขาทำไม่สำเร็จและถึงกับทำให้ซีหลิงตกอยู่ในอันตราย ตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์อย่างเขาก็กลัวว่าต่อให้จะมีอำนาจมากแค่ไหน ก็คงจะถึงจุดจบแล้ว
จนกระทั่งในเวลานี้เหลยเจิ้นถิงถึงตระหนักได้ว่า ตนถูกม่อซิวเหยาหลอกอย่างสมบูรณ์แบบ กระทั่งเขาอดสงสัยไม่ได้ว่าในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ม่อซิวเหยาซ่อนเร้นความสามารถได้เช่นนี้ ก็เพื่อรอโอกาสที่ตนจะอดใจไม่ไหวไปโจมตีต้าฉู่ เพราะไม่ว่าอย่างไรม่อซิวเหยาไม่สามารถจัดการกับต้าฉู่ได้