ชายาเคียงหทัย - ตอนที่ 298-1 ขิงยิ่งแก่ยิ่งเผ็ด
นอกประตูคฤหาสน์ที่ต่ำต้อยทางตะวันตกของเมืองเปี้ยน ชายในเครื่องแบบทหารเคาะประตูที่ปิดอยู่ สักพักก็มีคนมาต้อนรับที่หน้าประตู ชายหนุ่มที่มีลักษณะเหมือนบ่าวชะโงกหน้าออกจากประตู เมื่อเห็นคนที่ประตูเขาก็ตะลึงและถามว่า “ขอโทษนะขอรับ…ท่านแม่ทัพมาหาใครหรือ”
เหลยเถิงเฟิงโบกมือ พลางยิ้ม “ข้าน้อยเหลยเถิงเฟิง มาเข้าพบแม่ทัพจิ้งเทียน หวังว่าท่านแม่ทัพจะให้เข้าพบ”
คิดไม่ถึงว่า บ่าวคนนั้นหน้าเคร่งขรึมก่อนจะเงียบไปครู่หนึ่ง เอ่ย “แม่ทัพจิ้งเทียนอะไร ตระกูลเราไม่มีคนคนนี้ ท่านแม่ทัพมาผิดที่แล้ว!” เมื่อพูดจบก็ไม่สนใจว่าเหลยเถิงเฟิงจะมีปฏิกริยาอย่างไร หดหัวเข้าไปก่อนจะปิดประตูดังปัง เห็นประตูตรงหน้าที่ดังสนั่น เหลยเถิงเฟิงก็ลูบจมูกตัวเองก่อนจะยิ้มเจื่อน ท่านพ่อของเขากับแม่ทัพเก่าแก่เหล่านี้มีความแค้นต่อกันอย่างมาก และก็เพราะว่าท่านพ่อของเขาก็เป็นแม่ทัพในรุ่นเดียวกัน ตอนนั้นไม่จำเป็นต้องพึ่งกำลังของแม่ทัพทั้งสามคนนี้ กระทั่งแม่ทัพทั้งสามขัดขวางอำนาจของท่านพ่ออีกด้วย นี่ถึงทำให้พวกเขาโกรธแค้นอย่างมาก จูเยี่ยนแค่ปิดประตูไม่ยอมพบ โดยที่ไม่ได้ปิดประตูใส่ให้หมาไล่กัด เหลยเถิงเฟิงก็รู้สึกโชคดีมากแล้ว
เหลยเถิงเฟิงยอมรับการปฏิบัติเช่นนี้ได้ แต่แม่ทัพและคนรับใช้ที่อยู่เบื้องหลังเขารับไม่ได้ พวกเขาทั้งหมดได้รับการเลี้ยงดูบ่มเพาะโดยเจิ้นหนานอ๋อง ความภักดีต่อจวนเจิ้นหนานอ๋องนั้นมีมากกว่าราชสำนักซีหลิง พวกเขาเคยได้ยินชื่อของสามแม่ทัพใหญ่มาแน่นอน แต่ทั้งสามคนล้วนเป็นชายชราที่เหมือนไม้ใกล้ฝั่ง ยิ่งไปกว่านั้นไม่ว่าจะประสบความสำเร็จเพียงใด พวกเขาก็เป็นผู้แพ้ให้กับท่านอ๋องของพวกเขาไม่ใช่หรือ จะอำนาจบาตรใหญ่อะไรกัน!
“ซื่อจื่อ ข้าน้อยจะพังประตูเอง!” แม่ทัพด้านหลังเหลยเถิงเฟิงเอ่ย
เหลยเถิงเฟิงโบกมือ เอ่ย “ถอยไป ห้ามเสียมารยาท!”
รออยู่ด้านนอกครูหนึ่ง ทว่าด้านในกลับไร้การเคลื่อนไหว เหลยเถิงเฟิงคิดครู่หนึ่ง รวบรวบแรงตะโกนเข้าไปด้านใน “เหลยเถิงเฟิง ลูกหลานในจวนเจิ้นหนานอ๋อง มาขอพบท่านแม่ทัพจู!”
ภายในจวนจู ชายชราหัวขาวสองคนนั่งอยู่ในห้องโถงหันหน้าไปทางกระดานหมากรุก เสียงของเหลยเถิงเฟิงที่มีพลังภายในย่อมลอยเข้ามาในหูของพวกเขาแน่นอนโดยไม่มีอุปสรรคใดๆ ในหมู่พวกเขา ชายชราในชุดคลุมสีน้ำเงินเข้มที่มีลาย “ฝู”[1] ลูบเคราพลางยิ้มตาหยี ดูไม่เหมือนแม่ทัพที่ผ่านสนามรบมาก่อน แต่เหมือนเทพเซียนชราผู้ใจดี “เหลยเจิ้นถิงหยิ่งยโสมาตลอดชีวิต ลูกชายคนนี้…เกรงว่าจะด้อยกว่าหน่อย”
ชายชราอีกคนหนึ่งรูปร่างผอม ดวงตาสดใส เขาสวมผ้าเนื้อหยาบสีขาว ถ้าไม่ใช่เพราะดวงตาคู่นั้น เขาก็ดูเหมือนชายชราบนป่าทั่วไป “พูดกันว่าพ่อเป็นเสือลูกไม่เป็นหมา แต่ถ้าพ่อเก่งเกินไป ก็ยากที่ลูกชายจะไม่ถูกความสามารถของพ่อปิดทับ จะมีสักกี่คนที่เหมือนคนคนนั้นในจวนติ้งอ๋อง ยิ่งไปกว่านั้นถ้าไม่ใช่เพราะการตายของม่อหลิวฟางและม่อซิวเหวินติดต่อกันในเวลาเพียงไม่กี่ปี และจวนติ้งอ๋องถูกโจมตีอย่างมากเช่นกัน ม่อซิวเหยาอาจจะไม่สามารถมีความสามารถมากเท่าตอนนี้ เขาอาจจะเป็นแค่แม่ทัพที่มีชื่อเสียงเท่านั้น” แต่ตอนนี้ชื่อเสียงและศักดิ์ศรีอันสง่างามของติ้งอ๋อง ได้เหนือกว่าพ่อและพี่ชายของเขาทั้งหมด แม้กระทั่งบรรพบุรุษตั้งแต่รุ่นม่อหลั่นอวิ๋นลงมา
ชายชราชุดฟ้าถอนหายใจ “พูดถูก ความแหลมคมของดาบกล้ามาจากการฝน กลิ่นหอมของดอกเหมยมาจากความเย็นที่ทรมาน ลูกชายของเหลยเจิ้นถิงสุดท้ายนั้น ได้รับการฝึกฝนน้อยเกินไป”
ชายชราชุดขาวเอ่ยยิ้ม “เด็กคนนี้…เมื่อเทียบกับเหลยเจิ้นถิงแล้ว กลับอดทนได้มากกว่านิดหน่อย” ในช่วงไม่กี่สิบปีที่ผ่านมา ไม่เพียงแต่ต้าฉู่และจวนติ้งอ๋องเท่านั้นที่ได้รับการโจมตี ในตอนแรกที่ฮ่องเต้เซวียนเหวินสิ้นพระชนม์ และหลังจากที่เหลยเจิ้นถิงขึ้นสู่อำนาจ เขาก็กำจัดผู้ไม่เห็นด้วยอย่างไม่ปราณี สังหารขุนนาง แม่ทัพที่มีชื่อเสียงจำนวนมากและเนรเทศพวกเขาออกไป หากฮ่องเต้เซวียนเหวินสามารถมีชีวิตอยู่ได้อีกยี่สิบปี ซีหลิงในปัจจุบันจะเป็นสถานการณ์ที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง แต่น่าเสียดายที่ฮ่องเต้เซวียนเหวินวีรชนผู้หนึ่ง กลับเลือกลูกชายขี้ขลาดให้เป็นฮ่องเต้ ยิ่งไปกว่านั้นเขายังทิ้งเหลยเจิ้นถิง ลูกชายที่เก่งกว่าฮ่องเต้ในทุกๆ เรื่อง ซีหลิงจะไม่วุ่นวายได้อย่างไร
“มีความอดทนหรือ” ชายชราชุดน้ำเงินโยนตัวหมากรุกก่อนจะพูดเสียงเบา “ตอนนี้ก็มองเขาเป็นเพียงคนรู้สถานการณ์ปัจจุบัน ด้วยประสบการณ์เพียงเล็กน้อยในสนามรบ หากคิดจะหยุดม่อซิวเหยาก็เป็นความคิดที่แปลกเหลือเกิน”
เมื่อมาถึงจุดนี้ผู้เฒ่าทั้งสองก็เงียบไปเล็กน้อยพวกเขาห่างจากสนามรบมานานกว่ายี่สิบปีแล้วและอายุมากแล้ว อย่าว่าแต่เหลยเถิงเฟิงเลย แม้ว่าพวกเขาจะสามารถหยุดกองทัพตระกูลม่อได้ ก็ยังไม่รู้ผลแพ้ชนะอยู่ดี
“ม่อหลิวฟางไม่ได้มีแค่ลูกชายที่ดี แต่ยังเป็นลูกสะใภ้ที่ดีด้วย ข้าได้ยินมาว่าคราวนี้พระชายาติ้งอ๋องออกศึกด้วยหรือ” ชายชราชุดฟ้าเอ่ยด้วยรอยยิ้มสำหรับพระชายาติ้งอ๋องที่เคยเอาชนะเหลยเจิ้นถิง แม่ทัพทหารผ่านศึกทั้งสองไม่มีทางดูถูกนางอย่างแน่นอน หากผู้หญิงสามารถเอาชนะหรือแม้กระทั่งทำลายล้างคู่ต่อสู้ของนางได้เกือบทั้งหมด โดยไม่ได้เปรียบจากกองทหาร นางก็ไม่ใช่คนที่จะถูกมองข้ามไปอย่างแน่นอน
“ไม่แน่ คราวนี้เราอาจจะได้พบกับหญิงงามคนนี้สักหน่อย”
“แม่ทัพจู! เมืองเปี้ยนกำลังตกอยู่ในอันตราย ท่านแม่พได้โปรดเห็นแก่ความปลอดภัยของซีหลิง และละทิ้งอคติแล้วให้พวกเราเข้าพบเถอะ!” เสียงของเหลยเถิงเฟิงลอยเข้ามาอีกครั้ง
ชายชราชุดน้ำเงิน จูเยี่ยน แม่ทัพจิ้งเทียนอดไม่ได้ที่จะยิ้มและเอ่ย “เจ้าเด็กนี่ยังระงับอารมณ์ได้อยู่นะ”
หลงหยางก็ยิ้มเช่นกัน “หากเจ้าไม่ได้พบเขา เกรงว่าเขาจะไม่ไปไหน อีกอย่าง…เจ้าและข้าสามารถเห็นเมืองเปี้ยนพังทลายโดยไม่แยแสจริงๆ หรือ”
“ช่างเถอะ เชิญเขาเข้ามา”
เหลยเถิงเฟิงให้คนของตัวเองอยู่ข้างนอก เข้าไปในจวนจูกับบ่าวตามลำพัง เขาเชื่อว่าแม้จูเยี่ยนและพ่อของเขาจะมีความแค้นอยู่อย่างมาก แต่ในตอนนี้ก็คงไม่มีทางลงมือกับตนได้ เขาเข้าไปคนเดียวและเหมือนกับแม่ทัพชายชราแสดงความจริงใจของตัวเองเช่นกัน
เมื่อก้าวเข้ามาในห้องโถง ก็เห็นคนแก่ผมขาวสองคนนั่งดื่มชาอยู่ เหลยเถิงเฟิงก็แปลกใจเหมือนกัน ราวกับว่าเขาจะอายุประมาณสิบขวบ ตอนที่แม่ทัพสามคนถูกปลดอำนาจทางทหาร คนในราชสำนักเป็นคนฉลาดมาแต่ไหนแต่ไร ย่อมจำแม่ทัพสามคนนี้ได้บ้างอยู่แล้ว
“เหลยเถิงเฟิง คารวะแม่ทัพจู แม่ทัพหลง”
หลงหยางมองเขาพลางอม “ไม่บังอาจ เจิ้นหนานอ๋องซื่อจื่อ รุ่ยจวิ้นอ๋อง เราเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดา และเราไม่ควรถูกซื่อจื่อเรียกว่าแม่ทัพ” เหลยเถิงเฟิงทำอะไรไม่ถูกเล็กน้อย ยิ้มให้หลงหยางด้วยความจริงใจ “ความแค้นในอดีต เถิงเฟิงในฐานะคนรุ่นหลังไม่กล้าพูดมากกว่านี้ แต่ตอนนี้กองทัพ ตระกูลม่อ ปิดล้อมเมืองเปี้ยน วิกฤตของซีหลิงใกล้เข้ามาทุกที ท่านแม่ทัพสองคนโปรดเห็นแก่หน้าเสด็จปู่ฮ่องเต้องค์ก่อน ได้โปรดชี้แนะข้าน้อยด้วย”
“เห็นแก่หน้าของฮ่องเต้องค์ก่อนหรือ” หลงหยางหัวเราะเยาะ “ยามเหลยเจิ้นถิงกำจัดพวกข้า ไฉนถึงไม่เห็นแก่หน้าของฮ่องเต้องค์ก่อนบ้างเล่า ตอนนี้เฟิงเอ้าก็ไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไร ไฉนตอนนั้นเหลยเจิ้นถิงถึงไม่คิดว่าคนเหล่านี้เป็นขื่อคานของซีหลิง เป็นขุนนางของฮ่องเต้องค์ก่อน”
เหลยเถิงเฟิงพูดไม่ออก เขาไม่สามารถหักล้างคำถามของหลงหยางได้ จุดยืนของพวกเขาแตกต่างกัน แม้ว่าเหลยเถิงเฟิงจะไม่เห็นด้วยอย่างเต็มที่กับสิ่งที่พ่อของเขาทำ แต่เขาก็ยังต้องยอมรับว่าวิธีการของเจิ้นถิงเดิมทีนั้นจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับการพัฒนาของจวนเจิ้นหนาน หากขุนนางที่จงรักภักดีต่ออดีตฮ่องเต้และท่านอาผู้เป็นฮ่องเต้องค์ปัจจุบันไม่ถูกกำจัดออกไป จวนเจิ้นหนานก็ไม่มีวันมีบารมีได้เฉกเช่นในปัจจุบัน อย่างไรก็ตามในสายตาของขุนนางเก่าเหล่านี้ การเคลื่อนไหวของบิดาก็ไม่ต่างจากการสร้างความวุ่นวายให้แก่แผ่นดิน สิ่งเดียวที่สามารถพูดได้ก็คือซีหลิงยังคงแข็งแกร่งในมือของท่านพ่อตลอดหลายปีที่ผ่านมา มิฉะนั้นเกรงว่าหากไม่มีการรุกรานของกองทัพตระกูลม่อ ขุนนางเก่าเหล่านี้จะรวมกลุ่มกันเข้ามาโจมตีแทน
[1] 福 ฝู ภาษาจีนแปลว่า ความสุข โชคดี