ชายาเคียงหทัย - ตอนที่ 301-5 บทสุดท้ายของจูเยี่ยน
“ยินดีด้วยพระชายา กำจัดกองทัพรักษาความสงบจำนวนหลายแสนจนราบเป็นหน้ากองได้โดยไม่ต้องเสียแรงแม้แต่น้อย” จางฉี่หลันพูดด้วยรอยยิ้ม
เยี่ยหลียิ้มเรียบๆ พลางส่ายหน้า “หากไม่ได้ท่านแม่ทัพมาช่วยประจำการที่นี่ ก็คงไม่สำเร็จง่ายดายเช่นนี้หรอก”
การรบราฆ่าฟันดำเนินต่อไปจนกระทั่งฟ้าสว่าง ในที่สุดทหารรักษาการณ์ของซีหลิงก็ไม่อาจต้านทานได้ พากันถอยทัพกลับเข้าเมืองด้วยความพ่ายแพ้ ทว่า กำแพงและประตูของเมืองเล็กๆ เช่นนี้แทบจะไร้ประสิทธิภาพในการป้องกัน เพียงไม่ถึงหนึ่งชั่วยามกองทัพตระกูลม่อและหน่วยเฮยอวิ๋นฉีก็สามารถพังประตูเมืองและบุกเข้าไปในเมืองเล็กๆ แห่งนี้ได้อีกครั้ง อันที่จริงในเมืองมีทหารรักษาการณ์ของซีหลิงหลงเหลืออยู่ไม่เท่าไรแล้ว มีเพียงฆ่าฟันที่ดังมาจากในตรอกซอกซอยเป็นระยะๆ เท่านั้น ทันทีที่คณะของเยี่ยหลีก้าวเข้าสู่เมือง ทหารที่ล่วงหน้าเข้ามาก่อนก็เข้ามารายงานว่า “แม่ทัพจูเยี่ยนยังอยู่บนหอกำแพงเมืองขอรับ”
ทุกคนมองตากัน เยี่ยหลีพูดเสียงเบา “ไปดูเขาสักหน่อยแล้วกัน”
คนอื่นย่อมไม่มีความเห็นใดๆ ขึ้นบันไดกำแพงเมืองตามหลังเยี่ยหลีไป ที่มุมหนึ่งบนหอกำแพงเมือง จูเยี่ยนในชุดออกศึกที่ค่อนข้างเก่า กำลังยืนเอามือไพล่หลัง ทอดมองไปทางเมืองเปี้ยนที่ไกลออกไป แม้เยี่ยหลีและคนอื่นๆ จะเดินขึ้นมาแล้ว แต่เขายังดูเหมือนไม่ได้ยินอะไรทั้งสิ้น เยี่ยหลีเองก็ไม่รีบร้อน มองประเมินแผ่นหลังของชายชราคนนี้อย่างสงบ
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร จูเยี่ยนถึงค่อยๆ หันกลับมามองประเมินทุกคน สุดท้ายสายตาก็หยุดลงที่เยี่ยหลีที่สวมชุดสีขาวทั้งตัว เขายื่นมือออกมากล่าวถามเสียงขรึม “ท่านนี้…แม่นางคือแม่นางหยาง หรือพระชายาติ้งอ๋องหรือ” เยี่ยหลีประสานมือ ยิ้มน้อยๆ พลางพูดอย่างนอบน้อม “ข้าน้อยคือเยี่ยหลี ยินดีที่ได้พบท่านแม่ทัพอาวุโสจู”
จูเยี่ยนพยักหน้า ยิ้มพูด “ที่แท้ก็เป็นพระชายาติ้งอ๋องจริงๆ ด้วยสินะ…เป็นหญิงสาวที่เก่งกล้าจริงๆ…ตำหนักติ้งอ๋องช่างโชคดีนัก…”
เยี่ยหลีเอ่ยเบาๆ “ท่านอาวุโสชมเกินไปแล้ว”
จูเยี่ยนมองนาง ภายในดวงตามีความรู้สึกแปลกประหลาดยากจะบรรยาย เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ถึงค่อยเอ่ยถามขึ้น “หลานชายที่ไม่เอาไหนของข้าคนนั้น ไม่ทราบว่าพระชายาจัดการเขาอย่างไรแล้วหรือ” เยี่ยหลีถอนหายใจเบาๆ พูดเสียงต่ำ “คุณชายจูได้…สิ้นชีพในสงครามแล้ว เสียใจกับท่านแม่ทัพอาวุโสด้วย”
ร่างกายของจูเยี่ยนพลันสะท้านขึ้นเล็กน้อย มือที่กำหอกอยู่สั่นระรัวอย่างควบคุมไม่ได้ ในที่สุดก็ทำได้เพียงเงยหน้าทอดถอนใจยาว “สิ้นชีพในสงครามแล้วอย่างนั้นหรือ…นั่นสินะ…เป็นข้าที่ทำร้ายเขาเอง ที่จริงเขาสามารถ…” หลานชายเพียงคนเดียวของเขา ตั้งแต่เด็กก็มีสติปัญญาฉลาดเฉลียว เพรียบพร้อมด้วยความสามารถ ถ้าหากไม่ใช่เพราะเขา ไม่ใช่เพราะกองทัพรักษาความสงบ เดิมทีเขาก็สามารถมีชีวิตที่อิสระเสรี พร้อมด้วยชื่อเสียงและเงินทอง แต่เพียงเพราะว่าเขา เพื่อให้เขาได้สมหวังดั่งใจปรารถนา จูหลิงจึงต้องซ่อนตัวเข้าอยู่ไปในป่าลึก ไม่พบปะผู้คนภายนอกมาตั้งแต่อายุสิบสองสิบสามปี ดังนั้นต่อให้เขาเสียชีวิตบนพื้นสนามรบ ก็จะไม่มีคนรู้จักชื่อของเขาไปตลอดกาล ไม่ได้รับเกียรติยศหรือสถานะอันสมควรที่เขาควรจะได้อีกตลอดไป
“ท่านแม่ทัพ…” เยี่ยหลีถอนหายใจ “คุณชายจูได้สิ้นชีพในสนามรบแล้ว ท่านแม่ทัพได้โปรดอย่าเสียใจไปเลย ดวงวิญญาณของคุณชายจูคงไม่อยากให้ท่านแม่ทัพเสียใจเพราะเขา”
จูเยี่ยนส่ายหน้าพูดว่า “พระชายาติ้งอ๋อง ท่านไม่จำเป็นต้องปลอบข้า ข้าก็แก่มากแล้ว ใช้ชีวิตมามากพอแล้ว ในเมื่อวันนี้ได้รับความปราชัยถึงเพียงนี้ ข้าก็ไม่มีอะไรจะพูดอีก” เฟิ่งจือเหยาขมวดคิ้วเล็กน้อย เอ่ยปากพูดว่า “เหตุใดท่านแม่ทัพอาวุโสจูจึงคิดเช่นนั้น กองทัพตระกูลม่อไม่ได้จะมาสังหารทุกคนนะขอรับ”
จูเยี่ยนมองเฟิ่งจือเหยาแวบหนึ่ง อดรู้สึกน่าขันขึ้นมาไม่ได้ เขาพูดยิ้มๆ “หรือท่านแม่ทัพผู้นี้จะหมายความว่า กองทัพตระกูลม่ออยากให้ข้ายอมจำนวนอย่างนั้นหรือ คนแก่อย่างข้าไม่มีประโยชน์อะไรต่อกองทัพตระกูลม่อหรอก ยิ่งไปกว่านั้น ข้าสู้รบเพื่อซีหลิงมาครึ่งชีวิต หากจะมาทรยศในตอนที่ข้าอายุเท่านี้ก็คงจะน่าขันไปสักหน่อย”
เยี่ยหลีทอดมองต่ำ และพูดอย่างเรียบๆ “ท่านแม่ทัพเข้าใจผิดแล้ว ท่านแม่ทัพอาวุโสมีคุณธรรมอันสูงส่ง กองทัพตระกูลม่อมิบังอาจขอให้ท่านยอมจำนน บัดนี้ ทั้งข้าและท่านต่างก็เห็นผลแพ้ชนะกันอย่างชัดเจน เดิมทีท่านแม่ทัพอาวุโสก็คิดจะปลดเกราะเกษียณตัวจากการเป็นทหารนานแล้ว ดังนั้น จึงขอให้ท่านแม่ทัพอาวุโสไปจากที่นี่เสียตอนนี้ ตำหนักติ้งอ๋องจะไม่สร้างความลำบากให้ท่านอย่างแน่นอน” จูเยี่ยนมองประเมินเยี่ยหลี แล้วถาม “เจ้าไม่กลัวว่าหลังจากข้าไปแล้วจะกลับมาจัดการกองทัพตระกูลม่ออีกอย่างนั้นหรือ”
เยี่ยหลีส่ายหน้าพูด “ข้าน้อยเชื่อใจท่านแม่ทัพอาวุโส”
บนหอกำแพงเงียบสงัดเป็นเวลานาน ในที่สุดจูเยี่ยนก็หัวเราะเสียงดังกังวาล แล้วจึงส่ายหน้าพูด “ขอบคุณน้ำใจของพระชายาอย่างมาก เสียดายยิ่งนัก…จูเยี่ยนเกิดเป็นแม่ทัพใหญ่ของกองทัพรักษาความสงบแห่งซีหลิง แม้จะตายข้าก็ยังคงเป็นแม่ทัพใหญ่ของกองทัพรักษาความสงบแห่งซีหลิงอยู่! วันนี้ จูเยี่ยนปราชัย หามีหน้าไปพบอดีตฮ่องเต้และบรรพบุรุษของซีหลิงอีกไม่ ชีวิตนี้ ทิ้งมันไปเสียก็แล้วกัน!”
“ท่านแม่ทัพอาวุโส…”
จูเยี่ยนมองหญิงสาวสุดขาวที่อยู่ตรงหน้าอย่างสงบ ภายในตามีความรู้สึกเสียดายและช่วยไม่ได้ปนอยู่เล็กน้อย “เพียงแต่…น่าเสียดายนัก…” หลานชายที่ตนเลี้ยงดูมากับมือ ไฉนเลยเขาจะไม่เข้าใจ ตอนที่หลิงเอ๋อร์เอ่ยถึงหญิงสาวที่ชื่อหยางเชียนหย่ากับเขา เขาก็รู้ทันทีว่า ผู้หญิงคนนี้ทำให้แววตาของเขาไม่เหมือนเดิม ในที่สุดตอนนี้เขาก็ได้เห็นหญิงสาวที่ทำให้แววตาของหลานชายเขาเปลี่ยนไป เพียงแต่น่าเสียดาย…โชคชะตาไม่เป็นดังปรารถนา…
“ท่านแม่ทัพจู?!” ท่ามกลางสายตาที่ตื่นตระหนกของทุกคน ชายชราวัยเจ็ดสิบปีกระโดดลงจากยอดกำแพงเมืองออกไปโดยพลัน เยี่ยหลีก้าวไปข้างหน้าก้าวหนึ่งพร้อมกับชายเสื้อที่สั่นไหวเล็กน้อย ทว่าสุดท้ายก็หยุดฝีเท้าเอาไว้ ทุกคนเดินขึ้นมาข้างหน้า ยืนมองจากยอดกำแพงเมืองลงไปทางด้านล่าง ตรงปากประตูเมืองนั้น ชายชรานอนแน่นิ่ง ใต้ร่างมีเลือดสีแดงสดไหลออกมาช้าๆ อาบย้อมผืนดินใต้ร่างและเส้นผมสีขาวบนศีรษะ
เยี่ยหลีมองดูชายชราที่สิ้นใจด้านล่างกำแพงเมืองเงียบๆ แววตาเผยความหม่นหมอง
“พระชายา…” เฟิ่งจือเหยาถามด้วยความกังวล
เยี่ยหลีหันหน้ากลับไปด้วยท่าทีเรียบเฉย “เก็บกระบี่แล้วจัดการฝังศพให้สมเกียรติเถิด”
“รับบัญชา”