ชายาเคียงหทัย - ตอนที่ 302-3 เมืองเปี้ยนแตก
ภายในเมือง หลงหยางนั่งเหม่อลอยเงียบๆ อยู่ในห้องที่ว่างเปล่า เขารู้ดีว่า จูเยี่ยนตายแล้ว และอีกไม่นาน เมืองเปี้ยนก็จะถูกตีแตก ในช่วงวัยชราเช่นนี้ยังสามารถออกมาสู้รบได้อีกครั้ง คงเป็นเรื่องที่โชคดีสำหรับเขา อย่างไรก็ตาม ความปราชัยอันน่าหดหู่อย่างประหลาดเช่นนี้ก็ทำให้เขารู้สึกลำบากใจที่จะเผชิญหน้า เขาทำผิดมหันต์ไปแล้วเรื่องหนึ่ง ถ้อยคำพูดที่ม่อซิวเหยาพูดก่อนจากไปเขาได้ยินอย่างชัดเจน ฝังศพประชาชนทั้งเมือง…ม่อซิวเหยาคิดจะสังหารหมู่ทั้งเมือง! กับคำพูดของม่อซิวเหยา หลงหยางไม่ได้แปลกใจเลยแม้แต่น้อย เพราะตอนที่เขายังหนุ่ม เขาก็ใช่ว่าจะไม่เคยฆ่าล้างเมืองมาก่อน มิฉะนั้นคงไม่ถูกเรียกว่าเป็นเทพสังหารแห่งดินแดนตะวันตก ถึงขั้นว่าหากเป็นเขาสมัยยังหนุ่ม เขาอาจจะไม่รู้สึกว่าการที่ม่อซิวเหยาก็ฆ่าล้างเมืองเป็นเรื่องใหญ่อะไร ทว่าในตอนนี้…อย่างไรก็แก่แล้ว ภายในเมืองเปี้ยนยังมีประชาชนอยู่นับแสนคน ถ้าหากจะให้ม่อซิวเหยาสังหารทั้งเมืองจริงๆ…
“ท่านแม่ทัพขอรับ!” ทหารนอกประตูเข้ามารายงานด้วยท่าทางที่ค่อนข้างรีบร้อน
หลงหยางเปิดตาขึ้น ตอบเรียบๆ “เกิดอะไรขึ้น”
ทหารพูด “ทางด้านตะวันออกของเมืองจะต้านเอาไว้ไม่อยู่แล้วขอรับ ท่านแม่ทัพโปรดถอนทัพโดยเร็วเถิดขอรับ”
“ถอนทัพ?” หลงหยางขมวดคิ้วถาม “ใครบอกว่าจะถอนทัพกันล่ะ” บางทีน้ำเสียงของหลงหยางอาจจะฟังดูดุเกินไป ทหารจึงกล่าวรายงานอย่างระมัดระวัง “เจิ้นหนานซื่อจื่อขอรับ เจิ้นหนานซื่อจื่อบอกว่าเมืองเปี้ยนใกล้จะรับมือไม่ไหวแล้ว จึงให้ถอยทัพไปเมืองหลงที่อยู่ด้านหลังเพื่อช่วยสกัดกองทัพตระกูลม่อเอาไว้ก่อนขอรับ”
หลงหยางส่ายหน้ายิ้มอย่างขมขื่น “แม้แต่เมืองเปี้ยนเองยังต้านกองทัพตระกูลม่อไม่ได้ แล้วเมืองที่มีกำแพงไม่ทนทานต่อการโจมตีอย่างเมืองหลงนั่นจะสามารถป้องกันกองทัพตระกูลม่อได้หรือ โง่เขลานัก! ให้ทหารทั้งหมดสู้กับกองทัพตระกูลม่อตามตรอกซอกซอยในเมือง บางทีอาจจะยังพอล้มทหารของกองทัพตระกูลม่อได้ครึ่งหนึ่ง” บ่อยครั้งการสู้รบตามตรองซอกซอยเป็นการเอาชีวิตเข้าแลก ไม่เกี่ยวกับยุทธวิธีการรบสักเท่าไรนัก อีกทั้งพวกเขาที่อยู่ภายในเมือง ยังได้เปรียบในฐานะผู้โจมตี กำลังของกองทัพตระกูลม่อและกองทัพซีหลิงนับว่าไม่ต่างกันมาก อย่างน้อยหลงหยางก็มั่นใจว่าทหารซีหลิงสองคนจะสามารถล้มทหารตระกูลม่อหนึ่งคนได้ เช่นนี้ก็เท่ากับสามารถสังหารทหารของตระกูลม่อภายในเมืองเปี้ยนได้ครึ่งหนึ่งเป็นอย่างน้อย ทหารรักษาการณ์ที่อยู่ถัดไปจากเมืองนี้ถึงพอจะถ่วงเวลาในการเคลื่อนที่ของกองทัพตระกูลม่อได้
ทหารคนนั้นมองหลงหยางด้วยความลังเลเล็กน้อย และพูด “แต่ว่า…เจิ้นหนานซื่อจื่อได้นำทหารและม้าเพื่อเตรียมการถอยทัพแล้วนะขอรับ”
“ว่าไงนะ?!” หลงหยางลุกพรวดขึ้นมา ทหารรีบพูด “เจิ้นหนานซื่อจื่อบอกว่าถ้าหากให้กองทัพตระกูลม่อบุกเข้ามาในเมืองได้ก็คงไม่ทันการแล้ว จึงนำทหารและม้าแสนกว่านายที่เหลือ เตรียมถอยออกที่ประตูฝั่งตะวันตกขอรับ”
หลงหยางเร่งฝีเท้าเดินออกไปข้างนอกอย่างรวดเร็ว พลางพูด “โง่เง่า! เมืองเล็กๆ ข้างหน้ายังมีกองทัพหลายแสนนอยของตระกูลม่อเฝ้าอยู่ เขายังคิดจะถอยไปที่ไหนอีก!”
กว่าหลงหยางจะเร่งมาถึงเมืองด้านตะวันตก ก็เห็นเพียงทัพใหญ่ของซีหลิงจากไปพร้อมกับม้าและฝุ่นทราย เหลยเถิงเฟิงพากองทัพใหญ่ของซีหลิงหลายแสนนายที่เก่งกาจที่สุดและครบเครื่องที่สุดออกไปแล้ว เมื่อทหารและม้าเหล่านี้ถอยออกไป การป้องกันที่แต่เดิมที่ยังถือว่าแน่นหนา ก็เกิดช่องโหว่ขนาดใหญ่ขึ้นมาหลายช่องทันที ทำให้ทหารตระกูลม่อถาโถมกันเข้ามาในเมืองราวกับสายน้ำที่เชี่ยวกราก ที่ใต้ประตูเมืองตะวันตก หลงหยางหลับตาลงด้วยความเหนื่อยล้า ถอนหายใจพลางพูดเสียงเบา “จูเยี่ยน…พวกเราจบแล้วล่ะ…”
แม้บอกว่าเหลยเถิงเฟิงจะพาคนส่วนใหญ่ไป แต่ถึงอย่างไรทหารของซีหลิงก็ไม่ได้มีไว้ประดับเฉยๆ กว่ากองทัพตระกูลม่อจะล้มเมืองเปี้ยนทั้งหมดได้จริงๆ ก็เป็นช่วงบ่ายของวันที่สองแล้ว แม้ว่าจะเป็นทหารตระกูลม่อที่ห้าวหาญและชำนาญการรบเพียงใด แต่การสู้รบเข่นฆ่าติดต่อกันทั้งวันทั้งคืนเช่นนี้ก็ทำให้รู้สึกเหนื่อยล้าไม่น้อย แต่ละคนดวงตาแดงก่ำ ร่างกายเหนื่อยล้า จนเมื่อในที่สุดจัดการทหารซีหลิงในเมืองที่ยังคงต่อต้านได้ทั้งหมดแล้ว เหล่าทหารก็พากันส่งเสียงโห่ร้องยินดีดังขึ้นเป็นระยะๆ บางคนถึงขั้นนั่งหลับมันใต้ชายคาเรือนข้างถนนเลยก็มี
ยามกลางวันที่ดวงอาทิตย์ส่องแสงสว่างงดงาม กลุ่มม่อซิวเหยาก้าวเข้ามาภายในเมืองเปี้ยน มองเห็นศพทหารทั้งสองฝ่ายที่ยังเก็บกวาดไม่ทันเรียงรายอยู่บนถนนใหญ่มากมาย มีทหารหลายคนนั่งหลับอยู่ตรงนั้น ม่อซิวเหยาโบกมือห้ามทหารผู้ติดตามที่อยากจะส่งเสียงรายงาน ขณะที่เดินผ่านศพมากมายไปข้างหน้าเขาก็ ถามด้วยเสียงทุ้มต่ำ “หลงหยางอยู่ที่ไหน”
จั๋วจิ้งพูดเสียงเบา “หลงหยางอยู่ในห้องว่างที่ด้านตะวันตกของเมืองพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้มีคนเฝ้าอยู่ที่นั่นแล้ว แล้วก็…ก่อนหน้านี้ไม่นานหลงหยางได้ปล่อยให้ประชาชนในเมืองหนีไปพ่ะย่ะค่ะ” บางทีอาจเป็นเพราะคำพูดที่ม่อซิวเหยาบอกว่าจะสังหารหมู่ประชาชนทั้งเมือง หลงหยางจึงเริ่มปล่อยประชาชนจำนวนมากออกไปทางประตูเมืองทางด้านตะวันตกทันทีตั้งแต่ช่วงกลางดึกของเมื่อวาน กฎของกองทัพตระกูลม่อเคร่งครัดและยุติธรรม แม้ว่าม่อซิวเหยาจะพูดเช่นนั้น แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ออกคำสั่งให้สังหารทั้งเมืองอย่างเป็นทางการ ดังนั้นหากทหารไม่ได้ถูกประชาชนธรรมดาขัดขวางขณะที่ต่อสู้กัน พวกเขาก็จะไม่ทำอะไรกับประชาชน และเมื่อคืนน่าจะมีประชาชนหนีออกไปได้เกือบครึ่งหนึ่ง
ม่อซิวเหยาส่ายหน้าอย่างไม่ใส่ใจ “ไปหาหลงหยาง แล้วทางด้านพระชายาเป็นอย่างไรบ้างแล้ว”
จั๋วจิ้งพูด “เมื่อคืนที่เหลยเถิงเฟิงพาทหารถอยทัพออกไปทางด้านตะวันตกก็ปะทะกับแม่ทัพจาง แล้วจึงพาทหารสองสามหมื่นคนที่เหลือฝ่าออกไป พระชายามีคำสั่งให้หยุดไล่ตาม แล้วให้ทหารทั้งหมดพักที่เมืองเปี้ยนเป็นเวลาสองวัน น่าจะอีกไม่นาน พระชายาก็น่าจะกลับมาถึงแล้วพ่ะย่ะค่ะ” ได้ยินดังนั้น นัยน์ตาของม่อซิวเหยาเผยความอ่อนโยน พูดอย่างเรียบๆ “สั่งคนเก็บกวาดสนามรบ ให้ทหารด้านล่างพักผ่อน แล้วไปพาตัวหลงหยางมาเถอะ”
“ขอรับ ท่านอ๋อง”
จั๋วจิ้งรับคำสั่งแล้วเดินออกไป ม่อซิวเหยาหันกายเดินไปทางจวนเจ้าเมืองของเมืองเปี้ยน จวนเจ้าเมืองมีคนเก็บกวาดเรียบร้อยแล้ว เดิมที เรื่องสงครามภายในเมืองก็ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรมากต่อจวนขุนนางแห่งนี้ ขุนนางพลเรือนที่ยังไม่ได้หนีออกไปจากเมืองเปี้ยนล้วนถูกทหารตระกูลม่อจับขังอยู่ภายในนี้ พอเห็นม่อซิวเหยาเข้ามา ขุนนางแห่งซีหลิงเหล่านี้ก็มีท่าทีแตกต่างกันออกไป บ้างมีท่าทางวิงวอนขอร้อง บ้างแสดงความดื้อรั้นไม่ยอม บ้างรู้สึกหวาดกลัว และมีบางคนที่มองมาอย่างเคียดแค้น เวลานี้ ม่อซิวเหยากลับไม่มีกระจิตกระใจจะไปสนใจพวกเขา เพียงโบกมือให้คนพาออกไป หลังจากนั่งลงพักผ่อนได้ครู่หนึ่ง ทหารองครักษ์ด้านนอกก็เข้ามารายงาน “ท่านอ๋อง พาตัวหลงหยางมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
ม่อซิวเหยาลืมตาขึ้น นัยน์ตาเต็มไปด้วยความเยือกเย็น “ให้เขาเข้ามา”
ไม่นาน หลงหยางก็เดินเข้ามาช้าๆ มีจั๋วจิ้งคอยตามอยู่ด้านหลัง แต่กลับไม่ได้สั่งคนให้จับตัวเขาไว้ หลงหยางยังคงสวมเสื้อผ้าเนื้อหยาบๆ สีขาวทั้งกาย ดูออกจะแก่ชราและเหนื่อยล้ายิ่งกว่าหลายวันก่อนมากนัก ดูราวกับชายแก่ธรรมดาๆ คนหนึ่ง ลักษณะท่าทางดูไม่ใจร้ายโหดเหี้ยมเหมือนคนบนกำแพงเมืองก่อนหน้านี้ที่สามารถเอาประชาชนผู้บริสุทธิ์มาเป็นโล่กำบังได้หน้าตาเฉยเลยสักนิด
ม่อซิวเหยามองเขาอย่างสุขุม พร้อมกล่าวเรียบๆ “แม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่ ยินดีที่ได้พบ”