ชายาเคียงหทัย - ตอนที่ 307-3 การตัดสินใจของม่อจิ่งหลี
ฮว่ากั๋วกงเหลือบตามองเขา ตอนนี้มาถึงขั้นนี้แล้ว ถ้าเขาไม่ได้มาเพราะปัญหาเรื่องเสบียงกองทัพเขาจะมาเพื่อดื่มน้ำชากับเขาอย่างนั้นหรือ
ม่อจิ่งหลีเอ่ย “อันที่จริง ท่านกั๋วกงไม่ต้องกังวลกับเรื่องเหล่านี้ มีขุนนางราชสำนักคอยจัดการอยู่แล้ว หรือท่านกั๋วกงคิดว่าขุนนางที่อยู่เต็มราชสำนักเหล่านี้ต่างเป็นพวกขี้เมาหยำเปอย่างนั้นหรือ” ฮว่ากั๋วกงยิ้มเย็น ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ม่อจิ่งหลีไม่มีความสามารถอะไรเลย แต่เรื่องให้ท้ายขุนนางนั้นเก่งทีเดียว ขุนนางในราชสำนักไม่ใช่พวกขี้เมาหยำเปก็จริง แต่ไม่มีสนใจใครแก้ไขปัญหาชายแดนเลย มีขุนนางจำนวนไม่น้อยที่กำลังยุ่งอยู่กับการเตรียมตัวไปทางใต้เฉกเช่นเดียวกับหลีอ๋อง ฮว่ากั๋วกงมองม่อจิ่งหลี ก่อนจะเอ่ยเสียงทุ้ม “ตั้งแต่ที่เป่ยหรงเข้ามาในด่านได้ ก็เข่นฆ่าผู้คนไปตลอดทาง สถานที่ที่เป่ยหรงยึดครองมาตั้งแต่แรกเต็มไปด้วยความโศกเศร้า ไม่ทราบว่าท่านอ๋องได้ยินเรื่องนี้หรือไม่”
ม่อจิ่งหลีผงะ พยักหน้าพลางเอ่ย “ข้าพอได้ยินมาบ้าง ทว่า…ข่าวลือไม่ตรงกับความเป็นจริง ท่านกั๋วกงอย่าคิดมากไปเลย”
ฮว่ากั๋วกงหัวเราะด้วยความโกรธ “ข่าวลือหรือ ไม่ตรงกับความเป็นจริงหรือ ไม่รู้ว่าข้าไม่ควรเชื่อข่าวลือหรือท่านอ๋องเองที่ไม่ทราบกันแน่ หลังจากเดินทางออกจากฉู่จิงไปถึงทางทิศใต้ได้อย่างราบรื่น ข้าจะขอทราบได้หรือไม่ว่าหลีอ๋องวางแผนที่จะล่าถอยกลับไปถึงที่ใด ทางใต้ของแม่น้ำอวิ๋นหลันหรือ ทหารม้าเป่ยหรงไม่ถนัดทำสงครามทางน้ำซึ่งถือเป็นความคิดที่ดี แต่ข้าอยากถามแค่คำเดียว ท่านหลีอ๋องจะให้ผู้คนหลายสิบล้านคนทางตอนเหนือของต้าฉู่ไปอยู่ที่ใด” พอเห็นม่อจิ่งหลีนิ่งเงียบ ใบหน้าชราภาพของฮว่ากั๋วกงก็เศร้าหมอง เขาจ้องมองม่อจิ่งหลีด้วยความเจ็บปวด และพูดว่า “หลีอ๋อง คนที่ถูกฆ่าล้วนเป็นประชาชนของต้าฉู่ ต่างเป็นปวงประชาของตระกูลม่อของท่าน!”
สีหน้าของม่อจิ่วหลีตึงเครียด จ้องมองฮว่ากั๋วกงก่อนจะเอ่ย “นี่ฮว่ากั๋วกงกำลังกล่าวหาข้าหรือ”
ฮว่ากั๋วกงเอ่ยด้วยรอยยิ้มแสนเศร้า “ข้าจะกล้ากล่าวหาผู้สำเร็จราชการได้อย่างไร ข้าจำได้แค่ว่าผู้สำเร็จราชการม่อหลิวฟางเคยกล่าวไว้ว่า ผู้ที่ได้ใจปวงประชาคือผู้ที่ได้ครองแผ่นดิน! หลีอ๋องมองประชาชนที่ภักดีต่อท่านเป็นสิ่งของที่สามารถทิ้งได้ทุกเมื่อ แล้วจะมาคาดหวังให้พวกเขาจงรักภักดีต่อท่านอีกหรือ ตอนนั้นที่ผู้สำเร็จราชการเพิ่งเข้ามารับตำแหน่ง ต้าฉู่ก็ไม่ได้ดีไปกว่าที่เป็นอยู่ในตอนนี้เท่าไรนัก…”
“พอแล้ว!” ม่อจิ่งหลีเอ่ยขัดคำพูดของฮว่ากั๋วกงด้วยความหยาบคาย ซึ่งคำพูดเกลี้ยกล่อมด้วยเจตนาดีของฮว่ากั๋วกงกลับฟังเหมือนการประชดประชันเมื่อเข้ามาในหูของเขา เขามองชายชราตรงหน้าอย่างเย็นชา ม่อจิ่งหลียิ้มเยาะพลางเอ่ย “ความสามารถของข้าไม่อาจทัดเทียมม่อหลิวฟางและม่อซิวเหยา แล้วอย่างไรเล่า ไม่อย่างนั้นให้เจ้าเป็นตัวแทนข้า ไปเชิญม่อซิวเหยากลับมาไหม หรือต้องการยกบัลลังก์ฮ่องเต้ให้ม่อซิวเหยาไปเลย” ครั้นฮว่ากั๋วกงถูกเขาเอ่ยย้อนกลับมาเช่นนี้ จึงโกรธจนตัวสั่นไปทั่วชั่วขณะ หากฮ่องเต้องค์ก่อนเป็นวีรบุรุษผู้ชาญฉลาด ม่อจิ่งหลีและม่อจิ่งฉีย่อมต้องเป็นลูกนอกคอกอย่างไม่ต้องสงสัย ตอนนี้สถานการณ์มาถึงขั้นนี้แล้ว ยังคงไม่รู้จักพิจารณาตัวเอง มัวแต่ไปโทษคนอื่นอยู่อีก ต้าฉู่มีคนรุ่นหลังเช่นนี้…คงถึงคราวสูญสิ้นแล้วกระมัง
ฮว่ากั๋วกงสูดลมหายใจเข้าหลายครั้ง เพื่อยับยั้งความโกรธภายในใจ จากนั้นก็ลุกขึ้นยืน ก่อนจะเอ่ย “เอาละ ในเมื่อหลีอ๋องไม่ฟังสิ่งที่ข้าพูด เช่นนั้นข้าก็จะไม่ทำให้รำคาญใจอีก หลีอ๋องได้โปรดส่งเสบียงและกำลังเสริมไปต้านเป่ยจิ้งและเป่ยหรงด้วยเถิด!”
ฮว่ากั๋วกงกล้ำกลืนความโกรธนี้ แต่ความโกรธของม่อจิ่งหลียังคงไม่หายไปทั้งหมด เขามองมาที่ฮว่ากั๋วกงอย่างเย็นชาและพูดว่า “ฮว่ากั๋วกง ข้าจำได้ว่าท่านเกษียณไปนานแล้ว การจะส่งเสบียงและกองกำลังเสริมหรือไม่ และจะให้เมื่อใดนั้นเป็นเรื่องของข้า ฮว่ากั๋วกงกลับจวนไปพักผ่อนให้เต็มที่เถิด ไม่แน่ว่าอีกไม่กี่วันพวกเราก็ต้องออกเดินทางไปทางใต้กันแล้ว หากฮว่ากั๋วกงเป็นอะไรระหว่างทางขึ้นมา ข้าคงอธิบายกับตระกูลฮว่าไม่ถูก”
“ข้าจะไม่ไปจากเมืองหลวง” ฮว่ากั๋วกงเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง
ม่อจิ่งหลีไม่แยแส ฮว่ากั๋วกงจะไปจากเมืองหลวงหรือไม่ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของตัวเขาเอง แม้ว่าฮว่ากั๋วกงจะไม่ได้นำทัพมาหลายปี แต่เขาก็ยังมีสหายเก่าๆ มากมายในกองทัพ ม่อจิ่งหลีไม่มีวันทิ้งเขาไว้ที่เมืองหลวงเป็นแน่ แทนที่จะให้ม่อซิวเหยาเอาเปรียบ เขายอมยกเมืองฉู่จิงให้เป่ยหรงและเป่ยจิ้งยังดีเสียกว่า!
ม่อจิ่งหลีไม่ได้คิดถึงความยินยอมของฮว่ากั๋วกงเลย ถ้าฮว่ากั๋วกงไม่ยอมร่วมมือกับเขาจริงๆ เขาก็ไม่ได้รังเกียจหากจะต้องบังคับ
“หลีอ๋อง!” ฮว่ากั๋วกงจะมองการตัดสินใจของม่อจิ่งหลีไม่ออกได้อย่างไร ไม่เพียงแค่การตัดสินใจของเขาเท่านั้น แม้แต่ความคิดของเขา ฮว่ากั๋วกงก็ยังพอเดาได้ เพราะเหตุนี้ฮว่ากั๋วกงถึงได้โศกเศร้ากว่าเดิม นิสัยเช่นนี้ของม่อจิ่งหลี อย่าว่าแต่ในยุคที่ปั่นป่วนเลย แม้แต่ในช่วงที่บ้านเมืองสงบสุขก็ยังไม่เหมาะที่จะเป็นผู้ปกครองบ้านเมือง ฮว่ากั๋วกงสงบจิตสงบใจและเอ่ยเสียงทุ้ม “ข้าไม่มีวันออกจากเมืองหลวง หากหลีอ๋องยืนยัน ก็เอาเอาศพของข้าออกจากเมืองหลวงไปแล้วกัน!”
ม่อจิ่งหลีขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ แม้เขาจะรู้สึกขัดตากับฮว่ากั๋วกงอย่างมาก แต่อย่างไรก็ดีเนื่องด้วยฮว่ากั๋วกงเป็นขุนนางอาวุโสของสี่ราชวงศ์เพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ในเมืองหลวง เขาจึงไม่กล้าที่จะบังคับฮว่ากั๋วกงจนถึงขั้นเสียชีวิตจริงๆ นอกจากนี้ การชักชวนให้ผู้อาวุโสเหล่านั้นยินยอมที่จะย้ายเมืองหลวงไปกับตนด้วย ก็เป็นเรื่องใหญ่เช่นกัน หากฮว่ากั๋วกงคัดค้านอย่างเปิดเผย ขุนนางเก่าแก่หลายคนก็คงจะไม่เห็นด้วยกับเขาตามไปด้วย เขาขมวดคิ้ว ก่อนจะเอ่ย “ท่านกั๋วกง ข้าหวังดีต่อท่านนะ ท่านอายุมากเพียงนี้แล้ว ไฉนถึงไม่ไปเสพสุขในบั้นปลายชีวิตที่เจียงหนานเล่า ส่วนฉู่จิง…สักวันเราต้องได้กลับมาอีกครั้งเป็นแน่”
ฮว่ากั๋วกงยิ้มเยาะ “เสพสุขในบั้นปลายชีวิตอย่างนั้นหรือ ฝันถึงเสียงร้องห่มร้องไห้ของชาวบ้าน ข้าก็นอนไม่หลับแล้ว ข้าเสพสุขไม่ลงหรอก! ข้าแก่มากแล้ว ใช้ชีวิตมาพอแล้ว ขอสาบานว่าจะอยู่ในฉู่จิงตราบจนสิ้นใจ!”
ม่อจิ่งหลีลุกขึ้นด้วยความโกรธจัดและจ้องมองไปที่ฮว่ากั๋วกงอยู่นาน ก่อนจะเอ่ยอย่างเฉยเมย “ข้าจะไม่ให้ทหารเจ้าแม้แต่นายเดียว!” ก่อนจะสะบัดแขนเสื้อแล้วเดินจากไป
ฮว่ากั๋วกงที่นั่งอยู่ในห้องบุปผา ตกตะลึงไปครู่ใหญ่ และในที่สุดก็มองขึ้นไปบนท้องฟ้า ก่อนจะถอนหายใจ “เจ้าโง่! ต้าฉู่มีคนโง่เช่นนี้…” หยดน้ำตาไหลผ่านใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่นจากความชราภาพอย่างโศกเศร้า เขามองจวนผู้สำเร็จราชการอันโอ่อ่าที่รายล้อมไปด้วยจิตรกรรมฝาผนังตระการตา แล้วทำได้เพียงค่อยๆ ลุกขึ้นและเดินออกไปด้านนอก
ต้าฉู่…จบสิ้นแล้ว