ชายาเคียงหทัย - ตอนที่ 310-2 บุญคุณของสาวงามและการพักแรมในห้องหนังสือ
“ตระกูลซุนหรือ” สวีชิงปั๋วที่เดินหมากอยู่อีกข้างหนึ่งเงยหน้าขึ้นมาถาม
เฟิ่งจือเหยาเลิกคิ้วพลางเอ่ย “ทำไม คุณชายสี่จำได้หรือ” สวีชิงปั๋วพยักหน้า ก่อนจะเอ่ย “ตอนที่ข้ามาถึงซีหลิงไม่นาน หัวหน้าตระกูลซุนเคยสั่งให้คนนำของกำนัลมาให้ สองวันมานี้ ตระกูลซุนคงส่งของกำนัลมาที่โรงเตี๊ยมไม่ขาดกระมัง”
ม่อซิวเหยาก้มหน้าวิเคราะห์เส้นทางการเดินหมากต่อไป เยี่ยหลีและเฟิ่งจือเหยามองจั๋วจิ้งที่ยืนอยู่ข้างกาย เรื่องเหล่านี้ล้วนจัดการโดยจั๋วจิ้งและหลินหานทั้งหมด จั๋วจิ้งคิด ก่อนจะพูด “สองสามวันมานี้หัวหน้าตระกูลซุนได้ส่งคนมามอบของกำนัลจำนวนมากให้ นอกจากนี้ คุณชายจางแห่งตระกูลซุนก็เคยมาขอพบด้วยตัวเองครั้งหนึ่ง แต่ท่านอ๋องและพระชายา บอกว่าจะไม่พบใคร ข้าจึงให้กลับไป”
เยี่ยหลีถามอย่างไม่ค่อยเข้าใจ “พี่สี่ ตระกูลซุนมีปัญหาอะไรหรือไม่”
สวีชิงปั๋วส่ายหน้า เอ่ย “ไม่มีหรอก ข้าเพียงรู้สึกว่าวิสัยทัศน์ของหัวหน้าตระกูลซุนนั้นมีเอกลักษณ์ ตอนแรกที่ข้ามาถึงซีหลิง ทั้งเมืองหลวงมีเพียงพวกเขาเท่านั้นที่เข้ามามีปฏิสัมพันธ์ด้วย พ่อค้าน่ะนะ…ต่างก็ไม่ชอบให้นำผลประโยชน์ไปไว้ในตระกร้าเพียงใบเดียว” สวีชิงปั๋วส่ายหน้า “ดูจากความร่ำรวยและสถานะของตระกูลซุนในวันนี้แล้ว คงไม่ใช่การกระทำโดยไม่ตั้งใจของเขาแน่ ถ้าพวกเจ้ามาช้ากว่านี้ ตระกูลซุนอาจถึงคราวซวยในอีกไม่กี่วัน ตอนนี้…เจ้าคิดว่าฮ่องเต้แห่งซีหลิงเต็มใจที่จะทิ้งทรัพย์สินของตระกูลซุนซึ่งมีจำนวนมากเพียงนั้นให้กับตำหนักติ้งอ๋องหรือ”
เยี่ยหลีครุ่นคิดสักครู่ ก่อนจะเอ่ย “เช่นนั้น…อีกไม่นานหัวหน้าตระกูลซุนคงจะมาขอพบอีกครั้ง สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้เป็นเพียงท่าทีของตระกูลซุนเพื่อแสดงให้ตำหนักติ้งอ๋องเห็นใช่หรือไม่” สวีชิงปั๋วตบหมากของหมากรุกบนกระดานจนเกิดเสียง ก่อนจะยิ้มเอ่ย “จะเอ่ยเช่นนี้ก็ได้”
“เรื่องนี้…ท่านอ๋องคิดเห็นอย่างไร” เฟิ่งจือเหยายิ้มให้ม่อซิวเหยา สองสามวันมานี้พวกเขาได้รับของกำนัลมาไม่น้อย พวกเครื่องเงินเครื่องทองของมีค่าโบราณคงไม่ต้องพูดถึง แต่ของล้ำค่าหายากอะไรก็ถือว่ามีจำนวนไม่น้อยแล้ว แต่กระนั้นก็ยังมีสาวงามจำนวนไม่น้อยที่ทำให้เขาไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี ในบรรดาสาวงามเหล่านี้ย่อมมีนางรำที่งดงามหยาดเยิ้ม แต่ที่มีมากกว่านั้นคือบรรดาหญิงสาวที่เป็นน้องสาวหรือไม่ก็บุตรสาวของเหล่าพ่อค้าชนชั้นสูงของซีหลิง ถึงแม้ทุกคนจะรู้ว่าติ้งอ๋องรักพระชายาผู้เดียวด้วยความจริงใจแต่เพียงผู้เดียว แต่บางคนก็อยากลองใช้โอกาสนี้ดูบ้าง ดังนั้นติ้งอ๋องจึงถูกพระชายาขับไล่ให้ออกไปนอนในห้องหนังสือเป็นครั้งแรกในชีวิต เฟิ่งจือเหยาผู้เฝ้ามองเหตุการณ์อยู่จึงอดไม่ได้ที่จะพูดว่า ท่านอ๋องถูกปรักปรำเสียแล้ว
ม่อซิวเหยากวาดสายมองเฟิ่งจือเหยาเงียบๆ จากนั้นก็เดินหมากในมือพลางพูดอย่างใจเย็น “คุยกันแล้วไม่ใช่หรือว่า เรื่องเล็กน้อยเหล่านี้ให้สวีชิงปั๋วเป็นคนจัดการ” พูดจบ ก็ลอบมองเยี่ยหลีที่นั่งอยู่ข้างกาย สวีชิงปั๋วเป็นพี่ชายของอาหลี แน่นอนว่าเขาย่อมรู้วิธีจัดการว่าทำอย่างไรอาหลีจะพอใจ ในความเป็นจริง ม่อซิวเหยาคิดอยากฆ่าคนที่มาเสนอของกำนัลเป็นพวกสาวงามเหล่านี้ให้สิ้นเรื่อง แต่เห็นได้ชัดว่าความคิดนี้ ไม่เพียงแต่ผู้ใต้บังคับบัญชาจะต่อต้าน แม้แต่อาหลีเองก็ไม่เห็นด้วย
เมื่อเห็นว่าม่อซิวเหยาไม่ได้ตั้งใจที่จะเล่นหมากรุก สวีชิงปั๋วจึงเดินหมากด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะอมยิ้มมองเยี่ยหลีและม่อซิวเหยา เขาย่อมรู้เรื่องที่ติ้งอ๋องถูกขับไล่ให้ออกไปนอนห้องหนังสือมาสองวันแล้ว เขาเองก็รู้สึกตกใจเช่นกัน ต้องบอกก่อนว่าหลายปีมานี้คู่สามีภรรยาคู่นี้ต่างแสดงความรักใคร่ต่อกันโดยแม้แต่หน้าก็ไม่เคยแดงสักนิด ฐานะของม่อซิวเหยาก็อยู่ตรงนั้น หากบอกว่าไม่เคยมีสาวงามมายั่วยวนมาก่อนนั้นคงเป็นไปไม่ได้ แต่เขาก็ไม่เคยเห็นหลีเอ๋อร์นึกหึงหวงในเรื่องนี้มาก่อน ครั้งนี้…หรือว่าม่อซิวเหยาเกินมีความคิดอะไรขึ้นมาจริงๆ นัยน์ตาได้รูปของสวีชิงปั๋วเป็นประกายเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มถาม “ท่านอ๋องชมเกินไปแล้ว เรื่องสำคัญเช่นนี้ข้ามิบังอาจตัดสินใจแต่เพียงผู้เดียวหรอก คุณชายเฟิ่งซาน เห็นท่านดีอกดีใจเช่นนี้ หรือว่าคราวนี้จะมีสาวเจ้าเสน่ห์สะเทือนแผ่นดินมาจริงๆ”
เฟิ่งจือเหยาปากกระตุกเล็กน้อย ดีอกดีใจหรือ หมายความว่าอย่างไร พูดราวกับว่าเขาเป็นปีศาจร้ายบ้ากามอย่างไรอย่างนั้น ทว่าเรื่องตลกของม่อซิวเหยาทำให้ความไม่พอใจเล็กน้อยในใจพลันเหือดหาย ยิ้มตาหยีพลางเอ่ย “คุณชายสี่อย่าให้พูดเลย มีจริงๆ ด้วยนะ ก่อนหน้านี้ฉางหนิงโหวแห่งซีหลิงก็ส่งสาวงามมาคู่หนึ่ง แม้จะบอกว่าไม่ถึงกับงามล่มเมืองอะไร ทว่าเป็นสาวงามพราวเสน่ห์ที่จับตัวได้ยากทีเดียว และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ คู่นี้เป็นแฝด ทั้งสองหน้าต่างเหมือนกันราวกับแกะ ข้ากับหลินหานมองอยู่ครู่ใหญ่ยังแยกไม่ออกเลยว่าใครเป็นใคร”
จั๋วจิ้งที่อยู่ข้างหนึ่งลูบจมูก แอบไม่พอใจ คุณชายเฟิ่งซาน คนที่ดูอยู่ตั้งนานเป็นท่าน คนที่แยกไม่ออกว่าใครเป็นใครก็เป็นท่านอีกนั่นแหละ อย่ามาโยงคนนอกที่โชคร้ายอย่างพวกเขาเข้าไปร่วมด้วยเลยได้ไหม พวกเขาได้รับการอบรมสั่งสอนมาจากพระชายา ไฉนเลยจะแยกฝาแฝดไม่ออกได้
ม่อซิวเหยาเห็นเฟิ่งจือเหยาเล่าเรื่องสาวงามที่ส่งมาให้สองสามวันนี้กับสวีชิงปั๋วและสวีชิงเฟิงฟังอย่างออกรส จึงมองรอยยิ้มบนริมฝีปากของเยี่ยหลีที่เกือบจะเหมือนกับของสวีชิงปั๋ว พลันรู้สึกเย็นยะเยือกภายในใจอย่างอดไม่ได้ อันที่จริงเขาก็ไม่เข้าใจว่าเหตุใดอาหลีถึงได้โกรธเพียงนี้ แต่เขาแน่ใจว่าไม่ใช่เพียงเพราะผู้หญิงที่ไม่มีค่าต่อการเอ่ยถึงเพียงเหตุผลเดียวเป็นแน่ หลายปีมานี้อาหลีไม่เคยโมโหเขาเลย แม้จะมีบ้างเป็นบางครั้ง แต่ก็เป็นการล้อเล่นเสียมากกว่า ทว่าครั้งนี้ม่อซิวเหยารู้สึกจริงๆ ว่าอาหลีไม่พอใจจริงๆ แต่…จะเป็นเพราะเหตุใดนั้น
เมื่อเห็นรอยยิ้มบางๆ บนมุมปากของเยี่ยหลี จิตใจของม่อซิวเหยาก็ยิ่งยุ่งเหยิง
สายตาอันเย็นชาเบนไปทางเฟิ่งจือเหยาที่กำลังตื่นเต้นไม่เบาอยู่ในขณะนี้ ม่อซิวเหยาเอ่ย “เฟิ่งซาน ได้ยินมาว่าเจ้าดีใจเพียงนี้…” เฟิ่งจือเหยากระพริบตา มองม่อซิวเหยาที่ยิ้มเย็นมาทางตนอย่างไม่รู้อะไรเลย ได้ยินเพียงเสียงเย็นของม่อซิวเหยาพูดว่า “ข้าขอมอบพี่น้องฝาแฝดที่ฉางหนิงโหวส่งมาให้ให้เจ้าก็แล้วกัน แม้ว่าความสัมพันธ์ทางสายเลือดของฉางหนิงโหวจะห่างไกลไปหน่อย แต่เขาก็ยังเป็นเชื้อพระวงศ์ของฮ่องเต้ซีหลิง อย่างน้อยเราก็ต้องเห็นแก่หน้าเขา เจ้าต้องดูแลพี่น้องฝาแฝดคู่นั้น…เป็นอย่างดีนะ” ม่อซิวเหยาเน้นย้ำคำสี่คำที่ว่า ดูแลเป็นอย่างดี เป็นพิเศษ เฟิ่งจือเหยาได้ยินเสียงซ่าภายในใจในทันใด ราวกับว่ามีน้ำเย็นๆ หนึ่งขันสาดเข้าที่หัวเพื่อปลุกให้เขาตื่น
ความสุขเมื่อถึงขีดสุด มักนำพาความสลดใจมาเยือน เรื่องของผู้บังคับบัญชาไม่ได้น่าสนุกขนาดนั้น เป็นคำพูดของคนโบราณซึ่งจริงใจไม่เคยโกหก เฟิ่งจือเหยาทำสีหน้าเศร้าสร้อยพลางคิดเงียบๆ
ในเมื่อกำจัดไปได้สองคนแล้ว ม่อซิวเหยาก็คิดได้แล้วว่าจะจัดการกับคนอื่นที่เหลืออย่างไรดี ใครทำให้อาหลีไม่พอใจ เขาจะฆ่าให้หมด แต่ถ้าจะให้อยู่ในโรงเตี๊ยม อาหลีก็คงอารมณ์ไม่ดีอีก ม่อซิวเหยาลูบคาง ก่อนจะคิดอย่างพึงพอใจ เอ่ยกับเฟิ่งจือเหยาว่า “ถ่ายทอดคำสั่งลงไป หญิงงามเหล่านั้น…มอบให้เป็นรางวัลแก่แม่ทัพ ลดหลั่นกันตามความดีความชอบเถิด”
สีหน้าของสวีชิงปั๋วและฉินเฟิงที่นั่งอยู่ข้างๆ เปลี่ยนไปเล็กน้อย สวีชิงเฟิงรีบเอ่ยขึ้น “เอ่อ…เรียนท่านอ๋อง ข้าน้อยไม่ต้องแล้ว” เขายังต้องกลับไปแต่งงานกับเทียนเซียงอีก จะพาผู้หญิงกลับไปด้วยได้อย่างไรเล่า ต่อให้เทียนเซียงจะไม่โกรธเขา แต่ท่านพ่อท่านแม่ของเขาจะหักขาเขาเอาน่ะสิ ฉินเฟิงกระแอมเบาๆ เอ่ยตาม “ข้าน้อยขอขอบคุณสำหรับความเมตตาของท่านอ๋องด้วยเช่นกัน”
ม่อซิวเหยาเลิกคิ้ว มองฉินเฟิงเอ่ย “ชิงเฟิงยังพอเข้าใจได้ ฉินเฟิง เจ้าจะไม่เอาจริงๆ หรือ เจ้าอายุสามสิบกว่าแล้วกระมัง ควรแต่งงานได้ตั้งนานแล้ว ข้าจำได้ว่าในนั้นยังมีบุตรสาวคนโตจากตระกูลนักปราชญ์คนหนึ่งด้วยนะ ไม่อย่างนั้นข้าจะสั่งให้เฟิ่งซานยกหญิงคนนั้นให้เจ้าแทนดีไหม” ฉินเฟิงส่ายหน้า ก่อนจะทำหน้าเจื่อนพลางเอ่ย “ขอบคุณท่านอ๋องมาก ข้าน้อยขอน้อมรับด้วยน้ำใจก็พอ” เรื่องของท่านอ๋องไม่สนุกจริงๆ ด้วย