ชายาเคียงหทัย - ตอนที่ 313-3 ลอบสังหาร
เยี่ยหลีเห็นนางตกใจอย่างหนัก ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อนางฝ่ามาถึงนี่แล้วก็ไม่อาจละทิ้งนางได้ จึงได้ส่งสัญญาณให้องครักษ์ปล่อยนางเข้ามา พอไป๋ชิงหนิงเดินมาถึงหน้าเยี่ยหลีและสวีชิงปั๋วแล้วจึงได้ถอนหายใจ กล่าวเสียงสั่นว่า “พระชายา…คนพวกนี้…”
เยี่ยหลีตอบเสียงเรียบ “ไม่ต้องกลัว อีกเดี๋ยวก็ปลอดภัยแล้ว”
เห็นท่าทางเยี่ยหลีสงบนิ่งไม่สะทกสะท้าน ไป๋ชิงหนิงที่อยากจะเอ่ยอะไรต่อก็ปิดปากฉับ เพียงมองสถานการณ์ตรงหน้าด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว
มือสังหารเหล่านี้ท่าทางไม่กลัวตาย ไม่สนใจคนรอบข้างแม้แต่น้อย พวกเขาต่างพุ่งเข้ามาตรงจุดที่เยี่ยหลียืนอยู่อย่างเอาเป็นเอาตาย หากไม่บรรลุวัตถุประสงค์ก็จะไม่หยุดมือ องครักษ์ตำหนักติ้งอ๋องแม้จะมีไม่น้อย แต่มือสังหารกลับมากยิ่งกว่า เห็นได้ชัดว่านักฆ่าพวกนี้ล้วนรู้ดีว่าพวกมันมีเวลาไม่มาก ดังนั้นจึงโจมตีกันเข้ามาอย่างไม่คิดชีวิต แม้กระทั่งหลายคนยอมตายเพื่อต้านองครักษ์ของตำหนักติ้งอ๋องไว้ให้นักฆ่าคนอื่นๆ ได้ฝ่าเข้ามา หากเป็นยามปกติ เยี่ยหลีคงจะชื่นชมในความกล้าหาญของคนพวกนี้อยู่บ้าง ทว่ายามนี้สถานการณ์ไม่เอื้อต่อพวกนางเลยแม้แต่น้อย
สุดท้ายก็มีคนฝ่าองครักษ์ที่ล้อมอยู่เข้ามาได้ พร้อมพุ่งตรงเข้ามาหาเยี่ยหลี เยี่ยหลีผลักสวีชิงปั๋วออกไปแล้วกล่าวว่า “พี่สี่รีบหนีไป!”
สวีชิงปั๋วทราบดีว่าตนนั้นไม่มีฝีมือด้านการต่อสู้ อยู่ต่อไปก็มีแต่จะเป็นการถ่วงมือถ่วงเท้าเยี่ยหลีเปล่าๆ จึงพยักหน้ากล่าวว่า “หลีเอ๋อร์ระวังตัวด้วย” เยี่ยหลีพยักหน้าแล้วเอียงศีรษะหลบกระบี่ที่นักฆ่าพุ่งเข้ามาใส่ แสงสีเงินวูบวาบทะยานออกจากแขนเสื้อ มือของนักฆ่าที่จับกระบี่ยาวอยู่พลันขาดลงกับพื้น กลิ่นคาวเลือดที่ปะทะจมูกทำเอาเยี่ยหลีขมวดคิ้วอย่างไม่ชอบใจนัก แต่กลับลงมืออย่างไร้ความปรานี กริชเงินทะยานปักลงบนหัวใจของนักฆ่าคนนั้น พริบตาก็ปลิดชีพเขาไป
องครักษ์นายหนึ่งพาสวีชิงปั๋วหลบออกมา ไป๋ชิงหนิงที่อยู่ข้างๆ รีบโผเข้าหา “คุณชายสวี! คุณชายสวี…พาข้าออกไปด้วย…” เลือดของนักฆ่าที่ถูกเยี่ยหลีตัดมือและใช้กริชปลิดชีพนั้นอาบเลอะทั่วร่างนาง เดิมทีนางก็ทั้งตกใจและหวาดกลัวเหลือแสนจนยากที่จะรับไหวอยู่แล้ว พอเห็นสวีชิงปั๋วจะออกไปจึงรีบจับเขาไว้ สวีชิงปั๋วขมวดคิ้วเล็กน้อย ทำได้เพียงดึงนางออกมาด้วย ทว่านักฆ่าพวกนี้รู้ว่าสวีชิงปั๋วเป็นใครจึงได้ทยอยกันมาปิดล้อมไว้แล้วต้อนพวกเขาให้กลับไปทางเยี่ยหลี องครักษ์ทั้งต้องคุ้มกันสวีชิงปั๋วและต้องต้านนักฆ่าไปด้วย จึงแบ่งสมาธิไปได้ไม่พอทั้งสองด้าน สถานการณ์ตกอยู่ในอันตราย สวีชิงปั๋วกล่าวเสียงเข้มว่า “เป็นตายล้วนขึ้นอยู่กับชะตาลิขิต ไม่ต้องเป็นห่วงพวกข้า ตั้งใจรับมือศัตรูเป็นพอ”
องครักษ์ข้างกายเข้าใจดี หากตนทำสวีชิงปั๋วที่ไร้วรยุทธ์ตายก็เท่ากับจบชีวิตตนไปด้วย แต่ก็ยังปล่อยมือออกแล้วหันไปจดจ่ออยู่กับศัตรู สวีชิงปั๋วและไป๋ชิงหนิงจึงค่อยๆ ถูกมือสังหารต้อนให้ไปอยู่ด้านหน้าเยี่ยหลี เยี่ยหลีขยับหลบกระบี่ยาวที่มือสังหารพุ่งเข้าใส่ พอหลบได้ก็ขมวดคิ้วกล่าวว่า “เหตุใดยังไม่ไปอีก ฉินเฟิง พาพี่สี่ออกไปก่อน”
ฉินเฟิงกำลังถูกนักฆ่าหลายคนล้อมเอาไว้ แม้จะได้ยินที่เยี่ยหลีสั่งแต่ยามนี้กลับยังสลัดออกไปไม่ได้ สวีชิงปั๋วดึงไป๋ชิงหนิงที่กำเสื้อผ้าเขาไว้แน่นให้ถอยมาอีกด้านแล้วพยายามรักษาระยะห่างจากเยี่ยหลีไว้ เขายิ้มขนขื่นอย่างจนปัญญากล่าวว่า “หลีเอ๋อร์ ดูเหมือนต้องลำบากเจ้าแล้ว” เยี่ยหลีร่ายเพลงกระบี่พลิ้วไหวดังสายลม ยิ้มบางกล่าวว่า “พี่สี่เหลวไหลอะไร ไม่ใช่ข้าที่ลำบากท่านหรือ” ม่อซิวเหยาเป็นคนที่ฝึกวรยุทธ์กระบี่ให้แก่เยี่ยหลี แม้จะไม่นับว่าชำนิชำนาญ แต่ก็ไม่ธรรมดา เพียงชั่วครู่นักฆ่าก็ไม่อาจทำอะไรนางได้ ทว่าเยี่ยหลีกลับค่อยๆ ขมวดคิ้วขึ้น นางปวดหน่วงๆ ขึ้นที่บริเวณท้องน้อย ข้างขมับค่อยๆ มีเม็ดเหงื่อผุดซึมขึ้นมา เดิมทีพละกำลังของเยี่ยหลีไม่น่าจะแย่เพียงนี้ แต่ว่ายามนี้กลับไม่ใช่เวลาจะมาสนใจหาสาเหตุ
นักฆ่าสัมผัสได้ว่าการเคลื่อนไหวของเยี่ยหลีช้าลง จึงพลันยินดี ค่อยๆ ทยอยกันเข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ เจตนาของพวกเขาก็เพื่อมาเอาชีวิตเยี่ยหลี เพียงแค่สังหารเยี่ยหลีได้ก็จะสามารถทำลายตำหนักติ้งอ๋องไปได้ถึงครึ่งหนึ่งหรือกระทั่งทำลายติ้งอ๋องลงได้เลย ต่อให้พวกเขาทั้งหมดจะไม่ได้กลับไป แต่ก็นับว่าคุ้มค่ามากแล้ว
เยี่ยหลีตั้งสติ ครั้นนางวาดกระบี่ยาวออกไปก็พลันปรากฏไอสังหารขึ้น ทว่าบริเวณหน้าท้องที่ปวดเล็กน้อยของนางนี้ทำนางรู้สึกถึงความอ่อนแอที่ประมาณไม่ได้ ถึงขนาดรู้สึกเหน็บหนาวขึ้นมาโดยพลัน
“พระชายา!” ฉินเฟิงสลัดนักฆ่าที่มาพัวพันให้หลุดไปได้ แล้วก็รู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดแปลกไปกับเยี่ยหลี จึงรีบทะยานเข้ามา ยื่นมือออกไปจับเยี่ยหลีไว้ เยี่ยหลีจับไหล่เขาไว้ข้างหนึ่ง กล่าวว่า “พาพี่สี่ออกไปก่อน!”
ฉินเฟิงขมวดคิ้วกล่าวเสียงเข้ม “ไม่ได้ ข้าน้อยต้องพาพระชายาออกไปก่อน!” แม้จะไม่รู้ว่าพระชายาบาดเจ็บที่ใด แต่เขาก็มองออกว่ายามนี้พระชายาผิดปกติไปมาก ไป๋ชิงหนิงที่อยู่ไม่ไกลพุ่งเข้ามาด้วยความหวาดผวา กรีดร้องกล่าว “พาข้าไป…ขอร้องเจ้าแล้ว พาข้าออกไป…” ฉินเฟิงกำลังคิดจะผลักฝ่ามือใส่นางอย่างทนไม่ไหว แต่กลับได้ยินเสียงแหวกอากาศดังขึ้นมาข้างหู “เยี่ยหลี เอาชีวิตเจ้ามา!”
กระบี่ยาวแวววับสามเล่มแหวกอากาศพุ่งตรงมาทางเยี่ยหลี ฉินเฟิงวาดกระบี่ป้องกันด้านหน้าเยี่ยหลีไว้ได้สองเล่ม พลังของกระบี่อีกเล่มนั้นเอนเบี่ยงไปยังไป๋ชิงหนิงที่อยู่ด้านข้าง ไป๋ชิงหนิงกรีดร้องพลันยื่นมือไปดึงคนข้างๆ เข้ามา นางดึงชายเสื้อของเยี่ยหลีได้ เดิมทีเยี่ยหลีก็ทรมานแสนสาหัสจนเกือบจะยืนไม่อยู่อยู่แล้ว ต้องอาศัยฉินเฟิงช่วยพยุงเอาไว้ พอถูกนางดึงไปเช่นนี้ ทั้งร่างจึงไปอยู่ตรงปลายกระบี่พอดี
“พระชายา!”
“หลีเอ๋อร์!”
เยี่ยหลีพยายามยกมือขึ้นอย่างเต็มกำลัง กริชในมือทำลายกำลังของกระบี่เล่มนั้นไปได้ แต่ร่างของนางกลับหลุดจากการพยุงของฉินเฟิงแล้วทรุดอยู่ด้านข้างไป๋ชิงหนิง นักฆ่าคนนั้นเห็นว่าดาบแรกพลาด จึงรีบส่งดาบที่สองออกไปทันที “พระชายา!”
ฉินเฟิงที่ถูกคนล้อมไว้อยากจะเข้าไปช่วยแต่ก็ไม่ทันการณ์เสียแล้ว จึงขว้างกระบี่ในมือไปยังนักฆ่าคนนั้น แต่กลับช้าเกินไป กระบี่ยาวของนักฆ่าคนนั้นพุ่งตรงไปยังเยี่ยหลี ไป๋ชิงหนิงหน้าซีดเผือดรีบปล่อยมือแล้วหลบไปอีกด้าน มองเห็นกระบี่คมกล้ากำลังจะเสียบเข้าใส่ร่างเยี่ยหลี แต่แล้วเงาร่างสีมรกตสายหนึ่งก็รีบพุ่งทยานเข้ามาบังหน้าเยี่ยหลีเอาไว้
เสียงฉึกดังขึ้น เลือดอุ่นๆ หยดลงตรงหน้าเยี่ยหลี เยี่ยหลีเบิกตาโพลง “พะ…พี่สี่?”