ชายาเคียงหทัย - ตอนที่ 324-3 การแก้แค้นของติ้งอ๋อง
ทุกคนต่างมองหน้ากันด้วยความสงสัย แม้จะไม่เข้าใจในเจตนาของผู้เป็นนาย แต่ก็ตอบรับอย่างนอบน้อมเพื่อออกไปจัดการตามที่ได้รับคำสั่ง
เรื่องที่องค์ชายเจ็ดผู้นำแห่งเป่ยหรงกับเหรินฉีหนิงอ๋องแห่งเป่ยจิ้งกำลังหารือกันที่ด่านจื่อจิงนั้น แม้จะไม่มีผู้ใดรู้ว่าพวกเขากำลังคุยกันเรื่องใด ทว่าในวันนั้นมีจดหมายลับสองฉบับถูกส่งไปยังแดนตะวันตก ฉบับหนึ่งส่งถึงม่อซิวเหยาที่ยังอยู่ในกองทัพ ส่วนอีกฉบับส่งไปที่ตำหนักติ้งอ๋องในเมืองหลีเฉิงแคว้นซีเป่ย
ม่อซิวเหยาที่อยู่ภายในค่ายทหารใหญ่กำลังนั่งพิงเก้าอี้มองจดหมายในมืออย่างเกียจคร้าน หนานโหวที่อยู่ด้วย รวมถึงหลี่ว์จิ้นเสียน เฟิ่งจือเหยากับคนอื่นๆ ต่างคาดเดากันอยู่ในใจว่าในจดหมายฉบับนั้นเขียนสิ่งใดไว้จนทำให้สีหน้าท่านอ๋องเปลี่ยนไปจนดูมีความนัยลึกซึ้งเช่นนี้ ยังคงเป็นเฟิ่งจือเหยาที่ถูกผู้อาวุโสคนอื่นๆ ใช้สายตาบังคับให้ลุกขึ้นถาม “ท่านอ๋อง เกิดอันใดขึ้นหรือพ่ะย่ะค่ะ” ม่อซิวเหยามองเขาด้วยสีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้มแล้วหัวเราะกล่าวว่า “เกิดเรื่องขึ้นจริงๆ เมื่อสามวันก่อนเยียหลีว์เหยี่ยแห่งเป่ยหรงกับเหรินฉีหนิงแห่งเป่ยจิ้งได้หารือกันอยู่ที่ด่านจื่อจิง”
ทุกคนพลันเข้าใจ เรื่องที่สองคนนี้พูดคุยกันต้องมิใช่เรื่องธรรมดาๆ เป็นแน่ เห็นได้ชัดว่าสองตระกูลนี้เตรียมจะร่วมมือกันจัดการกับตำหนักติ้งอ๋อง
หนานโหวขมวดคิ้วเอ่ย “แล้วเหรินฉีหนิงกับเยียหลีว์เหยี่ยทำข้อตกลงอันใดกันหรือ”
ม่อซิวเหยากล่าวว่า “พวกเขาหารือกันอย่างลับๆ เนื้อหาที่คุยกันเป็นอย่างไรในนี้มิได้เขียนไว้ แต่…ข้าก็พอจะเดาได้อยู่บ้าง ที่แน่ๆ คือต้องการให้เป่ยหรงช่วยขัดขวางกองกำลังของทหารตระกูลม่อ เป่ยจิ้งจะได้มีเวลาพอที่จะยึดฉู่จิงมา” เฟิ่งจือเหยาไม่เข้าใจ “เยียหลีว์เหยี่ยจะโง่ถึงเพียงนั้นเชียวหรือ ใช้ทหารของตัวเองไปช่วยเหลือเหรินฉีหนิงเช่นนั้น”
ม่อซิวเหยายิ้มเอ่ย “ไม่นับว่าโง่หรอก กองทัพเป่ยหรงยามนี้เผชิญหน้ากับเราโดยตรง เดิมทีก็เสียแรงกำลังเป็นอย่างมากอยู่แล้ว เว้นเสียแต่จะตีทัพตระกูลม่อให้แตกพ่าย มิฉะนั้นโอกาสที่พวกเขาจะเอาฉู่จิงมาครอบครองได้อย่างราบรื่นก็คงจะไม่มาก แต่กลับไม่เหมือนเป่ยจิ้ง เป่ยจิ้งกับเราอยู่ในทิศทางตรงข้ามกัน ก่อนที่เราจะเข้าฉู่จิงพวกเขาจะไม่โจมตีใดๆ เหรินฉีหนิงน่าจะยกประโยชน์อย่างอื่นให้แก่เยียหลีว์เหยี่ยแทนการเอาฉู่จิงมาครอง”
“ประโยชน์อันใดหรือ” ฉู่จิงมิใช่ที่อื่นใด แม้ว่ายามนี้ราชวงศ์ต้าฉู่จะย้ายเมืองหลวงไปแล้ว แต่ก็มีความสำคัญมากสำหรับประชาชนชาวต้าฉู่
ม่อซิวเหยาเลิกคิ้วแล้วยิ้มเอ่ยว่า “อาจจะยกที่ใดสักแห่งให้แก่เป่ยหรงกระมัง หรือไม่ก็รอให้โจมตีฉู่จิงได้แล้ว ทั้งคู่ก็จะมาจัดการตำหนักติ้งอ๋องด้วยกันกระมัง”
หลี่ว์จิ้นเสียนขมวดคิ้ว ถามด้วยความกังวลว่า “หากเป็นเช่นนั้น ก็จะมิเป็นการดีต่อพวกเราอย่างมาก ท่านอ๋องคิดเห็นเช่นไรพ่ะย่ะค่ะ” ม่อซิวเหยายิ้มกล่าว “เราต้องรีบไปถึงฉู่จิงให้เร็วที่สุด อย่าได้ให้เป่ยจิ้งมาชิงตัดหน้าไปได้ ส่วนเรื่องอื่นๆ คุณชายชิงเฉินย่อมตรึกตรองดูแน่นอน เห็นทีบทเรียนที่สั่งสอนเหรินฉีหนิงไปในครานี้คงยังไม่พอจริงๆ”
ทุกคนในที่นั้นรวมถึงเฟิ่งจือเหยาที่อยู่ในซีหลิงด้วยแต่แรกต่างมองไปยังม่อซิวเหยาด้วยความฉงน สีหน้าพวกเขาปรากฏเป็นคำถามว่าท่านอ๋องทำสิ่งใดลงไปกับเขากันแน่
ม่อซิวเหยาเอ่ยเสียงเรียบว่า “ไม่มีอันใด ข้าแค่ให้ฉินเฟิงส่งคนไปสังหารภรรยาหลวงและภรรยาน้อย รวมถึงลูกๆ ของเขาทั้งหมด”
ทุกคนต่างเงียบกริบ
อีกด้านภายในห้องหนังสือของตำหนักติ้งอ๋อง ณ เมืองหลี สวีชิงเฉิน สวีหงอวี่และคนอื่นๆ กำลังนั่งกันอยู่ มีเยี่ยหลีคลุมผ้าคลุมไหล่ขนพังพอนผืนหนานั่งอยู่ข้างๆ ฟังพวกเขาพูดคุยกันในมือกอดเตาอุ่นมือเอาไว้
สวีชิงเฉินวางจดหมายในมือลง สีหน้าสงบนิ่งไร้อารมณ์พลันขมวดคิ้วขึ้นแล้วกล่าวว่า “หากเป่ยหรงและเป่ยจิ้งร่วมมือกันจัดการกองทัพตระกูลม่อจริงๆ เกรงว่าทหารของตระกูลม่อจะเร่งทัพไปให้ถึงฉู่จิงในต้นเดือนหน้าคงจะไม่ง่ายแล้ว ฉู่จิงจะต้านไว้ได้นานถึงเพียงนั้นหรือ” สวีหงอวี่ลูบเคราเบาๆ ขมวดคิ้วเล็กน้อยกล่าวว่า “เกรงว่าจะมิง่ายเพียงนั้น ยามนั้นได้แต่หวังว่าติ้งอ๋องจะเร่งเคลื่อนพลให้เร็วขึ้นสักนิดเท่านั้น แล้วไหนจะทางด้านเป่ยจิ้งนั่นอีก หลีเอ๋อร์…เหอซู่เป็นคนของตำหนักติ้งอ๋องหรือ”
เยี่ยหลีพยักหน้า อมยิ้มตอบว่า “เป็นคนของตำหนักติ้งอ๋องจริงๆ เจ้าค่ะ”
สวีหงอวี่พยักหน้ากล่าวว่า “เช่นนั้นก็ดี มีเขากับแม่ทัพมู่หรงอยู่ก็น่าจะตีทัพที่ล้อมฉู่จิงไว้อยู่ได้ หากไม่สำเร็จล่ะก็…คงต้องขึ้นอยู่กับสวรรค์แล้ว”
สวีชิงเฉินยิ้มเรียบกล่าวว่า “ท่านพ่อก็อย่าได้กังวลไป ต่อให้ฉู่จิงจะถูกเป่ยจิ้งยึดครองไปแต่ติ้งอ๋องก็ต้องชิงกลับมาได้แน่นอน อีกทั้งถูกเป่ยจิ้งโจมตีก็ยังดีกว่าถูกเป่ยหรงตีแตกเป็นไหนๆ” ทหารเป่ยหรงพอเดินทัพสู่จงหยวนก็ทั้งปล้น ทั้งฆ่า เคลื่อนทัพไปที่ใดล้วนมีแต่เสียงร้องไห้คร่ำครวญ เลือดนองดุจแม่น้ำ เรียกได้ว่าหากมิใช่คนเผ่าข้าผู้นั้นคือผู้มีใจแตกต่าง ตราบใดที่เหรินฉีหนิงยังคิดอยากครอบครองจงหยวนก็มิอาจเข่นฆ่าได้มากเท่าทัพใหญ่แห่งเป่ยหรงแน่นอน
สวีหงอวี่ทำได้เพียงแค่คิดเช่นนี้เท่านั้น เขาส่ายหน้ากล่าวว่า “เรื่องเดินทัพสู้รบนั้นพวกเราไม่ต้องสนใจ หากเป่ยหรงกับเป่ยจิ้งจับมือเป็นพันธมิตรกันจริงๆ นั่นก็จะมิเป็นการดีต่อเราอย่างมาก” ข้อเสียเปรียบนี้มิเพียงหมายถึงยามช่วยฉู่จิงเท่านั้น แต่ยังหมายถึงในอนาคตอีกด้วย “ชิงเฉินคิดเห็นเช่นใด”
สวีชิงเฉินกับเยี่ยหลีสบตากันคราหนึ่ง เขายิ้มบางกล่าวว่า “ข้าว่าภายในของเป่ยหรงและเป่ยจิ้งล้วนมิอาจหลอมรวมเป็นหนึ่งได้ ความขัดแย้งระหว่างรัชทายาทเป่ยหรงกับองค์ชายเจ็ด ความแตกต่างระหว่างชาวจงหยวนที่อาศัยอยู่ในเป่ยจิ้งกับชาวเป่ยจิ้ง สิ่งเหล่านี้เราล้วนทำอันใดบางอย่างกับมันได้” สวีหงอวี่เลิกคิ้วถาม “เจ้าจะบอกว่า…จัดการพวกเขาจากภายในหรือ”
เยี่ยหลีพยักหน้ายิ้มตอบว่า “พี่ใหญ่กล่าวได้ถูกต้อง ยามนี้ผู้นำทัพเป่ยหรงคือองค์ชายเจ็ดเยียหลีว์เหยี่ย ศึกครานี้ชื่อเสียงและอิทธิพลภายในเป่ยหรงของเยียหลีว์เหยี่ยจะต้องมีมากกว่าองค์รัชทายาทอย่างเยียหลี่ว์หงแน่นอน เยียหลี่ว์หงที่ไม่ชอบใจเยียหลีว์เหยี่ยมาแต่ไหนแต่ไรจะทนไหวได้อย่างไรกัน เขาต้องไม่พอใจเยียหลีว์เหยี่ยเป็นอย่างมาก หากมีคนเป่าหูอันใดแก่เป่ยหรงอ๋องสักหน่อยล่ะก็…”
สวีหงเหยียนเอ่ยถามว่า “แผนนี้จะได้ผลหรือ ตำหนักติ้งอ๋องมีสายลับที่เป่าหูคนในราชสำนักเป่ยหรงได้ที่ไหนกัน”
เยี่ยหลีส่ายหน้า เอ่ยอย่างจนใจว่า “เราไม่มีสายลับก็จริง ชาวเป่ยหรงต่อต้านคนนอกอย่างมาก หากมิใช่คนเป่ยหรงก็ยากที่จะได้รับความไว้ใจและยินยอมให้ทำงานสำคัญ หากแต่ข้างกายรัชทายาทเป่ยหรงมีคนของเรา อีกทั้ง…ความสัมพันธ์ระหว่างเยียหลี่ว์หงกับตำหนักติ้งอ๋องก็ดีกว่าเยียหลี่ว์เหยี่ยอยู่มาก”
“หืม” สวีหงเยี่ยนเอ่ยด้วยความแปลกใจ แม้จะอยู่ที่ซีเป่ยมานานหลายปี แต่เขากลับไม่รู้มาก่อนว่าตำหนักติ้งอ๋องสามารถส่งคนไปแทรกซึมอยู่ข้างกายรัชทายาทแห่งเป่ยหรงได้
สวีชิงเฉินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก็เงยหน้าเอ่ยถามว่า “องค์หญิงหรงหวาหรือ” ปีนั้นท่านหญิงหรงหวาธิดาขององค์หญิงเจาเหรินถูกสถาปนาแต่งตั้งให้เป็นองค์หญิงแล้วอภิเษกกับองค์รัชทายาทแห่งเป่ยหรงอย่างเยียหลี่ว์หง เพียงแต่ยามที่องค์หญิงอยู่ที่เมืองหลวงนั้น ความสัมพันธ์ระหว่างนางกับตำหนักติ้งอ๋องและเยี่ยหลีไม่ค่อยจะดีนัก ดังนั้นจึงไม่ง่ายที่จะคาดเดาถึงความสัมพันธ์ในด้านนี้ แต่นี่ก็หลายปีมาแล้ว องค์หญิงหรงหวาจะเปลี่ยนไปหรือยังนั้นกลับเป็นอีกเรื่องหนึ่ง “จะพึ่งนางได้หรือ”
เยี่ยหลียิ้มกล่าว “องค์หญิงหรงหวาจะพึ่งได้หรือไม่นั้นมิใช่เรื่องสำคัญ เราก็มิได้ต้องการให้นางทำอันใดเพื่อเราอยู่แล้ว ขอเพียงคนข้างกายนางพึ่งพาได้ก็พอ” อย่างไรเสียองค์หญิงหรงหวาก็มิใช่สายลับที่ผ่านการฝึกฝนมา ภารกิจที่มากเกินไปก็จะแสดงพิรุธออกมาได้ง่าย คราแรกตำหนักติ้งอ๋องได้ส่งสายลับไปช่วยองค์หญิงสองคน คนหนึ่งอยู่ในที่ลับ อีกคนอยู่ในที่แจ้ง คนที่อยู่ในที่แจ้งนั้นองค์หญิงย่อมทราบได้อยู่แล้ว แต่ที่แฝงอยู่ในที่ลับกลับไม่มีผู้ใดบอกนาง ทั้งหมดนี้ย่อมมิใช่เพื่อช่วยเหลือองค์หญิงเพียงอย่างเดียวแน่นอน แต่เพื่อสถานการณ์เช่นในยามนี้ที่อาจต้องการความช่วยเหลือด้วยเช่นกัน ตอนนี้ต้าฉู่ย้ายเมืองหลวงไปแล้วแทบจะทั้งหมด ซ้ำข่าวที่เป่ยหรงส่งมาก็เห็นได้ชัดว่าเยียหลีว์เหยี่ยมิได้มีความคิดที่จะทอดทิ้งองค์หญิงหรงหวา จึงหมายความได้ว่าหลายปีมานี้องค์หญิงทำหน้าที่ในเป่ยหรงได้ไม่เลวทีเดียว
“เช่นนั้นก็ดี” สวีชิงเฉินพยักหน้าอย่างพอใจ
เยี่ยหลียิ้มกล่าว “เช่นนั้นข้าจะส่งคนไปขอพบเยียหลีว์เหยี่ยที่เป่ยหรงด้วยตัวเอง บางทีอาจจะแอบช่วยเหลือเขาในที่ลับได้ หากราบรื่นล่ะก็ ภายในสองสามเดือนนี้การนำทัพใหญ่แห่งเป่ยหรงของเยียหลีว์เหยี่ยก็น่าจะสุดทางแล้ว” สวีชิงเฉินเอ่ยถามขึ้น “เกรงว่าการเป่าหูเยียหลีว์เหยี่ยจะไม่ง่ายเช่นนั้น ให้ข้าไปเองดีหรือไม่”
“เรื่องนี้…” เยี่ยหลีขมวดคิ้ว ยามนี้ภารกิจของเป่ยหรงมากมายล้วนเป็นพี่ใหญ่ที่รับผิดชอบ แต่หากมิอาจส่งคนที่ไม่สำคัญพอไปล่ะก็ เกรงว่าจะเป่าหูเยียหลี่ว์หงไม่สำเร็จ หากนางมิได้ตั้งครรภ์อยู่ก็ตั้งใจจะไปเองอยู่เหมือนกัน สวีหงเยี่ยนที่อยู่ด้านข้างเอ่ยขึ้นว่า “ซีเป่ยต้องการพี่ใหญ่กับชิงเฉิน หากหลีเอ๋อร์เชื่อมั่นในตัวลุงก็ให้ลุงไปเองเถิด”
“ท่านลุงรอง ซีเป่ยเหน็บหนาวเข้ากระดูก หากไป…”
สวีหงเยี่ยนยิ้มกล่าวว่า “หลีเอ๋อร์ดูถูกลุงหรืออย่างไร หรือว่าลุงเป็นคนทนความลำบากมิได้หรือ”
เยี่ยหลีย่อมรู้ดีว่าสวีหงเยี่ยนแม้จะพูดจาน้อยคำในยามปกติ แต่ฝีปากกลับเก่งกาจจึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมด้วยอีกคนหนึ่ง นางมองสวีชิงเฉินกับสวีหงอวี่อย่างลังเล สวีหงอวี่ก้มหน้าตบโต๊ะกล่าวว่า “ให้น้องรองไปก็ดีเหมือนกัน”
เยี่ยหลีเห็นสวีหงอวี่ว่าเช่นนั้นก็ทำได้เพียงพยักหน้า เขาครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วเอ่ยว่า “เช่นนั้น ม่อหวาก็อยู่ที่ซีเป่ยพอดี ข้าจะให้เขาพาคนไปกับท่านลุงรองด้วย” ม่อหวาเดิมเป็นหัวหน้าองค์รักษ์ลับของตำหนักติ้งอ๋อง มีเขาพาคนไปคุ้มกันตลอดทาง ความปลอดภัยของสวีหงเยี่ยนย่อมหายห่วง ต่อให้แผนการล้มเหลว ม่อหวาก็ยังคุ้มกันสวีหงเยี่ยนให้กลับมาซีเป่ยได้อย่างปลอดภัยได้
“เช่นนั้นก็ดี” สวีหงเยี่ยนรู้ดีว่าเยี่ยหลีคำนึงถึงความปลอดภัยของตนเขาจึงมิได้ปฏิเสธอันใด