ชายาเคียงหทัย - ตอนที่ 327-3 กลับเมืองหลี ท้องแฝด
ม่อซิวเหยาย่อมเข้าใจว่าสิ่งที่สวีชิงเฉินพูดนั้นสมเหตุสมผลจริงๆ เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถาม “ฉู่จิงอยู่ไกลจากซีหลิงมากเกินไป หากมีอะไรเกิดขึ้นกับที่นั่นในอนาคต เราคงไม่สามารถไปถึงได้ทันท่วงที” เมืองหลีก็มีข้อดีของเมืองหลี เช่นที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ ตั้งอยู่ใจกลางของแผ่นดินใหญ่ หากความแข็งแกร่งไม่เพียงพอ ย่อมเป็นสถานการณ์อันเลวร้ายที่จะต้องถูกโจมตีจากรอบด้าน แต่ถ้ามีความแข็งแกร่ง สถานที่แห่งนี้ก็จะขยายออกไปได้ทุกทิศทุกทาง
สวีชิงฉินเอ่ย “แน่นอนว่าเมืองหลีก็ไม่อาจละทิ้ง แต่ในปัจจุบันเราไม่สามารถขยายขอบข่ายของเมืองหลีไปสู่ระดับที่เพียงพอได้ในเวลาอันสั้น ยามนี้ในใต้หล้ากลังวุ่นวายจริงๆ การใช้แรงงานประชาชนและถลุงทรัพย์สินนั้นเป็นเรื่องไม่ดี” พูดให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือ เมืองหลีเล็กเกินไป เดิมทีถ้าตำหนักติ้งอ๋องดูแลเพียงพื้นที่หนึ่งในสามส่วนของซีเป่ยก็ไม่มีอะไรจะพูด แต่ตอนนี้ดินแดนภายใต้การปกครองของตำหนักติ้งอ๋องแข็งแกร่งไม่น้อยไปกว่าประเทศที่มีอำนาจใดๆ แล้ว หากเป็นเช่นนี้ต่อไปคงจะน่าเศร้าใจมาก และทำให้ทหารเบื้องล่างรู้สึกว่าตนไม่ไม่มีความมั่นใจ เพราะในปัจจุบันติ้งอ๋องไม่มีความประสงค์ที่จะขึ้นครองราชย์แต่อย่างใด ไม่มีใครรู้ว่าตำหนักติ้งอ๋องจะเป็นอย่างไรในอนาคต สวีชิงเฉินจัดการกับการบริหารบ้านเมืองในเมืองหลีมาเป็นเวลานาน ข้อสงสัยและข่าวลือระหว่างขุนนางและประชาชนย่อมรู้อย่างแจ่มแจ้งอยู่แล้ว ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบัน ถ้าไม่ขยายเมืองหลีอย่างรวดเร็ว ก็ต้องย้ายตำหนักติ้งอ๋องไปอยู่ที่ฉู่จิงเสีย
ม่อซิวเหยาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นพลางเอ่ย “วันเกิดของอาจารย์ชิงอวิ๋นยังคงจัดที่เมืองหลี หลังจากนั้นข้ากับอาหลีจะประจำการอยู่ที่ฉู่จิงเป็นการชั่วคราว อ่อ…คุณชายชิงเฉินก็ต้องไปด้วยกัน กิจการทั้งหมดของเมืองหลีคงยังต้องให้อาจารย์หงอวี่จัดการเหมือนเดิมไปก่อน คิดว่าอย่างไร” สวีชิงเฉินจนปัญญา ก่อนจะยิ้มพลางเอ่ยตอบ “ท่านอ๋องตัดสินใจไปแล้ว ผู้ใต้บังคับบัญชาย่อมได้แต่ทำตามความประสงค์เท่านั้น ท่านอ๋องอยากจะ…จัดการกับเมืองหลีและฉู่จิงไปพร้อมกันใช่หรือไม่”
ม่อซิวเหยาพยักหน้า “ภูมิประเทศที่เราครอบครองในตอนนี้ ครอบคลุมตั้งแต่ตะวันออกไปจนถึงตะวันตก ระยะห่างจากตะวันออกและตะวันตกอยู่ไกลกันเกินไป หากเกิดเรื่องอะไรขึ้นทางตะวันตก รอให้ข่าวมาถึงฉู่จิง ตลาดก็คงวายแล้ว นอกจากนี้ไว้รอจัดการกับเหรินฉีหนิงได้แล้ว ประโยชน์ของฉู่จิงก็ลดลงอย่างมาก ถึงเวลานั้นซีหลิงและเป่ยหรงถึงจะเป็นจุดสำคัญ” และเขตแดนที่ใกล้กับซีหลิงและเป่ยหรงนั้นก็คือเมืองหลีอย่างเห็นได้ชัด
สวีชิงเฉินเลิกคิ้ว ยิ้มพลางเอ่ย “ท่านอ๋องมีความทะเยอทะยานจริงๆ แต่…ข้าน้อยสงสัยเรื่องหนึ่งมาตลอด และคิดว่าคงเป็นปมอยู่ในใจหลายๆ คนมานานแล้วเช่นกัน”
ม่อซิวเหยาเลิกคิ้วเล็กน้อย อมยิ้มมองสวีชิงเฉิน
“ท่านอ๋อง ไม่เคยคิดอยากขึ้นเป็นฮ่องเต้หรือ” สวีชิงเฉินถาม “หากเป็นเมื่อก่อน ตำหนักติ้งอ๋องตั้งอยู่ในพื้นที่ของซีเป่ย ท่านอ๋องไม่เห็นความสำคัญของเรื่องนี้ ไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกสักเท่าไร ทว่าตอนนี้ตำหนักติ้งอ๋องมีอาณาเขตการปกครองตั้งแต่ทิศตะวันออกไปจนถึงทิศตะวันตกกว่าพันลี้ เหตุใดท่านอ๋อง…” ปัญหานี้กวนใจใครหลายๆ คนอยู่จริงๆ ไม่เพียงแต่ผู้ใต้บังคับบัญชาของตำหนักติ้งอ๋องเท่านั้น แม้แต่คนนอกก็มองความคิดของม่อซิวเหยาไม่ออก หากเป็นคนอื่น สามารถครอบครองอาณาเขตที่กว้างขวางเพียงนี้ได้ คงตั้งตนเป็นฮ่องเต้ไปนานแล้ว มีอย่างที่ไหนจะทำเช่นเดียวกับม่อซิวเหยา ที่ไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว
ม่อซิวเหยาจับมือเยี่ยหลี พลางมองสวีชิงเฉินด้วยรอยยิ้มที่ใจดีและเป็นมิตร ก่อนจะยิ้มพลางเอ่ย “ไม่เป็นอะไร ไม่ได้สนใจ”
“ไม่ได้สนใจหรือ” สวีชิงเฉินขมวดคิ้ว พลางกลอกตาในใจอย่างอดไม่ได้ คุณชายชิงเฉินยังเป็นคนที่สงบนิ่ง ใจเย็นไม่สะทกสะท้านและใจกว้าง หาเป็นกคนอื่นอย่างเฟิ่งจือเหยาหรือคนอื่นๆ เกรงว่าพวกเขาคงจะพุ่งไปคว้าคอเสื้อม่อซิวเหยาและเขย่าตัว ‘ท่านอ๋องล้อพวกเราเล่นหรือ ล้อเล่นใช่หรือไม่!’ สวีชิงเฉินแค่รู้สึกประหลาดใจเพียงครู่หนึ่งแล้วก็กลับมาสงบนิ่งอีกครั้ง เอาละ อย่างไรเขาก็ไม่ได้เป็นฮ่องเต้อยู่ดี ไม่สนใจก็ไม่สนใจ อันที่จริงสิ่งที่เรียกว่าการขึ้นครองบัลลังก์เป็นเพียงพิธีและตำแหน่งเท่านั้น ใครเลยจะกล้าพูดว่าอำนาจของม่อซิวเหยาไม่ยิ่งใหญ่เท่าฮองเต้ ช่างความถูกต้องเหมาะสมมันปะไร!
ม่อซิวเหยามองสวีชิงเฉินด้วยความรำคาญ ก่อนจะเอ่ย “ในเมื่อคุณชายชิงเฉินไม่มีธุระอะไรแล้ว ก็กลับก่อนเถอะ ข้าเหนื่อย อยากพักผ่อนสักหน่อย” สามีภรรยาไม่ได้เจอกันนาน ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของเขาที่จะมาเป็นก้างขวางคออยู่ที่นี่เสียหน่อย
ราวกับสวีชิงเฉินจะไม่เห็นสายตาไล่แขกของเขา อมยิ้มพลางเอ่ยกับเยี่ยหลี “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ หลีเอ๋อร์ก็พักผ่อนให้เต็มที่เถิด ข้าจะดูแลพวกตัวน้อยให้เป็นอย่างดีเอง”
เมื่อได้ยินดังนั้น สีหน้าของเยี่ยหลีก็พลันเศร้าหมอง นางทิ้งเด็กสามคนไว้ที่สวนดอกไม้ เพราะการตั้งครรภ์ ทำให้นางเกิดความเลินเล่อได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ “พี่ใหญ่ พวกตัวน้อยอยู่กับท่านพี่หรือ รบกวนท่านแล้ว…”
“ไม่รบกวนหรอก เพียงแต่เมื่อครู่ตัวน้อยมาพูดกับข้าด้วยความเสียใจว่า ท่านพ่อของเขายังไม่ทันได้ชายตามองเขา ก็จากไปแล้วเท่านั้น” สวีชิงเฉินยิ้มอย่างสุขใจราวกับลมใบไม้ผลิล้อผิวหน้า
ม่อซิวเหยายิ้มหยัน ก่อนเอ่ยอย่างเย็นชา “เช่นนั้นก็รบกวนคุณชายชิงเฉินช่วยดูแลพวกเขาก่อน ถึงอย่างไร ม่อตัวน้อยก็ชอบท่านลุงใหญ่มากที่สุดไม่ใช่หรือ” พูดถึงเรื่องชอบมากที่สุด ม่อซิวเหยาก็อดไม่ได้ที่จะกัดฟัน รู้สึกลึกๆ ว่าเขาเลี้ยงหมาป่าที่ลืมบุญคุณคิดคดทรยศเอาไว้เสียแล้ว เมื่อเห็นม่อซิวเหยาใกล้จะระเบิดจริงๆ สวีชิงเฉินก็ไม่ล้อเขาอีก เพียงยิ้มแล้วขอตัวออกไป
ภายในโถงดอกไม้ เยี่ยหลีพินิจมองม่อซิวเหยาอย่างสงสัยใคร่รู้ อยากจะเอ่ยอะไรบางอย่างทว่าก็ไม่ได้เอ่ยออกมา ม่อซิวเหยาอมยิ้มมองนาง “เหตุใดอาหลีถึงมองข้าเช่นนี้ หรือค้นพบแล้วว่าสามีที่ไม่ได้เจอกันแสนนานหล่อเหลาไม่ธรรมดา”
เยี่ยหลีหมดคำจะพูด พลางเหม่อมองฟ้า “เจ้าไม่ตัดสินใจจะขึ้นเป็นฮ่องเต้จริงๆ หรือ”
ม่อซิวเหยาพ่นลมหายใจ ก่อนจะเอ่ยอย่างไม่แยแส “ขึ้นครองบัลลังก์จะไปมีดีอะไร มัวแต่นั่งกังวลว่าจะมีคนขโมยบัลลังก์หรือไม่ทั้งวัน บางครั้งแค่อยากจะเที่ยวเล่นบ้าง ก็ต้องถูกพวกขุนนางบ่นว่าการเล่นสนุกจะทำลายความมุ่งมั่นตั้งใจ อยากสังหารใครสักคน ก็ยังต้องฟังพวกตาแก่บ่นเหตุผลกองโตจนปากเปียกปากแฉะ ที่สำคัญที่สุดก็คือ…ข้าไม่สนใจอยากจะรับลูกสาวที่ไม่มีใครเอาของตาแก่พวกนั้นด้วย หรือว่าอาหลีอยากให้ข้ามีบ้านเล็กบ้านน้อยหรือ อืม…อันที่จริงก็ไม่ใช่ว่าจะทำไม่ได้ หลังจากข้าขึ้นเป็นฮ่องเต้ จะออกราชโองการให้จากนี้ต่อไปฮ่องเต้จะมีฮองเฮาได้เพียงผู้เดียว ห้ามรับสนมอีกเด็ดขาด หลังจากนั้น…ข้าก็จะสังหารตาแก่ที่ชอบมาตักเตือนพวกนั้นให้หมด ข้าจะได้กลายเป็นฮ่องเต้ทรราช อาหลีคิดว่าอย่างไร”
ครั้นเยี่ยหลีได้ยินดังนั้น ก็รู้สึกเพียงไร้เรี่ยวแรง ก่อนจะโบกมือพลางเอ่ย “เรื่องขึ้นครองบัลลังก์ค่อยว่ากันทีหลังเถิด”