ชายาเคียงหทัย - ตอนที่ 328-2 ฝาแฝดชายหญิงนั้นดีแท้
ม่อตัวน้อย ดึงชายเสื้อสวีฮูหยินรองอย่างทนรอไม่ไหว “ท่านยายๆ เฉินเอ๋อร์อยากดูน้องชายและน้องสาวแล้ว”
ทุกคนหัวเราะขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ เมื่อสวีฮูหยินรองหันกลับมาจะนำเด็กมาให้ม่อซิวเหยาดู ไฉนเลยจะยังมีเงาของม่อซิวเหยาอยู่อีก?
ลูกคลอดออกมาอย่างปลอดภัยแล้ว ทุกคนต่างโล่งใจ รออยู่ที่นี่มาทั้งวันทั้งคืน ต่างเหนื่อยกันมากแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาจารย์ชิงอวิ๋นที่มีอายุแปดสิบปีแล้วนั้น ยิ่งทนไม่ไหว เมื่อเห็นว่าเยี่ยหลีและลูกๆ ปลอดภัย สวีหงอวี่จึงรีบสั่งให้ฉินเจิงและสวีชิงเจ๋อช่วยพาอาจารย์ชิงอวิ๋นและคนอื่นๆ กลับไปพักผ่อน ทุกคนจึงพากันกลับไปพักผ่อนด้วย มีเพียงสวีฮูหยินรองและหมอตำแยเท่านั้นที่ต้องดูแลเด็กสองคนต่อไปอีกครู่หนึ่ง
เยี่ยหลีสะลึมสะลือตื่นขึ้นมาจากฝัน ภายในห้องจุดเทียน ฟ้าด้านนอกมืดแล้ว นางยกมือขึ้นสัมผัสท้องด้วยความเคยชิน แต่พบว่าหน้าท้องกลมๆ ซึ่งอยู่กับนางมาหลายเดือน กลับแบนราบ และทั้งร่างก็เจ็บราวกับถูกฉีกออกครั้งแล้วครั้งเล่า นางขยับร่างกาย ก่อนหางตาจะหันไปมองผมสีเงินข้างเตียง เห็นเพียงม่อซิวเหยานอนฟุบอยู่ข้างเตียง พลางจับมือข้างหนึ่งของนางและผล็อยหลับไป
เยี่ยหลีเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อย ม่อซิวเหยาก็ลืมตาขึ้นอย่างรวดเร็ว พอเห็นเยี่ยหลีมองดูตนอยู่ แววตาที่แฝงไปด้วยความง่วงงุนก็เปล่งประกายออกมาอย่างมีความสุข “อาหลี เจ้าตื่นแล้ว…” เยี่ยหลีพยักหน้า ยกมือขึ้น ก่อนจะลูบผมยาวอันยุ่งเหยิงของเขา พลางถามเบาๆ ว่า “ข้าหลับไปนานเท่าใดแล้ว แล้วลูกๆ เล่า”
ม่อซิวเหยามองออกไปข้างนอก ก่อนจะเอ่ย “ตอนนี้ยามห้าแล้ว เจ้าหลับไปเกือบหนึ่งวันหนึ่งคืน ส่วนลูก…” ดวงตาของม่อซิวเหยาเบิกกว้างเล็กน้อย เขายังไม่เห็นลูกเลย
“ใครก็ได้เข้ามานี่ที!”
ชิงซวงและคนอื่นๆ ที่เฝ้าอยู่ข้างนอกตลอดเข้ามาทันทีที่ได้ยินเสียง “ท่านอ๋อง พระชายาตื่นแล้วหรือเพคะ” ครั้นชิงซวงเห็นเยี่ยหลีตื่นขึ้นก็ดีใจมาก “ข้าจะให้คนไปเตรียมข้าวต้มร้อนๆ มาให้พระชายาเดี๋ยวนี้เพคะ” ม่อซิวเหยาเรียกนางไว้ก่อนจะถามว่า “ลูกข้าเล่า”
ชิงซวงยิ้มพลางเอ่ย “คุณชายน้อยและท่านหญิงน้อยกำลังนอนหลับอยู่ข้างนอก ข้าจะให้แม่นมพาเข้ามาเดี๋ยวนี้เพคะ” ยามชิงซวงพูดจบ ก็รีบเอี้ยวตัวออก
หลังจากนั้นไม่นาน แม่นมหลินและแม่นมเว่ยก็อุ้มก้อนเดินเข้ามา ก่อนจะวางห่อผ้าลงบนที่ว่างบนเตียงข้างกายเยี่ยหลีอย่างระมัดระวัง แล้วยิ้มพลางเอ่ยว่า “พระชายาดูสิ ซื่อจื่อน้อยและท่านหญิงน้อยช่างงดงามเหลือเกิน” เยี่ยหลีก้มมอง แม้ว่าจะรู้อยู่ก่อนแล้วว่าทารกที่เพิ่งคลอดหน้าตาเป็นอย่างไร แต่ก็อดแววตาเป็นประกายไม่ได้ จากสายตาของนาง ไม่อาจเห็นว่าลิงน้อยตัวแดงหน้าตายู่ยี่ทั้งสองตัวงดงามที่ตรงใด ทว่าถงอย่างไรก็เป็นลูกที่คลอดออกมาด้วยตัวเอง ยามที่มองดูสิ่งมีชีวิตตัวเล็กๆ ทั้งสองที่กำลังหลับตาพริ้ม นอนอย่างสบายใจนั้น เยี่ยหลีก็รู้สึกว่าหัวใจพลันอ่อนยวบราวกับปุยน่นก็มิปาน
เยี่ยหลียื่นนิ้วไปสัมผัสใบหน้าแดงก่ำของทารกด้วยความรักใคร่ แล้วก็อดยิ้มออกมาไม่ได้
แม่นมหลินเอ่ย “พระชายา ห่อผ้าสีแดงนี้คือท่านหญิงน้อย ส่วนสีเหลืองคือซื่อจื่อน้อย ท่านหญิงน้อยเหมือนพระชายาเมื่อตอนยังเล็กไม่มีผิดเลยเพคะ”
เยี่ยหลีกระตุกมุมปาก อย่างไรเสียนางก็ไม่เห็นว่าซาลาเปาน้อยนี้เหมือนนางที่ตรงใด นางยิ้มมองม่อซิวเหยาพลางถาม “ซิวเหยาดูสิ” ม่อซิวเหยาที่เดิมทีไม่ได้สนใจซาลาเปาน้อยสองก้อนเท่าไรนัก เมื่อได้ยินคำพูดของแม่นมหลินถึงได้ชะโงกหน้าไปดู หลังจากมองดูอยู่นาน หันหันไปมองหน้าเยี่ยหลีแล้วถึงได้พยักหน้า ก่อนจะเอ่ย “เหมือนจริงๆ ในอนาคตท่านหญิงน้อยของข้าจะต้องงดงามเหมือนอาหลีเป็นแน่” เอาเข้าจริงเขาคนนี้ก็ดูไม่ออกเช่นกัน แต่ก็ถือเป็นความหวังอันดีงาม
เยี่ยหลีได้นอนหลับเป็นเวลาหนึ่งวันหนึ่งคืน เมื่อตื่นขึ้นมาในยามนี้จึงรู้สึกหิวเล็กน้อย หลังจากกินข้าวต้มเนื้อที่ชิงซวงยกมาให้ ถึงได้ไล่ให้ม่อซิวเหยาไปพักผ่อน ม่อซิวเหยาไม่ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่เลยตั้งแต่เยี่ยหลีเริ่มมีอาการปวดท้องเมื่อสองวันก่อน ในเวลานี้เมื่อเห็นว่าเยี่ยหลีปลอดภัยดีแล้ว เขาถึงได้โล่งใจ พอเยี่ยหลีกินข้าวต้มเสร็จเขาก็ลุกไปพักผ่อน
เยี่ยหลีนอนหลับไปเป็นเวลานาน จึงไม่สามารถนอนหลับได้ในเวลานี้ นางวางซาลาเปาน้อยสองก้อนที่ตายังลืมขึ้นไม่ได้ไว้บนเตียงของตนเองแล้วมองดู เมื่อมองดูทารกทั้งสองนอนหลับตาพริ้ม ความรู้สึกอ่อนยวบในหัวใจก็ทะลักออกมาอย่างไม่อาจหยุดยั้ง จนนางต้องก้มลงจูบใบหน้าที่มีรอยย่นทั้งสองดวง ทันทีที่ฟ้าสาง ม่อตัวน้อยผู้ซึ่งได้รับข่าวว่าเยี่ยหลีตื่นแล้ว ก็รีบวิ่งเข้าไปในห้องนอนโดยไม่ได้รายงานก่อน ครั้นเยี่ยหลีเงยหน้าขึ้นไปมองเห็นหัวเล็กๆ ที่มองมาจากด้านนอก จึงอดหัวเราะไม่ได้ “มองอะไรหรือ ยังไม่เข้ามาอีก”
“ท่านพ่อไม่อยู่หรือ” ม่อตัวน้อยกวาดสายตามองไปรอบๆ ห้อง ราวกับเมื่อเขาจะแน่ใจว่าม่อซิวเหยาไม่ได้อยู่ที่นี่จริงๆ แล้วถึงจะเดินเข้ามาได้ด้วยความสบายใจ เขาวิ่งเหยาะๆ ไปถึงตรงหน้าเยี่ยหลี มองดูตุ๊กตาตัวน้อยสองตัวที่นอนเรียงอยู่เคียงข้างกันบนเตียง “ท่านแม่ ไม่เป็นอะไรแล้วใช่หรือไม่” เยี่ยหลีลูบหัวเล็กๆ ของลูกชายด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะเอ่ยพลางยิ้ม “แม่ไม่เป็นอะไรแล้ว มาดูน้องสาวกับน้องชายเจ้าสิ”
จากนั้นม่อตัวน้อยก็ปีนขึ้นไปบนเตียง คุกเข่าลงมองดูซาลาเปาสองก้อน ก่อนจะเอื้อมมือน้อยๆ เข้าไปแหย่อย่างสงสัย พลางถาม “ไฉนน้องสาวและน้องชายเหมือนลิงน้อยหน้าย่นเพียงนี้ ไม่เห็นน่ารักเลย”
เยี่ยหลีรีบจับมือจอมปัญหาของเขาออก ก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้ม “อีกไม่กี่วัน ก็จะกลายเป็นทารกน้อยตัวอ้วนแล้ว ตอนที่ตัวน้อยเกิดมาก็เป็นแบบนี้เช่นกัน”
“อะไรนะ” ม่อตัวน้อยเกิดความสงสัย ทั้งยังนึกรังเกียจและไม่เชื่ออยู่เล็กน้อย เขาจะน่าเกลียดและมีรอยย่นได้แบบนี้อย่างไร ทั้งๆ ที่ท่านป้าบอกชัดเจนว่าตอนเขาเกิดมาเป็นทารกตัวอ้วนผิวขาว ทว่า…ดูน้องชายและน้องสาวที่หลับใหลอย่างน่าเอ็นดูอีกครั้ง อันที่จริงก็ไม่ได้น่าเกลียดขนาดนั้น ม่อตัวน้อยพยักหน้าอย่างแรงในใจ แม้ว่าน้องชายและน้องสาวจะน่าเกลียดนิดหน่อย แต่เขาก็จะเอ็นดูพวกเขาและทำดีกับพวกเขามากๆ มากๆ จะดีกว่าที่ทำกับเหลิ่งเอ๋อน้อยและสวีจือรุ่ยเลยด้วย!
“คิดอะไรอยู่” เยี่ยหลีเห็นม่อตัวน้อยที่พยักหน้าและส่ายหัวราวกับกำลังคิดอะไรอยู่แล้วยกมือขึ้นลูบหัวเขา
ม่อตัวน้อยยิ้มเอ่ย “ท่านแม่ ตัวน้อยจะรักน้องชายและน้องสาวให้มากๆ”
เยี่ยหลียิ้มเอ่ย “แม่รู้ว่าตัวน้อยจะเป็นพี่ชายที่ดี”
ครั้งก่อนตอนที่คลอดม่อตัวน้อย เยี่ยหลีไม่ได้อยู่เดือนเป็นครบหนึ่งเดือนเหมือนคนอื่นๆ ในชาติก่อนมีผู้หญิงจำนวนไม่น้อยพอคลอดลูกเสร็จ หนึ่งสัปดาห์ต่อมาก็ไปไหนมาไหนไปทั่ว สำหรับชาวตะวันตกยิ่งไม่มีการอยู่เดือนให้พูดถึงเลย แน่นอนว่าเยี่ยหลีเองก็ไม่มีความอดทนที่จะอยู่เดือนจนเต็มเดือนเช่นนั้น ไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น แค่สองสามเดือนนี้ก็มีเรื่องให้ต้องทำอีกมากมายมหาศาล แต่ถึงกระนั้นเยี่ยหลีก็ยังถูกสวีฮูหยินรองและแม่นมทั้งสองบังคับให้นอนอยู่กับเตียงเป็นเวลาครึ่งเดือน ถึงจะอนุญาตให้นางเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ
ช่วงปลายเดือนห้า ตำหนักติ้งอ๋องได้ส่งเทียบเชิญถึงผู้มีอำนาจและมีชื่อเสียงของแคว้นเพื่อนบ้าน โดยเชิญพวกเขาให้เข้าร่วมงานวันเกิดครบรอบแปดสิบปีของอาจารย์ชิงอวิ๋นในช่วงปลายเดือนหก สิ่งที่ไปถึงพร้อมกับเทียบเชิญยังมีอีกข่าวหนึ่ง นั่นคือในเดือนห้าพระชายาติ้งอ๋องได้ให้กำเนิดฝาแฝดชายหญิง ตำหนักติ้งอ๋องมีทายาทเพิ่มแล้ว ข่าวการตั้งครรภ์ของเยี่ยหลีเดิมทีถูกเผยแพร่ในหมู่แม่ทัพใต้บังคับบัญชาของตำหนักติ้งอ๋องเท่านั้น แต่ยังไม่ได้ประกาศให้คนภายนอกรู้ แม้ว่าบุคคลภายนอกจะรู้สึกแปลกๆ อยู่บ้าง ว่าเหตุใดพระชายาที่ไปไหนมาไหนกับติ้งอ๋องมาโดยตลอด ไม่ได้มีส่วนร่วมในสงครามแห่งฉู่จิงเช่นทุกครั้ง แต่หลายคนก็คิดเพียงว่าพระชายาอยู่ประจำการที่ซีเป่ยเท่านั้น จึงไม่สนใจอะไรมาก ตอนนี้ทันทีที่มีข่าวเผยแพร่ออกไป ก็ทำให้ผู้คนพากันอิจฉาริษยาติ้งอ๋อง เขาเพิ่งเมืองหลวงของซีปลิงและต้าฉู่ได้ไม่เท่าไร พระชายาก็คลอดบุตรเป็นฝาแฝดชายหญิงอีก ราวกับว่าสวรรค์นำพรทั้งหมดมาอำนวยให้แก่ม่อซิวเหยาแต่เพียงผู้เดียว