ชายาเคียงหทัย - ตอนที่ 329-3 พระชายาเห่อหลัน
เพียงได้พบม่อซิวเหยา รังสีอันองอาจผึ่งผายของผู้ปกครองบ้านเมืองพลันหายไปอย่างไร้ร่องรอยในชั่วพริบตา แปรเปลี่ยนเป็นหน้าตาอันบิดเบี้ยวที่แสนดุร้าย คนที่ต่อให้มีปณิธานอันยิ่งใหญ่ เพื่อผืนดินของใต้หล้าแล้วยอมสละได้แม้กระทั่งชีวิตเช่นเขา เมื่อต้องเผชิญหน้ากับฆาตกรที่สังหารภรรยาและลูกของตน ก็ยังไม่อาจควบคุมตนเองได้ดีเท่าที่จินตนาการไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อฆาตกรยิ้มให้ด้วยใบหน้าที่มีความสุขเช่นนี้ ม่อซิวเหยาไม่สนใจว่าเหรินฉีหนิงจะคิดอย่างไร อันที่จริงยิ่งเหรินฉีหนิงไม่มีความสุขเท่าไร เขาก็จะยิ่งมีความสุขมากขึ้นเท่านั้น เมื่อเห็นเหรินฉีหนิงมีสีหน้าเช่นนี้ จึงเลิกคิ้ว ก่อนจะถาม “เป่ยจิ้งอ๋อง เป็นอะไรไปหรือ ไม่เจอกันปีสองปี นิสัยเปลี่ยนไปเยอะเลยนะ หรือว่าตำหนักติ้งอ๋องของข้าต้อนรับอะไรไม่ดีหรือ”
เหรินฉีหนิงกัดฟันด้วยความอดทน เอ่ยเสียงทุ้ม “ติ้งอ๋องล้อเล่นแล้ว เดินทางมาเหนื่อยน่ะ ข้าแค่เพลียนิดหน่อยเท่านั้น”
“เป็นเช่นนี้นี่เอง” ม่อซิวเหยายิ้มพลางเอ่ย “ข้าคิดไม่ถี่ถ้วนเอง เช่นนั้น…เป่ยจิ้งอ๋องไปพักที่โรงเตี๊ยมก่อนดีกว่าหรือไม่ ตอนเย็นข้าค่อยมาต้อนรับเป่ยจิ้งอ๋องอีกรอบหนึ่ง”
“ไม่ต้องแล้ว ข้าคารวะอาจารย์ชิงอวิ๋นก่อนดีกว่า จะได้ไม่เสียมารยาท” เหรินฉีหนิงเอ่ย
“เป่ยจิ้งอ๋องไม่ต้องสนใจหรอก ท่านตาเขาเข้าใจ” เข้าใจอะไร เข้าใจว่าคนเป่ยจิ้งไม่มีมารยาทหรือ
“ติ้งอ๋อง ท่านนี้คือพระชายาติ้งอ๋องผู้มีชื่อเสียงโด่งดังใช่หรือไม่” เมื่อเห็นว่าสีหน้าของเหรินฉีหนิงเริ่มดูไม่ได้มากขึ้น สตรีรูปงามในอาภรณ์วิจิตรตระการตาข้างกายเหรินฉีหนิงจึงเอ่ยปากถามขึ้น ในตอนนั้นม่อซิวเหยาจึงเพิ่งเห็นว่าข้างกายของเหรินฉีหนิงมีสตรียืนอยู่สองนาง รูปลักษณ์พวกนางต่างดูไม่ธรรมดา หนึ่งในนั้นเป็นหญิงสาวในชุดสีฟ้าดวงหน้างามหยด อ่อนหวานละมุมละไม แค่เห็นก็รู้ได้ว่าเป็นสตรีที่มาจากจงหยวน ส่วนหญิงสาวรูปงามหน้าตาสดใจที่พูดขึ้นนั้น ผิวพรรณไม่ได้ขาวดั่งหยกเฉกเช่นสตรีในจงหยวน ทว่ามีสีผิวสุขภาพดีเสมือนรำข้าว แม้รูปลักษณ์จะเพริศพริ้ง แผ่มวลรังสีแห่งความสูงส่ง ทว่ามองดูแล้วกลับไม่หยิ่งผยอง
เยี่ยหลีก้าวไปข้างหน้าก้าวหนึ่ง อมยิ้มพลางเอ่ย “มิบังอาจเป็นผู้โด่งดังมีชื่อเสียง ข้าคือเยี่ยหลี ไม่ทราบว่าท่านผู้นี้…”
เหรินฉีหนิงเอ่ย “นี่คือพระชายาเห่อหลันของข้า ส่วนนี่คือสนมอวิ๋น”
เยี่ยหลียิ้มในใจ การเคลื่อนไหวของเหรินฉีหนิงถือว่ารวดเร็วไม่น้อย นี่เพิ่งจะไม่กี่เดือนกลับหาภรรยาและอนุมาได้ครบแล้ว ออกนอกบ้านนอกจากพาภรรยามาแล้ว ยังไม่ลืมที่จะพาอนุมาด้วย เกรงว่าการต่อสู้กันระหว่างคนเป่ยจิ้งในพื้นที่และคนจงหยวนคงจะรุนแรงไปมากแล้วกระมัง เยี่ยหลีไม่ได้มองหญิงสาวในชุดฟ้า หากแต่มองพระชายาเห่อหลันผู้มีรูปลักษณ์เพริศพริ้ง พลางยิ้มด้วยไมตรี “การที่พระชายามาเยือนเมืองหลี ช่างเป็นเกียรติแก่ตำหนักติ้งอ๋องอย่างแท้จริง เป่ยจิ้งอ๋อง พระชายา เชิญด้านในเถิด”
พระชายาเห่อหลันพินิจเยี่ยหลีอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนยิ้มเอ่ย “แม้ข้าจะไม่ค่อยเข้าใจภาษาที่เจ้าพูด แต่ข้ารู้ว่าเจ้ากำลังชมข้า พระชายาติ้งอ๋อง ข้าชอบเจ้ามาก” เยี่ยหลีอดยิ้มตาหยีไม่ได้ ก่อนจะเอ่ย “ขอบคุณความเมตตาของพระชายา เชิญด้านในเถิด” พระชายาเห่อหลันก็ไม่ได้เกรงใจ เดินเข้าไปข้างๆ เยี่ยหลี ก่อนจะจับมือเยี่ยหลีให้เดินไปด้วยกัน ม่อซิวเหยาที่ยืนอยู่ด้านข้างขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะยกมือขึ้นมาห้ามมือของเห่อหลัน พระชายาเห่อหลันหันมามอง ก่อนจะยกมือขึ้นพุ่งฝ่ามือเข้าใส่ม่อซิวเหยา
มือเรียวยาวข้างหนึ่งแทรกเข้ามาตรงกลาง จับข้อมือของนางเอาไว้ ระหว่างนั้นเยี่ยหลียิ้มมองนาง พลางเอ่ย “พระชายาเห่อหลัน ท่านอ๋องของข้าไม่ชอบลงมือกับผู้หญิงมาแต่ไหนแต่ไร ให้ข้าเล่นเป็นเพื่อนท่านจะดีกว่า”
แววตาของพระชายาเห่อหลันเป็นประกาย ยิ้มพลางเอ่ย “ดีเลย” พอผละมือออกจากเยี่ยหลี เห่อหลันก็ดึงแส้ยาวสีสันสดใสที่พกติดตัวออกมา ก่อนจะยิ้มให้เยี่ยหลีพลางเอ่ย “ตอนที่ข้าอยู่เป่ยจิ้งก็ได้ยินว่าพระชายาแห่งตำหนักติ้งอ๋องเก่งกาจ อยากจะประลองกับท่านอยู่พอดี ข้าลงมือแล้วนะ” เอ่ยจบ แขนพลันสะบัดแส้ยาวไปทางเยี่ยหลี เยี่ยหลียิ้มเย็น เคลื่อนไหลหลบหลีกอย่างคล่องแคล่ว ก่อนจะชักกระบี่ยาวจากในมือฉินเฟิงที่ยืนอยู่ข้างๆ ออกมา ครั้นดาบสะท้อนเป็นประกายทั้งสองก็เริ่มต่อสู้กันทันที
“เห่อหลัน!” การกระทำอันอุกอาจของพระชายาเห่อหลันนั้นเหนือความคาดคิดของเหรินฉีหนิงไป เขาจึงตะโกนเรียกนางเสียงต่ำ
ทว่าม่อซิวเหยากลับไม่แยแส มองทั้งสองที่กำลังประลองกันอยู่ด้วยสีหน้านิ่งสงบ ยิ้มพลางเอ่ย “เป่ยจิ้งอ๋องไม่ต้องสนใจหรอก แลกเปลี่ยนความรู้กันสักหน่อยเท่านั้นเอง อาหลีทำอะไรอย่างมีขอบเขตมาตลอด ไม่ทำให้พระชายาเห่อหลันบาดเจ็บหรอก” คำพูดนี้ของม่อซิวเหยาไม่มีทางหยอกล้อต่อเหรินฉีหนิงเป็นแน่ คนที่อยู่ในสถานที่ต่างมองออกว่า แม้วรยุทธ์ของพระชายาเห่อหลันจะไม่เลว ทว่าเมื่อเทียบกับเยี่ยหลีผู้ผ่านสนามรบมาแล้วนั้นยังถือว่าห่างไกลอยู่มาก
เหรินฉีหนิงหน้าดำคร่ำเครียด เอ่ย “พระชายาข้าเสียมารยาทแล้ว ขอบคุณที่ติ้งอ๋องไม่ถือสา”
ม่อซิวเหยายิ้มบางๆ ก่อนจะหันเหสายตาไปยังร่างอ่อนหวานแช่มช้อยที่หน้าประตู
หญิงสาวชุดฟ้าที่ยืนอยู่ข้างๆ เหรินฉีหนิง ผู้ถูกบังคับให้สมรสพร้อมกับเห่อหลันนั้น นางเป็นบุตรสาวของคนสนิทของเหรินฉีหนิง และแน่นอนว่านางเป็นที่โปรดปรานมากกว่าพระชายาเห่อหลันที่เกิดในราชวงศ์เป่ยจิ้ง แต่วันนี้ที่ตำหนักติ้งอ๋อง ทั้งติ้งอ๋องและพระชายาติ้งอ๋องต่างเมินเฉยต่อนาง ซึ่งทำให้สนมอวิ๋นที่เดิมทีได้รับการประจบประแจงจนหยิ่งผยอง สุดที่จะทานทนได้
ในเวลานี้เมื่อเห็นว่าพระชายาติ้งอ๋องกับพระชายาเห่อหลันได้รับความสนใจจากผู้คนทั้งหมด จึงยิ่งทำให้นางไม่สบอารมณ์ ก่อนจะกระซิบอย่างอดไม่ได้ “ว่ากันว่าพระชายาติ้งอ๋องเกิดในตระกูลผู้มีความรู้มิใช่หรือ ไฉนถึงไม่เชิญแขกเข้าไปนั่งด้านใน กลับมาต่อสู้กับผู้อื่นที่หน้าประตูเช่นนี้เสียได้” นางคิดว่าพูดเสียงเบาแล้ว ทว่าคนที่อยู่ ณ ที่นั้นมีใครบ้างที่ไม่ได้เป็นยอดฝีมือและมีวรยุทธิ์ไม่แก่กล้า ม่อซิวเหยากวาดสายตาไปที่นางด้วยความเย็นชา ระหว่างที่กวาดสายไปมองนั้นก็แผ่รังสีความเยือกเย็นออกไปด้วยเล็กน้อย เยี่ยหลีและพระชายาเห่อหลันที่กำลังต่อสู้กันอยู่นั้น ก็ผละออกจากกันตอนที่นางเพิ่งพูดจบเช่นกัน ทั้งคู่ต่างกลับไปยังตำแหน่งเดิมของตัวเอง เยี่ยหลีอมยิ้ม เอ่ย “ฝีมือของพระชายาเห่อหลันไม่ธรรมดา หากมีเวลาว่างมาประมือด้วยกันอีกดีหรือไม่”
พระชายาเห่อหลันยิ้ม เอ่ย “ย่อมได้ พระชายาติ้งอ๋องเก่งกาจสมคำเล่าลือจริงๆ ข้าเลื่อมใส ข้านับเจ้าเป็นเพื่อนก็แล้วกัน!”
เยี่ยหลียิ้ม ก่อนจะเอ่ย “การที่ได้มีพระชายาเป็นเพื่อน ถือเป็นเกียรติแก่เยี่ยหลีอย่างมาก เป่ยจิ้งอ๋อง พระชายาเห่อหลัน เชิญด้านในเถิด”
เหรินฉีหนิงพินิจเยี่ยหลีอย่างล้ำลึก ก่อนจะยิ้มบางๆ “ขอบคุณพระชายามาก ไม่ได้เจอกันนาน ยังคงมีสง่าราศีดั่งเดิม”
เยี่ยหลียิ้มอย่างสง่างาม “เป่ยจิ้งอ๋องชมเกินไปแล้ว”