ชายาเคียงหทัย - ตอนที่ 332-1 จักรพรรดินีอันซี
ผ่านไปไม่กี่วัน องค์หญิงอันซีก็มาถึงเมืองหลีพร้อมกับพระสวามีของตน นางมาถึงพร้อมกับทูตที่ฮ่องเต้แห่งซีหลิงส่งมา แม้ว่าฮ่องเต้จะมิได้เสด็จมาด้วยองค์เอง แต่ในสถานการณ์ที่เจิ้นหนานอ๋องมาถึงแล้วนั้น เขาจึงได้ส่งทูตมาเป็นตัวแทน แม้แต่คนนอกก็มองเห็นได้ชัดเจนว่าความสัมพันธ์ระหว่างฮ่องเต้แห่งซีหลิงกับเจิ้นหนานอ๋องนั้นตึงเครียดเพียงใด ไม่รู้ว่าคนที่ดูแลแขกสูงศักดิ์เหล่านี้จงใจหรือประมาทเลินเล่อกันแน่ ถึงได้จัดให้ทูตของฮ่องเต้แห่งซีหลิงกับเจิ้นหนานอ๋องไว้ในบริเวณเดียวกัน แต่ถึงอย่างไรพวกเขาต่างเป็นคนซีหลิงด้วยกัน ส่วนตอนที่คนทั้งสองฝ่ายอยู่ด้วยกันจะเกิดอะไรขึ้นบ้างนั้นก็ไม่เกี่ยวข้องกับตำหนักติ้งอ๋องแล้ว
แขกที่มาช้าที่สุดคือเป่ยหรง แต่ทูตที่ชาวเป่ยหรงส่งมานั้นมีคุณค่ามากพอ เป่ยหรงอ๋องอายุมากแล้วย่อมมาเองไม่ได้ ทูตที่ส่งมาในครั้งนี้ จึงได้แก่ รัชทายาทเยียหลี่ว์หงแห่งเป่ยหรงและเยียหลี่ว์เหยี่ย องค์ชายเจ็ดแห่งเป่ยหรง ซึ่งอาจกล่าวได้ว่าวีรบุรุษผู้มีอำนาจมากที่สุดในใต้หล้าได้มารวมตัวกันที่เมืองหลีในเวลาเดียวกัน ครั้งสุดท้ายที่มีงานใหญ่เช่นนี้ ก็คงเป็นงานฉลองอายุครบหนึ่งเดือนของม่อตัวน้อยกระมัง
เยี่ยหลีได้พบองค์หญิงอันซีอีกครั้ง แต่นางกลับต้องประหลาดใจ เพราะองค์หญิงอันซีตั้งครรภ์ได้ห้าเดือนแล้ว
ภายในตำหนักติ้งอ๋อง เมื่อเห็นองค์หญิงอันซีในชุดจักรพรรดินีสีขาว หน้าท้องที่เคยแบนในอดีต ตอนนี้นูนขึ้นเล็กน้อย เยี่ยหลีรีบให้ชิงซวงที่อยู่ใกล้เคียงไปประคององค์หญิงอันซีให้นั่งลง “ตั้งครรภ์แล้วจะมาถึงที่นี่ทำไมกัน พระสวามีไม่กังวลหรือ” องค์หญิงอันซียิ้มสดใส “ผู้หญิงหนานจ้าวอย่างพวกเรา ไม่ได้บอบบางเหมือนผู้หญิงในจงหยวนเช่นเจ้า แค่ท้องสี่ห้าเดือน จะไปลำบากอะไร ต่อให้เป็นเจ็ดแปดเดือน ข้าก็ไปไหนมาไหนได้อยู่ดี”
เมื่อเห็นองค์หญิงอันซีมีดวงหน้าอมชมพู ไม่มีความเหนื่อยล้าหรือซีดเผือดเลย เยี่ยหลีถึงได้วางใจ พินิจไปที่การเปลี่ยนแปลงของนางอย่างละเอียด ก่อนจะยิ้ม “ดูเหมือนว่าองค์หญิง…จักรพรรดินีกับพระสวามีจะมีความสัมพันธ์ที่ดีนะเพคะ” องค์หญิงอันซีก้มหน้า ก่อนจะยิ้มบางๆ เมื่อพูดถึงพระสวามีผู่อา รอยยิ้มบนใบหน้านางพลันอ่อนโยนขึ้นเล็กน้อย ยิ้มอ่อนๆ พลางเอ่ย “เขาเป็นคนที่ซื่อสัตย์และไม่ใช่คนพูดจาอ้อมค้อมดั่งคนจงหยวน การได้มีพระสวามีเช่นนี้ ถือเป็นโชคดีของข้าแล้วไม่ใช่หรือ”
เยี่ยหลียิ้มอย่างมีความสุข ความรักอันลึกซึ้งขององค์หญิงอันซีที่มีต่อสวีชิงเฉินนั้นได้ถูกำหนดไว้แล้วว่าไม่อาจลงเอยและได้รับการตอบรับ จึงเป็นการดีที่นางจะค้นพบความสุขของตัวเอง ทั้งสองนั่งลง ชิงซวงยกน้ำผลไม้ที่เหมาะกับสตรีมีครรภ์มาให้องค์หญิงอันซีอย่างใส่ใจ ก่อนจะถอยออกไป
เยี่ยหลีมององค์หญิงอันซี ยิ้มพลางเอ่ย “จะว่าไปแล้ว พวกท่านมาพร้อมกับทูตของฮ่องเต้แห่งซีหลิงได้อย่างไร” นี่ไม่ใช่แค่ความอยากรู้อยากเห็นของเยี่ยหลีเพียงคนเดียว เกรงว่าผู้อื่นก็คงพากันคาดเดาไปต่างๆ นานาเช่นกัน แม้ว่าหนานจ้าวสามารถเดินทางมายังเมืองหลีผ่านซีหลิงได้ แต่เส้นทางกลับทุลักทุเลกว่าเดินทางผ่านด่านซุ่นเสวี่ยเสียอีก น่าแปลกที่องค์หญิงอันซีซึ่งกำลังตั้งครรภ์ กลับเลือกใช้เส้นทางที่ต้องผ่านซีหลิง ทั้งยังมาพร้อมกับทูตของซีหลิงอีก องค์หญิงอันซีก็ไม่ปิดบัง ยิ้มเล็กน้อย “ก่อนมาเมืองหลี เราไปที่เมืองหลวงซีหลิงมาน่ะ”
ทุกคนต่างฉลาดและเข้าได้โดยง่ายดาย เยี่ยหลีเงยหน้าขึ้นมองนาง พลางอมยิ้มและพูดว่า “ท่านจะร่วมมือกับ…ฮ่องเต้แห่งซีหลิงหรือ”
องค์หญิงอันซีถอนหายใจอย่างจนปัญญา เอ่ย “ร่วมมือกับฮ่องเต้ซีหลิงถือเป็นการดีกว่าที่จะร่วมมือกับกับเหลยเจิ้นถิงมิใช่หรือ ตอนนี้เหลยเจิ้นถิงอยู่ตรงกลางระหว่างต้าฉู่ ทางเหนือมีกองทัพตระกูลม่อ ทางใต้มีแม่น้ำอวิ๋นหลันซึ่งเป็นสิ่งกีดขวางทางธรรมชาติ หากเขาต้องการหลุดออกจากสถานการณ์อันตึงเครียดในตอนนี้ หากไม่ข้ามผ่านสิ่งกีดขวางทางธรรมชาติไปสู้รับกับม่อจิ่งหลี เช่นนั้นก็ต้องมาต่อกรกับหนานจ้าวของพวกเราแล้ว หนานจ้าวเป็นแคว้นเล็ก เทียบกับซีหลิงที่มีกำลังทหารแข็งแกร่งไม่ได้ จึงไม่อาจปล่อยให้เขาชิงลกมือกับหนานจ้าวก่อนได้ เช่นนั้นก็มีแต่จะต้องรวมมือกับฮ่องเต้แห่งซีหลิงแล้ว ข้าหวังเพียงว่าฮ่องเต้แห่งซีหลิงจะไม่โง่เขลาจนเกินไป”
เยี่ยหลีอมยิ้ม เอ่ย “ฮ่องเต้แห่งซีหลิงนั้นสู้เหลยเจิ้นถิงไม่ได้อยู่เล็กน้อย แต่กระนั้นก็ไม่ใช่คนโง่เขลาโดยแท้จริง เพียงแต่เหลยเถิงเฟิงยังคงประจำการณ์อยู่ในเมืองอัน เขาจะให้พวกท่านร่วมมือกันได้อย่างราบรื่นหรือ”
องค์หญิงอันซียิ้มพลางเอ่ย “เหลยเถิงเฟิงเป็นปัญหาจริงๆ แต่ช่วงนี้เขาก็ประสบปัญหามามากเช่นกัน”
“หืม” เยี่ยหลีม่นคิ้วงามด้วยความสงสัย แม้ว่าเหลยเถิงเฟิงจะถูกชื่อเสียงของบิดาเขากดทับไว้ จึงทำให้ไม่ได้ดูโดดเด่นขนาดนั้น ทางด้านการทหารก็ดูเหมือนจะไม่ได้มีผลงานอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน แต่นั่นเป็นเพราะคู่ต่อสู้ที่เขาต้องเผชิญคือม่อซิวเหยา ข่าวสารจากสายลับของตำหนักติ้งอ๋องนั้นเพียงพอที่จะพิสูจน์แล้วว่า เหลยเถิงเฟิงไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป องค์หญิงอันซียิ้มก่อนจะเอ่ย “เจ้าจำไม่ได้หรือ ว่าสำนักเยี่ยนอ๋องกับเจิ้นหนานอ๋องมีความแค้นต่อกัน เพียงแต่ช่วงที่ผ่านมานี้เจิ้นหนานอ๋องแข็งแกร่งเกินไป ต่อให้สำนักเยี่ยนอ๋องแกร่งกล้าเพียงใดก็เป็นเพียงแค่สหภาพแห่งเจียงหนานเท่านั้น ย่อมทำอะไรเขาไม่ได้ ตอนนี้เมืองหลวงซีหลิงเพิ่งย้ายมาอยู่ที่เมืองอัน อำนาจของตำหนักเจิ้นหนานอ๋องก็ถูกทำลายลงอย่างมหาศาล วันเวลาของเหลยเถิงเฟิงที่เมืองอันจึงไม่สู้ดีเท่าที่ควร”
“เช่นนี้นี่เอง” เยี่ยหลีพยักหน้า พลางยิ้มพร้อมกับเอ่ย “ข้าไม่รู้ว่าหลิงเถี่ยหานกับเหลยเถิงเฟิงมีความแค้นอะไรต่อกัน น่าจะไม่ใช่ความแค้นที่ใหญ่หลวงอะไรกระมัง” ถ้าความแค้นฝังลึกจริงๆ จนไม่อาจอยู่ใต้ฟ้าเดียวกันได้ ดูจากพละกำลังของหลิงเถี่ยหานและสำนักเยี่ยนอ๋องแล้ว ความเป็นไปได้ที่จะสังหารเหลยเจิ้นถิง แล้วพุ่งตรงไปต่อสู้กับเหลยเถิงเฟิงจนตายไปด้วยกันทั้งสองฝ่ายนั้นมีโอกาสสูงมาก แต่หลิงเถี่ยหานไม่เคลื่อนไหวใดๆ อีกทั้งพวกเขาก็เคยเจอหน้ากันหลายครั้ง ทว่าก็ไม่เคยลงมือทำร้ายเหลยเจิ้นถิงจริงๆ เสียที จึงน่าจะเป็นความแค้นที่สามารถให้อภัยกันได้กระมัง
องค์หญิงอันซีลูบท้องนูนเบาๆ ก่อนจะยิ้มพลางเอ่ย “เรื่องนี้ข้าได้ยินจากฮ่องเต้แห่งซีหลิงมาบ้าง เหมือนจะเกี่ยวข้องกับพระชายาเจิ้นหนานอ๋องผู้ล่วงลับ หลังจากพระชายาเจิ้นหนานอ๋องคลอดเหลยเถิงเฟิงได้ไม่นานก็เสียชีวิต ว่ากันว่าการตายมีเงื่อนงำ ฮ่องเต้ซีหลิงไม่ได้พูดถึงรายละเอียด ผู้ใดเลยจะรู้ได้” เยี่ยหลีม่นคิ้ว ก่อนจะครุ่นคิด เอ่ย “หากท่านตัดสินใจร่วมมือกับฮ่องเต้แห่งซีหลิงจริงๆ สืบเรื่องนี้ให้ดีก่อนจะดีกว่า แม้ข้าจะเชื่อว่าหลิงเถี่ยหานเป็นคนดี แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ หากอยู่ในช่วงเวลาสำคัญ ถูกคนอื่นแทงข้างหลังเข้า จะยุ่งยากเอาได้”
องค์หญิงอันซีพยักหน้าด้วยรอยยิ้มอบอุ่น ก่อนจะเอ่ย “ข้าเข้าใจแล้ว ขอบคุณที่เตือน” ไม่มีสันติภาพและมิตรภาพอันถาวรระหว่างแคว้น เรื่องนี้ต่างเป็นสิ่งที่พวกเขารู้กันดี บางทีพวกเขาอาจจะเป็นศัตรูกันในอนาคต แต่อย่างน้อยตอนนี้องค์หญิงอันซีก็รู้ว่า เยี่ยหลีเป็นห่วงนางจริงๆ
“อย่าพูดเรื่องน่าหงุดหงิดพวกนี้เลย” เยี่ยหลียิ้ม ก่อนจะเอ่ย “องค์หญิงซีสยามาเมืองหลีกับม่อจิ่งหลีด้วย ท่านอยากเจอนางหรือไม่”
องค์หญิงอันซีขมวดคิ้วเล็กน้อย ส่ายหัวแล้วพูดว่า “ช่างเถิด นางไม่เห็นข้าเป็นพี่สาว ข้าก็คิดเสียว่าไม่มีนางเป็นน้องสาวแล้วกัน หลายปีมาแล้ว นางไปอยู่กับม่อจิ่งหลีอย่างไร้สถานะ นางเปิดเผยความลับของหนานจ้าวให้ม่อจิ่งหลีไปไม่รู้เท่าไร ในอนาคตนางจะเป็นอย่างไรก็สุดแล้วแต่บุญวาสนาของนางเองก็แล้วกัน เพียงแต่ข้ายังไม่เจอซื่อจื่อน้อยและท่านหญิงน้อยของพวกเจ้าเลยนะ”
เยี่ยหลียิ้ม “จะไปยากอะไร” ก่อนจะหันไปบอกให้ชิงซวงอุ้มซาลาเปาน้อยสองคนออกมา และเรียกให้ฉินเฟิงไปตามซื่อจื่อน้อยมาด้วย
ครู่ต่อมา ม่อตัวน้อยก็ปรากฏตัวขึ้นที่ประตู รวดเร็วราวกับลมกระโชกแรง “ท่านแม่ ตามหาลูกอยู่หรือ” เมื่อเห็นคนแปลกหน้าที่นั่งถัดออกไป รอยยิ้มบนใบหน้าม่อตัวน้อยค่อยๆ เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มที่สุภาพ เยี่ยหลียิ้มและโบกมือให้เขา ก่อนจะเอ่ย “นี่คือจักรพรรดินีอันซีแห่งหนานจ้าว ยังไม่รีบคารวะอีก” ม่อตัวน้อยจึงเดินเข้าไปข้างหน้า ก่อนจะเอ่ยเสียงดัง “ม่ออวี้เฉินคารวะจักรพรรดินีอันซี”