ชายาเคียงหทัย - ตอนที่ 332-3 จักรพรรดินีอันซี
“เอากลับไปหรือ” เยี่ยหลีเลิกคิ้ว ม่อจิ่งหลีนี่เพ้อเจ้อจริงๆ กองทัพตระกูลม่อยึดเมืองฉางซิงมาได้แล้ว ตอนที่เคลื่อนพลไปช่วย ก็ถูกกองทัพเป่ยหรงสกัดกั้นอย่างรุนแรง คนตายไปไม่รู้เท่าไร ม่อจิ่งหลีจะมาพูดแค่ไม่กี่ประโยคแล้วคิดว่าจะเอากลับไปได้อย่างนั้นหรือ ตำหนักติ้งอ๋องไม่ได้ทำการกุศลเสียหน่อย ม่อซิวเหยาก็ไม่ใช่นักบุญด้วย
ม่อซิวเหยาเกยคางบนไหล่นางอย่างเกียจคร้าน ก่อนจะหัวเราะเยาะ “ต่อให้เอาคืนไปได้แล้วอย่างไรเล่า เขาจะรักษาไว้ได้หรือ”
เยี่ยหลีก็ยิ้มออกมาเช่นกัน ตอนนี้กองกำลังของต้าฉู่ล้วนอยู่ที่เจียงหนาน ทางตอนเหนือของเจียงหนานก็ถูกฝ่ายอื่นรุกล้ำไปนานแล้ว อย่าว่าแต่พวกเขาไม่มีวันหวนกลับไปยังฉู่จิงเลย เกรงว่าต่อให้ม่อซิวเหยาคืนฉู่จิงให้จริงๆ ก็ไม่แน่ว่าม่อจิ่งหลีจะกล้ารับเอาไว้ เพราะเมื่อรับไปยังต้องส่งทหารไปประจำการณ์ ส่งขุนนางไปดูแล เรื่องเหล่านี้จะไม่พูดถึงก็ได้ แต่หากให้ฉู่จิงตกไปอยู่ในมือของเป่ยหรงหรือเป่ยจิ้งอีกครั้งคราวนี้หน้าของม่อจิ่งหลีคงได้ถูกโยนลงไปเหยียบย่ำกับพื้นอย่างแท้จริง
“เช่นนั้นเขามาเพื่ออะไรกันแน่” เยี่ยหลีไม่เข้าใจ
“กินข้าวอิ่มแล้วว่างจึงอยากมาอาละวาดสักหน่อยน่ะสิ เมื่อครู่ตอนอยู่ที่สวนดอกไม้ เขาได้ทำให้อาหลีลำบากใจหรือไม่” ม่อซิวเหยาลูบผมเยี่ยหลีด้วยความรักใคร่พลางถามด้วยเสียงแผ่วเบา เยี่ยหลียิ้มบางๆ เอ่ย “เขาจะทำให้ข้าลำบากใจได้อย่างไร” ม่อซิวเหยายิ้มพลางเอ่ย “ก็ไม่แน่ เขาเห็นพวกเราอยู่กันอย่างมีความสุข ย่อมเกิดความอิจฉาริษยา อาจจะบอกกับเจ้าว่าเพราะเจ้าอยากแก้แค้นเขา จึงช่วยข้าทำอย่างโน้นอย่างนี้กระมัง” เยี่ยหลีถึงกับนิ่งอึ้งไป ม่อจิ่งหลีคิดเช่นนี้จริงๆ นางเงยหน้าขึ้น พลางใช้สองมือจับใบหน้ารูปงามของม่อซิวเหยา เยี่ยหลีเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง “อย่าไปเดาความคิดของคนสติไม่สมประกอบเลย มันแพร่เชื่อได้นะ”
ม่อซิวเหยากะพริบตาปริบๆ แต่ในชั่วพริบตาก็เข้าใจความหมายที่เยี่ยหลีจะสื่อ จึงหัวเราะเสียงดังออกมาอย่างอดไม่อยู่ เมื่อหัวเราะจนพอใจแล้ว ก็ดึงเยี่ยหลีเข้ามาในอ้อมกอด ประกบริมฝีปากเข้ากับริมฝีปากดอกท้อโดยแรงสองสามที แล้วหัวเราะอย่างบ้าคลั่งต่อ
เยี่ยหลีเห็นเขายิ้มได้อย่างเบิกบาน ก็ได้แต่ปล่อยให้เขาทำตามใจเพราะนางก็จนปัญญาเสียแล้ว นางอิงแอบอยู่ในอ้อมอกของม่อซิวเหยา ก่อนจะเล่าเรื่องที่คุยกับองค์หญิงอันซีให้เขาฟัง ม่อซิวเหยาเล่นนิ้วเรียวบางของนาง พลางพึมพำเพสียงต่ำว่า “ตอนนี้หนานจ้าวไม่มีความขัดแย้งอะไรกับพวกเรา เราลอบช่วยนางอย่างลับๆ ก็ใช่ว่าจะทำไม่ได้ หากฮ่องเต้ซีหลิงสามารถต่อกรกับเหลยเจิ้นถิงได้จริงๆ ก็คงช่วยทุ่นแรงเราไปได้ไม่น้อย”
”เจ้าคิดว่าฮ่องเต้แห่งซีหลิงจะต่อกรกับเหลยเจิ้นถิงได้หรือไม่” เยี่ยหลีถาม
“ไม่ได้” ม่อซิวเหยาปฏิเสธโดยไม่ลังเล ฮ่องเต้แห่งซีหลิงอาจจะมีเล่ห์เหลี่ยมอยู่สักหน่อย ทว่าเมื่อเทียบกับเหลยเจิ้นถิงแล้วถือว่าห่างกันไกลคนละระดับ “ขอแค่พวกเขาสร้างปัญหาให้เหลยเจิ้นถิงก่อนล่วงหน้าก็พอแล้ว ตอนนี้ที่พวกเราต้องคิดก็คือ…เป่ยหรง!” เมื่อเอ่ยถึงเป่ยหรง สายตาอันเย็นชาของม่อซิวเหยาฉายแววสังหารออกมาแวบหนึ่ง ระหว่างเป่ยหรงกับกองทัพตระกูลม่อ หรือจะพูดได้ว่า ความแค้นของม่อซิวเหยาที่มีให้กับแคว้นนี้นั้นมากกว่าแคว้นไหนๆ เป็นหลายเท่า ตอนนั้นม่อซิวเหวินเสียชีวิตในมือของคนเป่ยหรง ความพ่ายแพ้ที่ร้ายแรงที่สุดในรอบสองร้อยปีของกองทัพตระกูลก็อยู่ในเงื้อมือของชาวเป่ยหรง เกินครึ่งของความอัปยศและความเก็บกดของม่อซิวเหยาเมื่อเจ็ดแปดปีที่ผ่านมาก็เป็นเพราะชาวเป่ยหรงเป็นคนก่อ ในวันนี้กองทัพตระกูลม่อได้เวลาฟื้นคืนสภาพเดิมแล้ว ก็ถึงเวลาที่ชาวเป่ยหรงจะต้องเผชิญกับการแก้แค้นแล้ว อีกทั้ง เมื่อปีที่แล้วชาวเป่ยหรงสั่งสมความผิดเอาไว้ในทุกที่ของต้าฉู่ที่พวกเขาเคลื่นทัพผ่าน ม่อซิวเหยาจึงไม่มีทางปล่อยพวกเขาไปเด็ดขาด
เยี่ยหลีที่อิงแอบอยู่ในอ้อมกอดของม่อซิวเหยา มุ่นคิ้วก่อนจะเอ่ย “เยียหลี่ว์หงกับเยียหลี่ว์เหยี่ยจะมาถึงอย่างช้าที่สุดคือคืนพรุ่งนี้ ซิวเหยาอยากให้เขาไปพักที่ใดหรือ” ม่อซิวเหยายิ้มเย็นเอ่ย “ครั้งนี้เป็นงานวันเกิดของท่านตา ข้าไม่อยากเล่นงานพวกเขาในตอนนี้ ต้อนรับพวกเขาเหมือนคนอื่นก็พอ เมืองหลีของพวกเราเป็นเมืองเล็ก ให้เยียหลี่ว์หงกับเยียหลี่ว์เหยี่ยอยู่ด้วยกันก็แล้วกัน”
เยี่ยหลียิ้ม เยียหลี่ว์หงและเยียหลี่ว์เหยี่ยไม่ลงรอยกันมาแต่ไหนแต่ไร ต่อสู้กันทั้งต่อหน้าและลับหลังมานานหลายปี ยังไม่อาจตัดสินแพ้ชนะได้ ให้พักที่เดียวกันจะได้ตรึงพวกเขาไว้ ไม่ให้ใครมีคิดจะสร้างเรื่องวุ่นวายในเมืองหลีได้ทั้งนั้น
“ข้าก็ควรไปพบองค์หญิงหรงหวาแล้ว” เยี่ยหลีคิด ก่อนจะเอ่ย ต้องไปดูหมากที่เก็บไว้มานานหลายปีสักหน่อย ว่ายังใช้การได้อยู่หรือไม่ หากมีอะไรผิดพลาดคงเสียดายน่าดู ไม่ว่าเยี่ยหลีจะทำอะไร ม่อซิวเหยาต่างวางใจทั้งสิ้น แม้ก่อนหน้านี้องค์หญิงหรงหวาจะกำเริบเสิบสานและโอหังอวดดี ทว่าสองสามปีมานี้ได้ยินมาว่ามีฝีมือขึ้นไม่น้อย ทว่าคนที่ทำให้ม่อซิวเหยาขมวดคิ้วกลับเป็นอีกคน “เยี่ยอิ๋งนั่นจะไม่มีปัญหาจริงๆ ใช่หรือไม่”
ม่อซิวเหยารู้สึกไม่ดีต่อเยี่ยอิ๋งอย่างมาก นอกจากมีดวงหน้างดงามแล้ว นางก็ไม่มีอะไรดีอีกเลย ผู้หญิงอย่างนี้ นิสัยยิ่งแปรปรวนไปมา อย่าว่าแต่จะให้ทำธุระอะไรเลย ขอแค่เป็นมารดาของตระกูลอยู่อย่างปกติสุขได้ก็ถือว่าเก่งมากแล้ว ม่อซิวเหยากลับรู้สึกว่า สตรีที่เกิดมาในหอนางโลมทำอาชีพเป็นหญิงคณิกายังน่าไว้วางใจได้มากกว่าเยี่ยอิ๋งเสียอีก แม้แต่องค์หญิงหรงหวาที่โอหังเอาแต่ใจ เพราะถูกตามใจจนเสียนิสัยยังน่าเชื่อถือกว่านางเลย
เยี่ยหลียิ้มบางๆ เอ่ย “ขอแค่ท่านอ๋องช่วยนางหาลูกชายเจอ นางก็จะพึ่งพาได้มากเอง อีกทั้งท่านอ๋องอย่าดูถูกผู้หญิงเชียว โดยเฉพาะผู้หญิงที่ดูภายนอกบอบบางเช่นนี้ ยิ่งเป็นผู้หญิงที่ภายนอกอ่อนแอเท่าไร ภายใจก็ยิ่งใจอำมหิตมากเท่านั้น” ในทางกลับกันคนที่ดูโหดร้ายจากภายนอก กลับไม่อาจลงมือทำร้ายใครได้ เนื่องจากคนเหล่านี้ทำให้คนรอบข้างเขาระมัดระวังอยู่ตลอดเวลา
ม่อซิวเหยาพยักหน้า ก่อนจะเอ่ย “อาหลีมีแผนในใจแล้วก็ดี”
“ลูกชายของม่อจิ่งหลีคนนั้น ซิวเหยาไม่รู้เรื่องอะไรแม้แต่น้อยเลยหรือ” เยี่ยหลีถามอย่างสงสัย
ม่อซิวเหยาเอ่ย “เดิมทีไม่ได้นึกสนใจอะไร ในเมื่ออาหลีต้องการ ข้าก็จะสั่งคนให้ไปสืบดู ทว่า…จากนิสัยของม่อจิ่งฉี เกรงว่าเด็กคนนี้…”
“อย่างไรหรือ”
“อาจจะอยู่ไกลจนสุดขอบฟ้า หรือไม่ก็ใกล้เพียงเอื้อมมือ ทว่าให้เวลาม่อจิ่งหลีสักร้อยปีก็ไม่แน่ว่าเขาจะเดาถูก” ม่อซิวเหยายิ้ม
ความคิดของเยี่ยหลีฉายวาบขึ้นมาในหัว ทว่าจับความคิดนั้นไม่ทัน แต่เยี่ยหลีรู้สึกว่าตนเองพอมีเบาะแสบางอย่างแล้ว ม่อซิวเหยาเล่นผมดำขลับของเยี่ยหลีอย่างใจลอย “อาหลีอยากช่วยเยี่ยอิ๋งตามหาลูกจริงๆ หรือ เยี่ยอิ๋งไม่ใช่คนที่รู้จักตอบแทนบุญคุณใครนะ” เยี่ยหลียิ้ม ก่อนจะเอ่ย “เรื่องนี้ข้ารู้ ข้าก็ไม่ได้คิดจะคืนลูกให้นางทันทีที่หาตัวเด็กเจอเช่นกัน แต่ในเมื่อรับปากนางแล้ว อย่างไรก็ต้องลองหาดูสักหน่อย อีกอย่าง เด็กคนนี้สำคัญกับม่อจิ่งหลีมากใช่หรือไม่” อุตส่าห์แย่งตำแหน่งฮ่องเต้มาได้แต่กลับไม่มีลูกชายไว้สืบทอด ความสำเร็จที่แย่งราชบัลลังก์มาได้ก็มีแต่ลดหายไปหลายเท่าในชั่วพริบตาน่ะสิ