ชายาเคียงหทัย - ตอนที่ 333-3 แขกผู้มีเกียรติมากันพร้อมหน้า และพระชายาองค์ชายเจ็ด
ไม่ว่าบรรดาคนในโรงพักม้าจะวางแผนหรือคิดสิ่งใดอยู่ในใจ แต่ทั่วทั้งเมืองหลีกลับเต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งการร้องเล่นเต้นระบำ เช้าตรู่วันต่อมา แขกผู้ทรงเกียรติจากแคว้นสุดท้ายที่จะมาร่วมงานฉลองวันเกิดก็มาถึงหน้าตำหนักติ้งอ๋อง และยังคงเป็นเยี่ยหลีกับม่อซิวเหยาที่ออกไปต้อนรับด้วยตนเอง เมื่อเห็นคณะที่ยืนอยู่หน้าประตูสวมใส่เครื่องแต่งกายและเครื่องประดับอย่างชาวเป่ยหรงซึ่งแตกต่างกับชาวจงหยวนโดยสิ้นเชิง ม่อซิวเหยาก็ยกมุมปากขึ้นเป็นรอยยิ้มเย็นเยียบ
“ติ้งอ๋อง พระชายาติ้งอ๋อง ไม่ได้เจอกันเสียหลายปี เป็นเกียรติยิ่งแล้ว!” เยียหลี่ว์หง รัชทายาทแห่งแคว้นเป่ยหรงก้าวนำหน้าออกมา ประสานมือพลางเอ่ยกลั้วหัวเราะเสียงก้อง กลับเป็นเยียหลี่ว์เหยี่ยที่ยืนอยู่อีกด้านมีสีหน้านิ่งขรึม ดูมีความเย่อหยิ่งและไม่เป็นมิตรมากกว่าหลายส่วน ทัพใหญ่ของเป่ยหรงยามนี้ยังเผชิญหน้ากับกองทัพตระกูลม่ออยู่ที่ทางเหนืออยู่เลย เยียหลี่ว์เหยี่ยที่เป็นถึงแม่ทัพใหญ่ของกองทัพเป่ยหรงจึงย่อมไม่มีสีหน้าดีๆ ให้แสดงต่อม่อซิวเหยา
ม่อซิวเหยายิ้มเรียบๆ “รัชทายาทเกรงใจเกินไปแล้ว ไม่ได้พบกันหลายปี รัชทายาทดูมีสง่าราศีมากขึ้นกว่าเมื่อก่อนเสียอีก” เยียหลี่ว์หงกลับเป็นฝ่ายมองม่อซิวเหยาและเยี่ยหลีด้วยความอิจฉาจากใจจริง เอ่ยทอดถอนใจว่า “ไม่สู้ท่านอ๋องกับพระชายาที่ยังดูวัยเยาว์ไม่แก่ลงเลยหรอก” ชนเผ่าอันห่างไกลอย่างเป่ยหรงเดิมก็ดูแก่ตัวง่ายอยู่แล้ว ยามเมื่อครั้งได้พบหน้ากันเมื่อหลายปีก่อน ทุกคนดูเหมือนจะอายุไม่ต่างกันมากนัก แต่ยามนี้เมื่อหกเจ็ดปีผ่านไปได้มาพบหน้ากันอีกครั้ง รัชทายาทเป่ยหรงที่เคยพบก็เริ่มไว้หนวดสั้นๆ แล้ว แม้แต่ลักษณะร่างกายก็ดูสูงใหญ่กำยำสู้เมื่อก่อนไม่ได้ ส่วนม่อซิวเหยากับเยี่ยหลียังคงดูประหนึ่งเพิ่งอายุยี่สิบต้นๆ สง่างามโดดเด่นเหนือผู้คน เมื่อทั้งสองยืนคู่กันก็ยิ่งดูราวกับคู่รักเทพเซียน จะไม่ให้คนเกิดความอิจฉาได้อย่างไร
“รัชทายาทชมเกินไปแล้ว” เยี่ยหลีเอ่ยพร้อมยิ้มบางๆ นางหันไปเห็นสวีหงเยี่ยนที่กลับมาพร้อมกับพวกเขา ใบหน้านางก็เผยรอยยิ้มที่จริงใจขึ้นหลายส่วนทันที “ท่านลุงรองกลับมาเสียที ลำบากท่านเดินทางแล้ว ระหว่างทางเรียบร้อยดีหรือไม่เจ้าคะ”
ม่อซิวเหยาจับมือเยี่ยหลีพลางพูดกลั้วหัวเราะว่า “อาหลี เชิญรัชทายาทเป่ยหรงกับองค์ชายเจ็ดเข้าไปดื่มชาด้านในก่อนแล้วค่อยพูดคุยกันเถิด ท่านลุงเดินทางกลับมาก็เหนื่อยแล้ว เชิญเข้าไปพักในตำหนักก่อนแล้วค่อยพูดคุยกันดีหรือไม่” เยี่ยหลีพยักหน้าอย่างขอลุแก่โทษ “รัชทายาทเยียหลี่ว์ องค์ชายเจ็ด เชิญด้านใน” เยียหลี่ว์หงอมยิ้มพร้อมพยักหน้า ขณะที่เยียหลี่ว์เหยี่ยเดินผ่านเยี่ยหลีไปนั้น เขายังได้กดสายตาลงมาปรายตามองนางทีหนึ่ง ประหนึ่งรังเกียจเยี่ยหลีเสียเต็มประดา สายตาและสีหน้าเช่นนี้กลับทำให้เยี่ยหลีเลิกคิ้วขึ้นด้วยความแปลกใจ ถึงแม้นางกับเยียหลี่ว์เหยี่ยจะมีสัมพันธ์ที่ไม่ถึงขั้นดีต่อกันมาตลอด แต่เยียหลี่ว์เหยี่ยก็ไม่เคยแสดงท่าทีรังเกียจนางอย่างชัดเจนเช่นนี้ ควรบอกว่า ไม่เคยมีใครแสดงท่าทีรังเกียจอย่างออกหน้าออกตาต่อหน้าเยี่ยหลีเช่นนี้มาก่อน ซึ่งนี่ทำให้นางเกิดความใคร่รู้ขึ้นในใจหลายส่วน
เมื่อเข้าไปในตำหนักอ๋องแล้ว สวีหงเยี่ยนก็แยกตัวออกไปชำระร่างกายและพักผ่อน ม่อซิวเหยากับเยี่ยหลีเดินนำแขกไปนั่งจิบชาที่ห้องโถงใหญ่ เยี่ยหลีเลื่อนสายตาพินิจพิเคราะห์ไปยังร่างของสตรีในชุดขาวพร้อมผ้าโปร่งปิดหน้าที่นั่งอยู่ข้างกายเยียหลี่ว์เหยี่ย แต่กลับมองผ่านองค์หญิงหรงหวาที่มีฐานะเป็นพระชายาของรัชทายาทเป่ยหรงไป ดูเหมือนเยียหลี่ว์เหยี่ยจะสังเกตเห็นถึงสายตาพินิจพิเคราะห์ของเยี่ยหลี จึงหันไปถลึงตาดุใส่เยี่ยหลีทีหนึ่ง สีหน้าเจือแววไม่ประสงค์ดีบางๆ เยียหลี่ว์หงที่นั่งอยู่ตรงข้ามเขาขมวดคิ้วเล็กน้อย ราวกับไม่พอใจท่าทีของน้องชายเท่าไรนัก
ม่อซิวเหยาเอนพิงอยู่บนเก้าอี้ มือข้างหนึ่งประคองอยู่ที่เอวเยี่ยหลีอย่างไม่สนใจผู้ใดทั้งสิ้น มองกลุ่มคนตรงหน้าด้วยสีหน้าเรียบเฉย
เยี่ยหลีวางถ้วยชาลง ผงกศีรษะให้องค์หญิงหรงหวา อมยิ้มพร้อมถามว่า “ตั้งแต่จากกันที่ฉู่จิงในปีนั้น ก็นานเกือบสิบปีแล้วหรือนี่ องค์หญิงอยู่ที่เป่ยหรงสบายดีหรือไม่”
องค์หญิงหรงหวายิ้มอย่างพอเหมาะพอดี เมื่อเทียบกับเมื่อครั้งอยู่ที่ฉู่จิงแล้ว นางดูมีความองอาจอย่างคนนอกเขตแดนขึ้นหลายส่วน แต่กระนั้นก็ยังไม่สูญเสียความสง่าผ่าเผยอย่างราชนิกุลจงหยวนไป “ขอบคุณพระชายาที่เป็นห่วง ข้าอยู่ที่เป่ยหรงสบายดีทุกอย่าง องค์รัชทายาทก็ปฏิบัติต่อข้าอย่างดียิ่ง” พูดจบนางก็เงยหน้าขึ้นไปส่งยิ้มบางๆ ให้เยียหลี่ว์หง เยียหลี่ว์หงก็ส่งยิ้มตอบนางเช่นกัน มองดูแล้วความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยาจะไม่ได้รับผลกระทบจากการที่เป่ยหรงยกทัพไปโจมตีต้าฉู่เท่าไรนัก
“เช่นนั้นก็ดี” เยี่ยหลีเอ่ยยิ้มๆ ก่อนผินหน้าไปทางสตรีที่ปิดบังใบหน้าข้างกายเยียหลี่ว์เหยี่ย เลิกคิ้วเอ่ยว่า “องค์ชายเจ็ด ท่านนี้คือพระชายาองค์ชายเจ็ดหรือ”
เยียหลี่ว์เหยี่ยพยักหน้า “ถูกต้องแล้ว นี่ก็คือชายารักของข้า ชิงอีน่า”
เยี่ยหลียิ้มน้อยๆ “หากข้าจำไม่ผิด ชิงอีน่าในภาษาเป่ยหรงหมายถึงสตรีที่มีความงามเป็นเลิศ เชื่อว่าพระชายาท่านนี้คงจะงดงามหยาดเยิ้มเป็นแน่” เยียหลี่ว์เหยี่ยก็ไม่ปฏิเสธ พยักหน้าเอ่ยว่า “ใช่แล้ว ชายารักของข้าเป็นหญิงงามที่หาได้ยากยิ่งในโลกหล้าจริงๆ” เขาเอียงตัวไปจับมือพระชายาองค์ชายเจ็ดขึ้นมา นัยน์ตาเจือแววรักใคร่และอ่อนโยนบางๆ แต่ดูประหนึ่งต้องการแข่งกันแสดงความรักกับคู่ของเยี่ยหลีและม่อซิวเหยากระนั้น เพียงแต่แต่ไหนแต่ไรมาเยียหลี่ว์เหยี่ยก็ประเมินตนเองสูงส่งมาโดยตลอด สตรีที่สามารถทำให้เขายอมสิโรราบเช่นนี้ได้ เชื่อว่าความงามของนางไม่มีทางย่ำแย่อย่างแน่นอน
เยี่ยหลีไม่ได้สนใจคำพูดของเยียหลี่ว์เหยี่ยที่เห็นได้ชัดว่าเจือแววท้าทายอยู่หลายส่วน นางอมยิ้มเอ่ยว่า “ไม่ได้เห็นความงามของพระชายาองค์ชายเจ็ด ข้ากลับรู้สึกเสียดายอยู่เล็กน้อย”
องค์หญิงหรงหวาที่อยู่อีกด้านยิ้มน้อยๆ พลางเอ่ยว่า “พระชายาไม่ต้องเสียดายไป พระชายาองค์ชายเจ็ดงดงามก็จริง เพียงแต่แต่ไหนแต่ไรมาสิ่งที่ต้าฉู่ไม่เคยขาดก็คือหญิงงาม ครั้งเมื่อพระชายายังอยู่ที่ฉู่จิง ก็เคยเห็นหญิงงามมาไม่ได้น้อยมิใช่หรือ” เยี่ยหลีตาเป็นประกายเล็กน้อย สายตากวาดผ่านสตรีในชุดขาวนางนั้นไปเรียบๆ นางยิ้มพูดว่า “องค์หญิงกล่าวถูกต้องแล้ว เรื่องอื่นไม่ต้องพูดถึง แค่หญิงงามแห่งฉู่จิงจากปลายพู่กันของคุณชายหมิงเย่ว์ในยามนั้น ไม่ว่านางใดก้าวออกมาก็เพียงพอที่จะล่มเมืองได้ทั้งสิ้น เพียงแต่ช่างน่าเสียดาย…เอาเถิด งานมงคลสมรสใหญ่ขององค์ชายเจ็ดข้ากับท่านอ๋องไม่ได้ทราบข่าว ไว้คงต้องขอดื่มสุรามงคลจากองค์ชายเจ็ดสักหนึ่งจอกเสียแล้ว”
เยียหลี่ว์หงพูดยิ้มๆ ว่า “พระชายาไม่ต้องกังวลไป สุรามงคลนั้นยังไม่สาย ไว้รอให้ถึงงานมงคลสมรสใหญ่ของน้องเจ็ดกับน้องสะใภ้ พระชายาค่อยขอสุรามงคลก็ยังไม่สาย” ความหมายภายในคำพูดนี้ก็คือ เยียหลี่ว์เหยี่ยกับสตรีนางนี้ยังไม่ได้แต่งงานกัน สตรีนางนี้จึงยังไม่นับว่าเป็นพระชายาองค์ชายเจ็ดอย่างถูกต้องเหมาะสม
เมื่อมีข้อมูลเช่นนี้เพิ่มเข้ามา ในใจเยี่ยหลีก็พอรู้ถึงสถานะของสตรีที่อยู่ตรงหน้านี้ นางยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “เช่นนั้น คงต้องขอแสดงความยินดีกับองค์ชายเจ็ดก่อนล่วงหน้าแล้ว และหวังว่าถึงเวลาองค์ชายเจ็ดจะไม่รังเกียจประทานสุราสักจอก”
เยียหลี่ว์เหยี่ยพินิจมองเยี่ยหลีนิ่งอยู่ครู่ใหญ่ แล้วถึงเอ่ยปากพูดขึ้นว่า “ถึงยามนั้นจะต้องเชิญติ้งอ๋องกับพระชายาให้มาเป็นเกียรติอย่างแน่นอน หวังว่าท่านทั้งสองจะไม่รังเกียจ”
เยี่ยหลีหันไปยิ้มกับม่อซิวเหยา “ท่านอ๋อง องค์ชายเจ็ดเชิญพวกเราไปร่วมงานมงคลสมรสแหนะเพคะ ท่านอ๋องจะไปหรือไม่เพคะ”
ม่อซิวเหยาก้มหน้าลงมามองเยี่ยหลีด้วยสายตาอบอุ่นก่อนพูดเสียงนุ่มว่า “อาหลีว่าไปก็ไป ว่าไม่ไปก็ไม่ไป”
เยี่ยหลียิ้มด้วยความพอใจ พอนางเงยหน้าขึ้นก็ทันเห็นดวงตาคู่งามภายใต้ผ้าโปร่งสีขาวที่มีประกายเคียดแค้นวาบผ่านอย่างที่คิดไว้พอดี