ชายาเคียงหทัย - ตอนที่ 334-3 ตัวเลือกขององค์หญิงหรงหวา
เยี่ยหลีขมวดคิ้วเล็กน้อย “บางทีเขาอาจจะไม่รู้เลยก็เป็นได้” ไม่ใช่ว่าเยี่ยหลีรู้สึกว่าเยี่ยเหวินหวากับนางมีความสัมพันธ์พ่อลูกที่ลึ้กซึ้ง เพียงแต่เยี่ยเหวินหวาผู้นี้ไม่เหมือนกับคนที่จะยอมเสี่ยงเพียงนี้เพื่อบุตรสาว
ม่อซิวเหยาหัวเราะเสียงเย็น “ไม่รู้หรือ เยี่ยเย่ว์อยู่ในห้องของเยี่ยหวังซื่อ ต่อให้ตอนแรกเขาไม่รู้เรื่องนี้ แต่ผ่านมานานเช่นนี้แล้วเขาก็ยังไม่รู้สึกระแคะระคายหรือ” ดังนั้น ต่อให้เยี่ยเหวินหวาไม่ใช่ตัวตั้งตัวตีในเรื่องนี้ แต่อย่างไรก็ต้องยอมหลับตาข้างหนึ่งผ่อนปรนให้เรื่องนี้ผ่านไปอย่างแน่นอน เยี่ยหลีพยักหน้า ถอนใจพลางเอ่ยว่า “ข้ารู้แล้ว ไว้ข้าจะไปที่จวนเยี่ยด้วยตัวเองสักหน่อย” หากเป็นเยี่ยเย่ว์จริง ในครานั้นที่เยี่ยเย่ว์จัดฉากการตายแล้วหลบนี้ออกมา ใครเป็นคนช่วยนางกันแน่ ที่นางซ่อนตัวอยู่ในจวนเยี่ยนั้นแท้จริงแล้วเพื่อเหตุใด อย่างไรคงไม่ใช่เพราะต้องการซ่อนตัวปิดบังชื่อเสียงไปตลอดชีวิตกระมัง หากเป็นเช่นนั้นนางก็คงไม่มาที่เมืองหลี เมืองหลีอยู่ภายใต้การดูแลของตำหนักติ้งอ๋อง จึงไม่ใช่สถานที่ที่เหมาะแก่การซ่อนตัวปิดบังชื่อเสียง
“ท่านอ๋อง พระชายา คนข้างกายพระชายาหลีอ๋องขอเข้าพบพ่ะย่ะค่ะ” ที่ด้านนอกมีคนเอ่ยรายงานขึ้น
เยี่ยหลีเลิกคิ้วเล็กน้อย “ให้นางเข้ามา”
ไม่นาน สาวใช้ที่ดูไม่สะดุดตาเลยคนหนึ่งก็ถูกคนพาตัวเข้ามา พอเห็นเยี่ยหลี สาวใช้คนนั้นก็โผเข้ามาคุกเข่าลงตรงหน้าทันที “พระชายา ขอพระชายาติ้งอ๋องได้โปรดช่วยพระชายาของพวกเราด้วย”
“เกิดอะไรขึ้น” เยี่ยหลีขมวดคิ้ว ในใจเกิดความกังวลขึ้นเล็กน้อย เยี่ยอิ๋งที่นางทุ่มเทฝึกปรือชี้แนะขึ้นมานั้น ไม่ใช่เพื่อให้มาถูกทำลายที่นี่ตอนนี้ สาวใช้ผู้นั้นร้องไห้สะอึกสะอื้นพลางพูดว่า “พระชายาของพวกเราไปทำความเคารพฮูหยินผู้เฒ่า นายท่านเยี่ยและเยี่ยฮูหยินที่จวนเยี่ย จากนั้นก็กลับออกมาจากบ้านตระกูลเยี่ยด้วยความโกรธเกรี้ยว แล้วบอกว่าจะมาที่ตำหนักติ้งอ๋อง แต่ออกมาได้ไม่เท่าไรก็ถูกท่านอ๋องพาตัวกลับไปที่โรงพักม้า บ่าว…บ่าวเป็นสาวใช้ทำงานใช้แรงงานอยู่ในตำหนักอ๋อง ไม่เป็นที่สังเกตของใครจึงหนีออกมาแจ้งข่าวพระชายาได้เพคะ”
ระหว่างที่สาวใช้กำลังพูดอยู่นั้น ก็มีองครักษ์ลับของตำหนักติ้งอ๋องเข้ามารายงานเรื่องที่เยี่ยอิ๋งถูกพาตัวกลับไปกักบริเวณที่โรงพักม้า
ถึงแม้คนใกล้ตัวม่อจิ่งหลีจะแทรกใครเข้าไปได้ไม่ง่ายนัก แต่ในโรงพักม้ากลับมีคนของตำหนักติ้งอ๋องอยู่ไม่น้อย เรื่องเหล่านี้ย่อมปิดตำหนักติ้งอ๋องไม่มิด องครักษ์ลับเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฟังอย่างรวดเร็ว ซึ่งก็เหมือนกับที่สาวใช้คนนั้นเล่าให้ฟัง เยี่ยหลีใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนพูดว่า “เยี่ยอิ๋งรู้เรื่องของเยี่ยเย่ว์แล้วอยากมาบอกพวกเราที่ตำหนักติ้งอ๋อง ดังนั้นถึงได้ถูกม่อจิ่งหลีกักบริเวณอย่างนั้นหรือ แต่เป็นเช่นนี้ก็ไม่ถูก…เหตุใดเยี่ยอิ๋งถึงต้องเปิดโปงเรื่องของพี่สาวแท้ๆ กับพวกเราด้วย”
ม่อซิวเหยาเอ่ยว่า “ก็ย่อมเป็นเพราะผลประโยชน์ของนางกับเยี่ยเย่ว์ขัดกันน่ะสิ เยี่ยเย่ว์เป็นสนมรักของม่อจิ่งฉี อีกทั้ง แท้จริงแล้วนางเป็นคนของม่อจิ่งฉีหรือเป็นคนของไทเฮา จนถึงตอนนี้พวกเราก็ยังไม่มั่นใจ สำหรับม่อจิ่งหลีแล้วนางก็ใช่ว่าจะเป็นคนที่ไร้ประโยชน์”
ได้ยินอย่างนั้น เยี่ยหลีถึงได้กระจ่างแจ้งแก่ใจ นางคิดเล็กน้อยก่อนพูดกับองครักษ์ลับว่า “กลับไปบอกพระชายาหลีอ๋องว่า พยายามหาเรื่องหลีอ๋องให้มากที่สุด ยิ่งนางมีเรื่องด้วยมากเท่าไร หลีอ๋องก็จะยิ่งสงสัยนางน้อยลงเท่านั้น อีกอย่าง ให้นางใคร่ครวญให้ดี ต่อให้คนผู้นั้นคือเยี่ยเย่ว์จริงๆ ขอเพียงตัวนางอดทนไว้ได้ อย่างไรก็ไม่สะเทือนถึงฐานะของนางแน่” องค์รักษ์ลับพยักหน้ารับเงียบๆ แล้วจึงหมุนตัวจากไป
เยี่ยหลีลุกขึ้นมองม่อซิวเหยาพูดว่า “ดูท่าข้าคงต้องไปจวนเยี่ยจริงๆ สักทีเสียแล้ว”
ม่อซิวเหยาดึงนางไว้ “หากไปยามนี้ม่อจิ่งหลีจะสงสัยเอาได้ ทางฟากจวนเยี่ยนั่นมีคนจับตาดูอยู่ คงไม่เกิดเรื่องวุ่นวายอะไร พรุ่งนี้ค่อยไปเถิด”
ภายในโรงพักม้า เยี่ยอิ๋งโบกมือให้สาวใช้ที่อยู่ๆ ก็มาปรากฏตัวในห้องของนางถอยออกไป นางเช็ดรอยน้ำตาบนใบหน้าพลางลุกขึ้นนั่งช้าๆ “มีใครอยู่บ้าง!” ไม่นานก็มีองครักษ์ปรากฏขึ้นที่หน้าประตู “พระชายา ท่านอ๋องมีรับสั่ง ไม่ให้พระชายาออกไปไหนมาไหนตามใจพ่ะย่ะค่ะ”
เยี่ยอิ๋งเอ่ยเสียงเย็นว่า “ข้าไม่ได้จะออกไปไหน ไปเชิญท่านอ๋องมาที บอกว่าข้ามีเรื่องจะเรียนให้ทราบ”
องครักษ์ลังเลเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นสีหน้าเรียบเฉยอย่างน้อยครั้งจะได้เห็นของเยี่ยอิ๋ง สุดท้ายก็พยักหน้าและออกไปรายงานม่อจิ่งหลี เมื่อเห็นองครักษ์ออกไปแล้ว เยี่ยอิ๋งก็ปิดประตูลงอีกครั้ง สายตาที่เคยอ่อนโยนเผยประกายตัดพ้อ กัดริมฝีปากขาวซีดที่ติดจะสั่นน้อยๆ “พี่รอง… พี่รอง… เหตุใดพี่ถึงไม่ตายๆ ไปเสีย!”
นึกไปถึงวันนี้ตอนที่อยู่ๆ ก็ได้พบพี่รองที่คิดว่าเสียชีวิตไปนานแล้วที่จวนเยี่ย สีหน้านางย่ำแย่ลงอย่างทนไม่ไหว แต่ที่นางคิดไม่ถึงมากกว่านั้นก็คือ ท่านแม่กับท่านย่าถึงขั้นเอ่ยขอร้องเช่นนั้นออกมา ส่วนพี่รองของนาง…ช่างเป็นพี่รองที่แสนดีเสียจริง! พี่สามพูดถูก…เยี่ยอิ๋งค่อยๆ ข่มความโกรธในใจลง ใบหน้าคลี่ออกเป็นรอยยิ้มที่ดูออกจะฝืนๆ คนในกระจกที่ตั้งอยู่บนโต๊ะ รอยยิ้มค่อยๆ ดูเป็นธรรมชาติขึ้นเรื่อยๆ ทั้งยังเจือแววน่าสงสารและอบอุ่น พี่สามพูดถูก ขอเพียงนางอดทนไว้ได้ ก็ไม่วันมีใครสามารถก้าวข้ามตำแหน่งของนางได้ อย่างน้อยๆ…องค์หญิงซีสยาไม่ได้ เยี่ยเย่ว์ก็ไม่ได้เช่นกัน!
ไม่นาน ม่อจิ่งหลีก็ผลักประตูเดินเข้ามา เอ่ยด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนักว่า “เจ้ายังมีเรื่องอะไรอีก”
เยี่ยอิ๋งโผเข้าสู่อ้อมแขนของม่อจิ่งหลีทั้งน้ำตาคลอหน่วยแล้วพลันร้องไห้สะอึกสะอื้นออกมา ม่อจิ่งหลีขมวดคิ้ว มองสตรีในอ้อมแขนที่ร้องไห้คร่ำครวญด้วยความเสียใจ มือข้างหนึ่งของเยี่ยอิ๋งกำแขนเสื้อม่อจิ่งหลีเอาไว้ ร้องไห้พลางพูดว่า “ท่านอ๋อง ท่านอย่าทำเช่นนี้กับอิ๋งเอ๋อร์เลย อิ๋งเอ๋อร์รู้ตัวแล้วว่าทำผิด”
ม่อจิ่งหลีผลักนางออก เอ่ยกลั้วหัวเราะเสียงเย็นว่า “รู้ตัวแล้วว่าผิดหรือ เมื่อครู่เจ้าคิดจะวิ่งโร่ไปตำหนักติ้งอ๋องเพราะเหตุใด คิดจะเอาเรื่องของตระกูลเยี่ยไปบอกม่อซิวเหยาหรือ”
เยี่ยอิ๋งส่ายหน้าดิก “ท่านอ๋องใส่ร้ายข้า อิ๋งเอ๋อร์ไม่ได้คุ้นเคยกับติ้งอ๋อง ข้าเพียงแต่…ฮือๆ ท่านอ๋องกับพี่รองทำเช่นนี้ แล้วจะเอาอิ๋งเอ๋อร์ไปไว้ที่ใด แม้แต่ท่านแม่กับท่านย่าก็ยังช่วยพี่รอง อิ๋งเอ๋อร์น้อยใจยิ่งนัก…พี่สามบอกว่าหากมีเรื่องน้อยใจอะไร ไปเล่าให้นางฟังได้ พวกท่านทุกคนล้วนรังแกข้า ข้าอยากไปร้องไห้กับพี่สามมีอันใดผิดด้วยหรือ ท่านอ๋องท่านช่างใจร้ายยิ่งนัก…อิ๋งเอ๋อร์อยู่กับท่านมาหลายปีเพียงนี้ ลูกชายของเราก็ไม่รู้ไปอยู่เสียที่ใด ท่านก็…ท่านก็จะทนไม่ไหวแล้วหรือ…ฮือๆ…”
พอได้ยินชื่อของเยี่ยหลี ม่อจิ่งหลีก็อึ้งไปเล็กน้อย “เจ้าบอกเยี่ยหลีต่างอันใดกับบอกม่อซิวเหยา”
เยี่ยอิ๋งเอ่ยเสียงดังว่า “พวกท่านทำเรื่องขายหน้าที่บอกผู้ใดไม่ได้เช่นนี้ เหตุใดข้าถึงจะบอกไม่ได้!”
ม่อจิ่งหลีขมวดคิ้ว พินิจมองเยี่ยอิ๋งอยู่นาน ในที่สุดถึงได้พูดว่า “เจ้าพูดจาเหลวไหลอะไร เยี่ยเย่ว์ยังมีประโยชน์ ไม่ใช่อย่างที่เจ้าคิด”
เยี่ยอิ๋งไม่เชื่อ “จริงหรือ ท่านอ๋องไม่คิดจะรับพี่รองเข้าตำหนักจริงๆ หรือ”
ม่อจิ่งหลีเอ่ยเสียงเย็นว่า “ข้ายังไม่ได้ตะกละไม่เลือกถึงขั้นอยากได้สตรีวัยสามสี่สิบเช่นนั้นหรอกนะ เยี่ยเย่ว์มีประโยชน์กับข้า เจ้าอย่าพูดซี้ซั้ว” ดูเหมือนนางจะเชื่อพี่ม่อจิ่งหลีพูดจริงๆ เยี่ยอิ๋งถึงได้เช็ดน้ำตา มองเขาพลางพูดอย่างน่าสงสาร “ข้ารู้แล้ว อิ๋งเอ๋อร์ผิดไปแล้ว แต่เรื่องนี้จะโทษอิ๋งเอ๋อร์ทั้งหมดก็คงไม่ได้ หากให้ใครรู้ว่าพี่รองกับท่านอ๋อง…ข้ายังจะมีหน้าอยู่ที่ตำหนักหลีอ๋องได้อย่างไร”
เมื่อเห็นท่าทางกระเง้ากระงอด น้ำตาเกาะพราวอยู่บนขนตา กับสีหน้าน้อยใจและเป็นกังวลของนาง สีหน้าของม่อจิ่งหลีก็อ่อนลงไม่น้อย ถึงอย่างไรในตอนนั้นเขาก็เคยมีความรู้สึกที่แท้จริงกับเยี่ยอิ๋งอยู่บ้าง เขาพยักหน้า “เจ้าเข้าใจก็ดีแล้ว เรื่องนี้ห้ามบอกผู้ใดเด็ดขาด หลังจากนี้เจ้าจะไปที่ตำหนักติ้งอ๋องมากหน่อยก็ได้ แต่สองวันนี้พักอยู่ที่โรงพักม้าก่อนก็แล้วกัน”
เยี่ยอิ๋งพยักหน้าอย่างว่าง่าย “ข้ารู้แล้วเพคะ”