ชายาเคียงหทัย - ตอนที่ 337-2 ม่อจิ่งหลีเสียเลือดมาก
“เจ้าอย่าหวังเลย” ม่อจิ่งหลีกัดฟันกรอด
ม่อซิวเหยาเลิกคิ้วยิ้ม “หลีอ๋องไม่ต้องโกรธเกรี้ยวเช่นนี้ การให้ของขวัญนั้นเป็นเรื่องที่ต้องยินยอมพร้อมใจกันทั้งสองฝ่าย หากหลีอ๋องนึกเสียดาย ข้าก็ย่อมไม่ฝืนใจ ถึงแม้จะนึกเสียดายอยู่บ้าง แต่ขอเพียงยังมีของสิ่งนั้นอยู่ ช้าเร็วอย่างไรก็ต้องได้พบอยู่ดี จริงหรือไม่” ต่อให้ม่อจิ่งหลีไม่มอบให้เขา เขาก็จะไม่ได้มาอย่างนั้นหรือ ม่อซิวเหยาแสดงท่าทีของตนให้ม่อจิ่งหลีรู้โดยไม่นึกเกรงกลัวสักนิด ม่อจิ่งหลีถูกทำให้โกรธจนหน้าขาวซีด ถึงแม้การเจรจาครั้งนี้ เขาจะเป็นรองมาตั้งแต่ต้นก็ตาม
ม่อซิวเหยาก็ไม่รีบร้อน ยิ้มตาหยีพลางพูดว่า “หลีอ๋องจะกลับไปใคร่ครวญดูก่อนแล้วค่อยให้คำตอบข้าก็ยังได้ อ้อ ใช่สิ คุณหนูรองท่านนั้นหากหลีอ๋องสนใจนางล่ะก็ จะพากลับไปด้วยก็ได้นะ ถือเสียว่าเป็นของขวัญขอบคุณจากข้าก็แล้วกัน” ม่อจิ่งหลีใบหน้าบึ้งตึง ถลึงตาดุใส่ม่อซิวเหยาทีหนึ่งก่อนจะหมุนตัวเดินออกไป หากเทียบกับสิ่งที่เขาสูญเสียไปแล้ว ต่อให้มีเยี่ยเย่ว์อีกร้อยคนก็ยังเทียบกันไม่ได้ เขายังจะต้องการเยี่ยเย่ว์ไปทำไมอีก หากให้เขาพบหน้าเยี่ยเย่ว์ในยามนี้ เขาคงคิดเพียงอยากบีบคอนางให้ตายเท่านั้น
เมื่อมองม่อจิ่งหลีกลับออกไปแล้ว ม่อซิวเหยากับเยี่ยหลีก็ไม่รั้งอยู่ที่จวนเยี่ยอีก พอเห็นสีหน้ายิ้มแย้มของม่อซิวเหยาระหว่างทางกลับ ก็ทำเอาพวกฉินเฟิงที่ติดตามอยู่ด้านหลังตกใจจนทิ้งระยะห่างไปโดยไม่รู้ตัว เยี่ยหลีถามขึ้นด้วยความจนใจว่า “เล่นงานม่อจิ่งหลีทำให้อารมณ์ดีเพียงนี้เชียวหรือ” ม่อซิวเหยาเบ้ปากด้วยความดูแคลน “ผู้ใดอารมณ์ดีเพราะเรื่องนี้กัน สมองอย่างม่อจิ่งหลี ข้าจะเล่นงานเขาเป็นเรื่องง่ายออกจะตาย”
“เช่นนั้นก็เพราะสมบัติเหล่านั้น” ดูจากสีหน้าม่อจิ่งหลีแล้ว เยี่ยหลีรู้ว่าของที่ม่อซิวเหยาเอ่ยถึงนั้นจะต้องมีคุณค่าไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน ม่อซิวเหยาพยักหน้าด้วยความปรีดา “ข้าตามหาชุดคลุมไหมหิมะมาตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อนแล้ว น่าเสียดายที่ม่อจิ่งฉีเก็บซ่อนเอาไว้แน่นหนาจนเกินไป แม้แต่องครักษ์ลับของตำหนักติ้งอ๋องยังหาห้องที่เก็บสิ่งนั้นไว้ไม่พบด้วยซ้ำ แล้วยังฉินหงส์หยกขาวนั่น หึหึ…หากได้มันมาอย่างน้อยก็สามารถทำให้คุณชายชิงเฉินทำงานถวายชีวิตให้เราได้สักยี่สิบปีกระมัง” ม่อซิวเหยาจับมือเยี่ยหลีเดินไปพลาง พูดคุยกับเยี่ยหลีไปพลางอย่างอารมณ์ดี เมื่อได้สมบัติเหล่านั้นมาแล้วจะจัดแจงนำไปใช้ประโยชน์อย่างไรบ้าง ชุดผ้าไหมหิมะที่ฟันแทงไม่เข้า แน่นอนว่าย่อมให้อาหลีไว้ ฉินหงส์หยกขาวเอามาใช้งานคุณชายซิงเฉินให้ทำงานถวายชีวิตให้ตำหนักติ้งอ๋องต่อไป ตราประทับลายเก้ามังกรดูไม่ค่อยจะมีประโยชน์อย่างแท้จริงสักเท่าไร แต่ว่ากันว่าภายในเก็บซ่อนตำราในตำนานเอาไว้ สามารถมอบให้ท่านชิงอวิ๋นไว้ศึกษาได้ ยังมีกระบี่เพลิงอัคคี…ถึงแม้ตำหนักติ้งอ๋องจะเก็บสะสมกระบี่เอาไว้ไม่น้อย หนึ่งในนั้นคือกระบี่หลั่นอวิ๋นที่ม่อหลั่นอวิ๋น ติ้งอ๋องผู้สถาปนาแคว้นเป็นผู้ทำขึ้นด้วยตนเอง ถึงแม้ด้วยอายุของมัน จะยังไม่ถือว่าเป็นกระบี่ในตำนานที่มีชื่อเสียง แต่ก็ยังถือเป็นกระบี่คมกล้าที่หาได้ยากในใต้หล้านี้ แต่ทั้งหมดนี้หากเทียบกับกระบี่เล่มแรกแห่งใต้หล้าในตำนานแล้ว ก็เห็นได้ชัดว่ายังเทียบเคียงไม่ได้
พวกฉินเฟิงที่ตามอยู่ด้านหลังพลันมีสีหน้างุนงง ท่านอ๋อง หลีอ๋องยังไม่ได้รับปากว่าจะมอบสิ่งเหล่านั้นให้ท่านเลยนะพ่ะย่ะค่ะ
ม่อซิวเหยาที่กำลังอารมณ์ดีไม่สนใจว่าสิ่งเหล่านี้เป็นของเขาแล้วหรือไม่ ของที่เขาหมายตาไว้ ช้าเร็วอย่างไรก็ต้องเป็นของเขาอยู่ดี เขาก้มลงมองสตรีที่งามสง่าข้างกาย แล้วมุมปากม่อซิวเหยาก็ยกขึ้นเป็นรอยยิ้มพอใจ เมื่อได้ชุดคลุมไหมหิมะมาแล้ว เขาคงจะสบายใจเรื่องความปลอดภัยของอาหลีได้มากขึ้น “อาหลี พวกเราไปเดินเล่นในเมืองกันเถิด”
“เดินเล่นในเมืองหรือ” อาหลีเหลือบตาขึ้นมองพลางถามด้วยความฉงน เป็นเรื่องอื่นก็ว่าไปอย่าง แต่หลายปีมานี้น้อยครั้งนักที่พวกเขาจะออกไปเดินเล่นกัน ต่อให้มีเวลาว่างพวกเขาก็จะออกไปเดินเล่นที่นอกเมือง เหตุผลข้อสำคัญแน่นอนว่าเพราะผมขาวทั้งศีรษะของม่อซิวเหยานั้นสะดุดตามากเกินไป ต่อให้เป็นคนที่ไม่เคยพบเห็นพวกเขามาก่อน การมาเห็นชายหนุ่มผมขาวทั้งศีรษะมาเดินกลางเมืองหลีเช่นนี้ อย่างไรก็ย่อมนึกถึงฐานะของพวกเขา ไม่ว่าจะเดินไปที่ใดก็ล้วนเป็นเป้าให้ผู้คนเข้ามาห้อมล้อม เช่นนั้นก็สู้ออกไปนอกเมืองในที่ที่คนน้อยๆ จึงจะสบายตัวกว่า
ม่อซิวเหยาเอ่ยกลั้วหัวเราะว่า “หลายวันนี้เมืองหลีคึกคักกว่าแต่ก่อนมาก อาหลีกับข้าบริหารงานเมืองหลีกันอย่างยากลำบาก หรือว่าไม่ควรออกไปร่วมครื้นเครงกับชาวบ้านสักหน่อยหรือ ไปกันเถิด” เขาไม่รอดูว่าเยี่ยหลีจะเห็นด้วยหรือไม่ จูงมือเยี่ยหลีพาเดินไปยังถนนเส้นที่มีผู้คนเดินกันขวักไขว่มากที่สุดทันที องครักษ์ที่ติดตามอยู่ด้านหลังพอเห็นท่านอ๋องจับจูงพระชายาหายเข้าไปในฝูงชนรวดเร็วประหนึ่งสายลมแล้ว ก็พลันหันมองหน้ากันทันที “หัวหน้าฉิน พวกเราควรทำอย่างไรดีขอรับ”
ฉินเฟิงยกมือลูบคางก่อนเอ่ยว่า “ตามห่างๆ ไปสักสี่ห้าคนก็แล้วกัน ส่วนคนอื่นๆ แยกย้ายกันกลับจวนเถิด อย่าตามใกล้จนเกินไปให้ท่านอ๋องกับพระชายาสังเกตได้” เห็นได้ชัดว่าท่านอ๋องต้องการอยู่กับพระชายาเพียงลำพัง หากไปรบกวนอารมณ์สุนทรีย์ของท่านอ๋องเข้า คนที่โชคร้ายก็จะเป็นตัวพวกเขาเอง องครักษ์ที่อยู่ด้านหลังยิ้มอย่างฝืดเฝื่อน ให้ติดตามท่านอ๋องกับพระชายาแต่ไม่ให้ทั้งสองรู้ตัวเป็นภารกิจที่โหดหินเพียงใดหนอ
ทั้งสองจูงมือกันเดินเข้าไปท่ามกลางฝูงชน ซึ่งดึงดูดผู้คนให้หันมองมาจำนวนไม่น้อยเลยจริงๆ ดังคาด ไม่ต้องพูดถึงผมขาวของม่อซิวเหยาที่บ่งบอกฐานะได้ดี แค่เพียงรูปลักษณ์และสง่าราศีของทั้งสองที่โดดเด่นเหนือผู้คน ก็เพียงพอที่จะดึงดูดสายตาของผู้คนจำนวนมากได้แล้ว ถึงแม้จะถูกผู้คนรายล้อม แต่ยังดีที่ประชาชนในเมืองหลีล้วนรู้จักกาละเทศะ ไม่มีใครเข้ามารบกวนพวกเขา ทว่าชาวบ้านในเมืองหลีรู้จักมารยาท ชาวบ้านของต้าฉู่รู้จักมารยาท บางทีแขกจากซีหลิง หนานจ้าวก็รู้จักมารยาท แต่ถึงอย่างไรก็ยังมีคนกลุ่มหนึ่งที่ไม่รู้จักมารยาทและไม่รู้ถึงฐานะของพวกเขา ดังนั้น ยามที่ทั้งสองยืนอยู่ในร้านค้าเปิดใหม่ที่ขายเฉพาะสินค้าจากแดนตะวันตกและฟังเถ้าแก่จากแดนตะวันตกที่รูปลักษณ์สูงใหญ่แตกต่างจากคนจงหยวนโดยสิ้นเชิง กำลังถือสินค้าหน้าตาประหลาดพลางเข้ามาเอาอกเอาใจเสนอขายสินค้าให้เยี่ยหลีด้วยภาษาจงหยวนที่แปร่งหูนั้น สีหน้าม่อซิวเหยาก็พลันบึ้งตึงไปทันที
ร้านนี้เป็นร้านขายเครื่องประดับประณีดงดงามจากแดนตะวันตกโดยเฉพาะ ถึงแม้ฝีมือการผลิตเครื่องกระเบื้อง เครื่องเงินเครื่องทองต่างๆ ของจงหยวนจะเรียกได้ว่าล้ำเลิศมากแล้ว แต่ทองของแคว้นทางตะวันตก โดยเฉพาะอย่างยิ่งฝีมือด้านอัญมณีนั้น กลับมีความเป็นเอกลักษณ์อันโดดเด่น เป็นอีกรูปแบบหนึ่งที่ต่างออกไป ส่วนพ่อค้าจากแดนตะวันตกที่รอนแรมมาเปิดร้านไกลถึงเมืองหลีผู้นี้ ก็เห็นได้ชัดว่ามียีนส์ของแคว้นลักธิโรแมนติคผสมอยู่ เมื่อเห็นเยี่ยหลีเดินเข้ามาจึงละเลยคนข้างกายนางที่ก็โดดเด่นอย่างม่อซิวเหยาไปโดยทันที หยิบเครื่องประดับภายในร้านที่ประณีงดงามที่สุดเข้าไปยื่นให้เยี่ยหลี พร้อมทั้งบอกว่าหากเยี่ยหลีชื่นชอบ เขาสามารถมอบให้โดยไม่คิดเงินได้อีกด้วย แน่นอนว่า หากคุณหนูผู้งดงามจากแดนตะวันออกจะให้เกียรติไปจิบน้ำชายามบ่ายร่วมกับเขา ก็จะยิ่งดีเยี่ยมขึ้นไปอีก
นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ถูกคนเกี้ยวพาราสีเช่นนี้ แน่นอนว่านั่นเพราะคนที่เป็นกันเองและเปิดเผยเช่นนี้มักถูกจัดไว้ในประเภทเดียวกัน ต่อให้มีหนึ่งหรือสองคน ก็ล้วนถูกจัดให้อยู่ในประเภทชายเจ้าชู้ เยี่ยหลีไม่รู้ว่าควรหัวเราะหรือร้องไห้ดี นางมองชายจากแดนตะวันตกตรงหน้าที่ดูสูงใหญหล่อเหลา แต่กลับตาหามีแววไม่ผู้นี้ แล้วเยี่ยหลีพลันส่ายหน้าพลางดึงม่อซิวเหยาที่ใกล้ระเบิดเต็มทีออกจากร้านไปทันที
พ่อค้าจากแดนตะวันตกที่อยู่ด้านหลัง ยืนถือเครื่องประดับชิ้นที่ประณีตที่สุดของตนเอาไว้ด้วยความผิดหวัง ของสวยๆ งามๆ เช่นนี้ เหตุใดแม่นางถึงได้จูงบุรุษผมขาวเช่นนั้นจากไปโดยไม่แม้แต่จะหันมองเลยเล่า หรือว่าผมสีขาวสวยงามเช่นนั้นจะน่าดึงดูดมากกว่าผมสีทองของเขา
เด็กในร้านที่เป็นคนของเมืองหลี ยืนหลบมุมมองเถ้าแก่ร้านตนถูกเมินเฉยอยู่เงียบๆ หลังจากใคร่ครวญอยู่หลายตลบ ก็ตัดสินใจว่าจะเดินเข้าไปบอกเถ้าแก่สักหน่อย ถึงอย่างไรเถ้าแก่ก็เป็นคนจากแดนตะวันตกที่เพิ่งมาได้ไม่นาน ถึงแม้จะแปลกประหลาดอยู่บ้าง แต่ก็ถือว่านิสัยไม่เลว หากเกิดไปยั่วโมโหใครที่ไม่ควรยั่วเข้าเดี๋ยวจะได้ตายเสียในต่างแดน ถ้าเป็นเช่นนั้นก็คงน่าเวทนาเกินไป จึงเข้าไปบอกถึงฐานะของม่อซิวเหยาและเยี่ยหลีให้เขาฟัง พร้อมทั้งบอกด้วยว่าท่านอ๋องกับพระชายารักใคร่กลมเกลียวกัน มีสัมพันธ์ที่ดีต่อกันอย่างมากด้วย
ชายหนุ่มผมทองพอได้ยินอย่างนั้นก็ร้องลั่นขึ้นมาทันที “เจ้าจะบอกว่า…แม่นางคนงามผู้นั้นเป็นพระชายาหรือ”
เด็กในร้านพยักหน้า หนุ่มผมทองจึงคลุ้มคลั่งขึ้นมาทันที “แต่แม่นางคนนั้นดูแล้วเพิ่งอายุสิบห้าสิบหกเท่านั้น ได้ยินว่าพระชายาผู้เก่งกาจผู้นั้นเป็นมารดาที่มีลูกสามคนแล้วไม่ใช่หรือ”