ชายาเคียงหทัย - ตอนที่ 339-1 แผนการของติ้งอ๋อง
หลังจากเยี่ยหลีกับพระชายาเห่อหลันเจรจากันเรียบร้อยและได้ข้อตกลงในเบื้องตนที่ถือว่าเป็นที่พอใจกันทั้งสองฝ่ายแล้ว พระชายาเห่อหลันจึงได้ถือห่อเครื่องประดับที่เลือกสรรแล้วกองใหญ่ เดินลงบันไดมาพร้อมเยี่ยหลีด้วยสีหน้ายิ้มแย้มยินดี หลังผ่านการพูดคุยอย่างลึกซึ้ง ทั้งสองต่างรู้จักอีกฝ่ายดียิ่งขึ้นไปอีก จึงมีความชื่นชมและนับถือมากขึ้นหลายส่วน
พอเดินลงมาก็เห็นพวกม่อซิวเหยาสามสี่คนกำลังนั่งรอพวกนางอยู่ในโถงรับแขกด้านล่าง ไม่เพียงม่อซิวเหยากับเหรินฉีหนิงที่มาตามตัวพวกนางเท่านั้น แม้แต่เยียหลี่ว์เหยี่ยกับหลิ่วกุ้ยเฟยก็อยู่ที่นั่นด้วย
พอเห็นพระชายาเห่อหลันหอบหิ้วกล่องเล็กบ้างใหญ่บ้างลงมา ทั้งยังเปลี่ยนไปใช้เครื่องประดับที่เป็นที่นิยมในหมู่สตรีจงหยวนอย่างปิ่นเทพธิดาโบยบิน ดวงตาหลิ่วกุ้ยเฟยกับสนมอวิ๋นก็มีประกายแปลกประหลาดวาบผ่านโดยไม่รู้ตัว
ร้านเฟิงหวาเดิมก็เป็นกิจการภายใต้ตำหนักติ้งอ๋องอยู่แล้ว ทั้งยังเป็นร้านเครื่องประดับอันดับต้นๆ ของต้าฉู่ สินค้าที่ทำออกมาย่อมประณีตงดงาม ขอเพียงเป็นสตรี ไม่มีผู้ใดที่ไม่อยากได้มาไว้สะสม
พอเห็นพวกนางลงมาแล้ว ม่อซิวเหยาก็ลุกขึ้นก้าวเข้าไปจับมือเยี่ยหลี ยิ้มให้พระชายาเห่อหลันพลางเอ่ยว่า “ดูท่าพระชายาคงจะชอบเครื่องประดับของร้านนี้มากกระมัง”
พระชายาเห่อหลันเอ่ยกลั้วหัวเราะด้วยความปรีดา “ใช่น่ะสิ เครื่องประดับของจงหยวนช่างสวยงามเหลือเกิน พระชายาติ้งอ๋องบอกว่าของพวกนี้จะมอบให้ข้าทั้งหมด เป็นความจริงหรือ”
ม่อซิวเหยายิ้มน้อยๆ “ในเมื่ออาหลีกล่าวเช่นนั้น ก็ย่อมเป็นความจริง การที่พระชายาชอบ ถือเป็นเกียรติของตำหนักติ้งอ๋องเช่นกัน” พระชายาเห่อหลันยกกล่องในมือขึ้นพร้อมกล่าวด้วยความยินดีเป็นที่ยิ่งว่า “เช่นนั้นข้าก็ไม่เกรงใจแล้วนะ ขอบคุณติ้งอ๋องกับพระชายามาก”
“พระชายาหาต้องเกรงใจไม่”
เยี่ยหลีอมยิ้มมองทั้งสองปราศรัยกัน ก่อนเอ่ยถามด้วยความข้องใจว่า “พวกท่านมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร”
ม่อซิวเหยาเอ่ยเสียงนุ่มว่า “ได้ยินว่าพวกเจ้ามากันที่ร้านเฟิงหวา เลยมารอพวกเจ้ากันที่นี่ เหตุใดจึงมีแต่ของของพระชายาเล่า อาหลีไม่มีสิ่งใดถูกใจเลยหรือ”
เยี่ยหลีโบกมือเอ่ยว่า “ข้าไม่ได้ใช้ของพวกนี้หรอก เอาวางไว้ที่นี่ก่อนก็แล้วกัน” เครื่องประดับนางมีอยู่ไม่น้อยก็จริง แต่ที่ได้เอาออกมาใช้จริงๆ กลับมีอยู่เพียงไม่กี่ชิ้น โดยมากล้วนเอาไว้วางประดับหรือไม่ก็ให้ผู้อื่นเป็นของกำนัลเท่านั้น
ม่อซิวเหยาไม่ได้ว่าอะไร เอ่ยยิ้มๆ ว่า “หลายวันก่อนร้านเฟิงหวาเพิ่งได้หยกขาวก้อนหนึ่งที่ดูไม่เลวทีเดียว ไว้ข้าจะให้เขาทำปิ่นปักผมมาให้เจ้า”
ติ้งอ๋องอ่อนโยนและเอาใจใส่เช่นนี้ ทำให้สตรีสองสามนางที่ยืนอยู่พากันรู้สึกทั้งอิจฉาและริษยา สนมอวิ๋นอดชื่นชมขึ้นไม่ได้ว่า “ติ้งอ๋องกับพระชายาช่างรักกันดีเหลือเกิน ท่านอ๋อง ท่านว่าจริงหรือไม่เพคะ”
เหรินฉีหนิงพยักหน้าด้วยความรำคาญใจเล็กน้อย “ในเมื่อพระชายาพูดคุยกันเสร็จแล้ว พวกเราก็ควรกลับโรงพักม้ากันได้แล้ว”
พระชายาเห่อหลันถึงแม้จะยังไม่อยากกลับ แต่ก็เห็นว่าสายมาแล้ว จึงหันไปยิ้มเอ่ยกับเยี่ยหลีว่า “พระชายาติ้งอ๋อง ขอบคุณท่านมากที่ให้ของข้ามากมายเพียงนี้ ข้ามีไข่มุกเม็ดงามอยู่มาก ไว้ข้าจะให้คนนำไปให้ท่านดีหรือไม่”
เป่ยจิ้งถึงแม้จะตั้งอยู่ทางตอนเหนือสุด แต่กลับมีส่วนหนึ่งที่ติดทะเล ไข่มุกจึงไม่ใช่ของหายาก และมีจำนวนมากที่ดีกว่าของจงหยวนเสียอีก เยี่ยหลีก็ไม่เกรงใจ ยิ้มเอ่ยว่า “เช่นนั้นก็ขอบคุณพระชายาเห่อหลันมากแล้ว”
เหรินฉีหนิงพาพระชายาเห่อหลันกับสนมอวิ๋นกลับไปแล้ว หลิ่วกุ้ยเฟยที่เดิมคิดอยากพูดอะไรบางอย่างก็ถูกเยียหลี่ว์เหยี่ยพาตัวกลับไปด้วยเช่นกัน ม่อซิวเหยากับเยี่ยหลีจึงพากันเดินออกจากร้านเฟิงหวาด้วยความสุขใจ ออกเดินไปทางตำหนักติ้งอ๋อง เพียงแค่มองจากสีหน้ายินดีของทั้งสองก็พอรู้แล้วว่า การเจรจาครั้งนี้ทั้งสองต่างพอใจกับผลลัพธ์อย่างยิ่ง
ยังไม่ทันเดินไปถึงหน้าตำหนักติ้งอ๋องดี ก็ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายมาจากหน้าประตูที่โดยปกติจะเงียบสงบ พอเดินเข้าไปใกล้ถึงได้เห็นร่างหนึ่งที่คุ้นตาเป็นอย่างยิ่ง
ชายหนุ่มผมทองก็มองเห็นพวกเขาแล้วเช่นกัน พลันฉีกยิ้มเห็นฟันขาวพร้อมวิ่งเข้ามาหาพวกเขาทันที
“พระชายาผู้เลอโฉม ได้พบท่านที่นี่ช่างเป็นเรื่องดีเหลือเกิน”
ม่อซิวเหยาหน้าตาบูดบึ้งลงทันที “อย่างนั้นหรือ เหตุใดข้าถึงไม่รู้สึกว่าเป็นเรื่องดีเลยนะ เจ้ามาทำอะไรที่ตำหนักติ้งอ๋อง” หากเจ้ามาสร้างความวุ่นวายก็คงจะดี ข้าจะได้มีเหตุให้จับตัวเจ้าไว้ จากนั้น…ในหัวม่อซิวเหยาเต็มไปด้วยวิธีการทรมานคนอย่างโหดร้าย
ถึงแม้ชายหนุ่มผมทองจะมองความคิดของม่อซิวเหยาไม่ออก แต่สัญชาตญาณก็ยังทำให้เขาตัวสั่นพร้อมทั้งเขยิบเข้าใกล้เยี่ยหลีมากยิ่งขึ้น
เยี่ยหลียิ้มน้อยๆ ด้วยความจนใจ “ท่านเป็นใครหรือ มาที่ตำหนักติ้งอ๋องด้วยเพราะมีธุระอันใด”
ชายหนุ่มผมทองเอ่ยพร้อมรอยยิ้มด้วยความตื่นเต้นว่า “แน่นอนว่าย่อมมีธุระ ข้าเป็นพ่อค้ามาจากแคว้นจยาหลันแห่งดินแดนตะวันออก มีนามว่าหลันซือ ข้าต้องการทำการค้ากับประมุขของเมืองนี้”
ม่อซิวเหยาเลิกคิ้ว เอ่ยเรียบๆ ว่า “ยามนี้เจ้ามิได้มาทำการค้าที่เมืองหลีหรอกหรือ หรือว่าเจ้ามีสินค้าพิเศษอันใดที่ต้องการจะขายให้กับข้า”
ชายหนุ่มผมทองส่ายหน้าเป็นพัลวัน “มิได้ๆ ข้าต้องการทำการค้าขนาดใหญ่มากๆ ทางตะวันออกมีของวิเศษๆ มากมาย ข้าอยากนำไปขายยังแดนตะวันตกที่ห่างไปไกลแสนไกล ข้าเคยติดตามท่านพ่อไปตอนข้ายังเล็ก คนที่นั้นมีทองคำเต็มไปหมด ทว่าพวกเขาไม่มีสินค้าอย่างผ้าไหมที่สวยงาม ไม่มีเครื่องกระเบื้องเคลือบสวยๆ และไม่มีใบชาวิเศษๆ เช่นที่นี่ หากนำไปขาย ข้าจะต้องกลายเป็นเศรษฐีภายในเร็ววันเป็นแน่” ยังถือว่าชายหนุ่มผมทองผู้นี้พออ่านสีหน้าคนออกอยู่บ้าง พอเห็นสีหน้าม่อซิวเหยาไม่สู้ดี จึงกล่าวเสริมไปอีกประโยคว่า “แน่นอนว่า รวมถึงท่านด้วย พวกเราจะกลายเป็นคนที่ร่ำรวยที่สุดด้วยกันอย่างไร”
ยามเอ่ยถึงเรื่องตื่นเต้นเช่นนี้ ชายหนุ่มผมทองก็พลางทำไม้ทำมือประกอบคำพูดไปด้วย
ม่อซิวเหยากับเยี่ยหลีสบสายตากัน ตำหนักติ้งอ๋องมากมายด้วยเงินทอง แต่กระนั้นพวกเขาก็ไม่รังเกียจที่จะมีเงินทองเพิ่มมากขึ้น เพราะถึงอย่างไร… การสู้รบและเลี้ยงดูกำลังทหารก็เป็นการผลาญเงินทองอย่างหนึ่งอยู่แล้ว
“ท่านเข้าไปข้างในกับเราดีหรือไม่ พวกเราจะได้พูดคุยกันโดยละเอียด” เยี่ยหลีเอ่ยพร้อมยิ้มบางๆ
“ย่อมได้ เป็นเกียรติของข้า พระชายาผู้เลอโฉม” ชายหนุ่มผมทองเอ่ยด้วยความตื่นเต้น ลูกจ้างของเขาเตือนเขาไว้ว่าเขาอาจถูกขับไล่ออกมาได้ แต่เขากลับโชคดีที่ได้รับโอกาสตั้งแต่ทีแรก พระเจ้าช่างเห็นใจคนที่มีความพยายามและฉกฉวยโอกาสได้เป็นจริงๆ ระหว่างที่ชายหนุ่มคิดอย่างเป็นสุขอยู่นั้น เขาก็ราวกับมองเห็นทองคำจำนวนนับไม่ถ้วนกำลังกวักมือเรียกเขาอยู่
“เลอโฉมหรือ” ม่อซิวเหยาที่เดินนำอยู่ข้างหน้าหัวเราะเสียงเย็นออกมาทีหนึ่ง ก่อนกวักมือเรียกองครักษ์ให้เข้ามา “ไปเรียกหานหมิงเย่ว์กับหานหมิงซีมาที แล้วก็คุณชายชิงเฉินด้วย คนผู้นี้มอบให้พวกเขาจัดการก็แล้วกัน”
ชายหนุ่มพ่อค้าจากแดนตะวันตกที่มีนามว่าหลันซือเดินเนื้อตัวเต้นตามองครักษ์เข้าไปในตำหนักติ้งอ๋องที่โอ่อ่ากว้างขวาง ท่านอ๋องผมขาวผู้นั้นบอกตนว่า เขาไม่เข้าใจเรื่องทำการค้า ดังนั้นจึงให้รอไปเรียกคนที่ดูแลด้านนี้โดยเฉพาะมาพูดคุยกับเขา พร้อมทั้งแนะนำว่าเขาสามารถไปเดินเล่นในสวนดอกไม้ของตำหนักได้
สิ่งนี้ทำให้ความรู้สึกที่หลันซือมีต่อติ้งอ๋องพุ่งทะยานขึ้นทันที หลังจากได้พานพบผู้มีอำนาจที่ไม่เข้าใจแต่แสร้งทำเป็นเข้าใจมานับคนไม่ถ้วนแล้ว ท่านอ๋องที่กล้ายอมรับในข้อด้อยของตนผู้นี้ช่างยิ่งใหญ่เสียเหลือเกิน จึงไม่แปลกใจที่เมืองนี้จะเป็นเมืองที่รุ่งเรืองและสงบเรียบร้อยกว่าเมืองไหนๆ ที่เขาเคยไปมาทั้งหมด
ภายในตำหนักติ้งอ๋องในเดือนหก ยังคงมีดอกไม้บานสะพรั่งอยู่ไม่น้อย หลันซือชื่นชมเหล่าพืชพรรณดอกไม้ที่มีเฉพาะในดินแดนตะวันออกด้วยความใคร่รู้ ทั้งยังคิดใคร่ครวญไปด้วยว่าจะสามารถนำกลับไปปลูกที่แดนตะวันตกได้หรือไม่
ในระหว่างที่กำลังชื่นชมทัศนียภาพอันงดงามภายในสวนอยู่นั้น ก็เห็นคนสองคนเดินตรงเข้ามาหา ร่างในชุดขาวและชุดแดงนั้น เมื่อมาเดินอยู่ท่ามกลางสวนดอกไม้ที่บานสะพรั่งแล้ว ก็ดูจะดึงดูดสายตาได้มากเป็นพิเศษ