ชายาเคียงหทัย - ตอนที่ 341-1 ของกำนัลที่เพิ่มมา
“เสด็จแม่ ท่านจำพวกข้าไม่ได้จริงๆ หรือ”
หลิ่วกุ้ยเฟยตัวสั่นสะท้าน เอ่ยเสียงเข้มว่า “พวกเจ้าพูดเหลวไหลอะไรน่ะ ข้าไม่รู้จักพวกเจ้า! ยังไม่รีบไปอีก!”
องค์หญิงเจินหนิงหลับตาลง เอ่ยเสียงทุ้มต่ำว่า “ท่านไม่เคยรู้สึกผิดสักนิดเลยจริงๆ หรือ…”
“ข้าไม่รู้ว่าเจ้าพูดอะไรอยู่” หลิ่วกุ้ยเฟยพยายามคุมตัวเองให้นิ่ง โบกมือเรียกองครักษ์ที่อยู่หน้าประตูให้เข้ามา “ใครก็ได้ มาไล่พวกเขาออกไปที แล้วอย่าให้เข้ามาได้อีก!”
“ท่าน!” องค์หญิงเจินหนิงถลึงตัวลุกขึ้น แต่กลับถูกม่อเสี้ยวอวิ๋นดึงเอาไว้ ม่อเสี้ยวอวิ๋นจับองค์หญิงเจินหนิงที่คิดจะโถมเข้าใส่หลิ่วกุ้ยเฟยเอาไว้ เอ่ยเสียงขรึมว่า “ท่านพี่ พวกเรากลับกันก่อนเถิด” องค์หญิงเจินหนิงถูกม่อเสี้ยวอวิ๋นดึงตัวออกไป แต่สายตาของนางกลับถลึงมองหลิ่วกุ้ยเฟยอยู่ตลอดเวลา รอจนม่อเสี้ยวอวิ๋นกับองค์หญิงเจินหนิงเดินหายไปทางปากประตูแล้ว หลิ่วกุ้ยเฟยก็ราวกับหมดสิ้นเรี่ยวแรง ทรุดลงกับเก้าอี้ทันที
องค์หญิงหรงหวามองประเมินนางด้วยท่าทีสบายๆ ยิ้มเรียบๆ เอ่ยว่า “เหตุใดถึงต้องไร้เยื่อใยเพียงนี้ ต่อให้เจ้ามีบุตรสองคนเป่ยหรงอ๋องก็คงไม่สนใจอะไร เป่ยหรงมิได้สนใจกฎระเบียบมากอย่างชาวจงหยวนของพวกเราเสียหน่อย อีกอย่าง ด้วยอายุอานามของเจ้า…ยังมีคนเชื่อว่าเจ้าเป็นสาวแรกแย้มอีกหรือ”
“หรงหวา!” หลิ่วกุ้ยเฟยถลึงตาดุๆ ใส่นาง แววตาดุดัน
องค์หญิงหรงหวาลุกขึ้น เอ่ยกลั้วหัวเราะอย่างไม่ใส่ใจว่า “ในเมื่อฉางซิ่งอ๋องกับองค์หญิงเจินหนิงจำคนผิด เช่นนั้นข้าก็ขอตัวก่อนแล้ว น้องสะใภ้เจ็ดในอนาคตของข้า เพียงแต่…น้องเจ็ดจะแต่งเจ้าเข้ามาจริงๆ น่ะหรือ” ระหว่างที่ฟังเสียงหัวเราะขององค์หญิงหรงหวาที่เดินหายไปทางห้องโถงใหญ่ สีหน้าของหลิ่วกุ้ยเฟยก็ยิ่งบึ้งตึงยิ่งขึ้น มือที่ซ่อนอยู่ใต้ชายเสื้อกำเข้าหากันแน่น เล็บที่ไว้ยาวทิ่มเข้าไปในฝ่ามือจนเกิดเป็นรอยเลือดก็ไม่สนใจ
เหตุใดนางถึงต้องรู้สึกผิดด้วย ที่นางทำทุกอย่างก็เพื่อให้ตนมีชีวิตต่อไปด้วยดี ก็เพื่อจะแก้แค้น! มีใครรู้บ้างว่านางต้องทนทุกข์เพียงใด เมื่อเทียบกับความยากลำบากก่อนที่นางจะได้พบเยียหลี่ว์เหยี่ยแล้ว พวกนางนับเป็นอะไรได้ มีอันใดคู่ควรให้นางต้องรู้สึกผิดด้วย ผู้อื่นเห็นเพียงว่าเขาหลงใหลในความงดงามของนาง ลุ่มหลงนางจนโงหัวไม่ขึ้น แต่หากเยียหลี่ว์เหยี่ยลุ่มหลงนางจนโงหัวไม่ขึ้นจริงๆ จะทิ้งช่วงนานขนาดนี้โดยที่ไม่ยอมแต่งงานกับนางเสียทีได้อย่างไร แต่นั่นไม่สำคัญ…ขอเพียงเยียหลี่ว์เหยี่ยยังต้องการนาง นางจะยอมเป็นคนเป่ยหรง นางจะต้องให้ม่อซิวเหยาและเยี่ยหลีเสียในสิ่งที่พวกมันควรจะเสียให้ได้!
เพียงพริบตา งานฉลองวันเกิดของท่านชิงอวิ๋นก็เดินทางมาถึง เมืองหลีทั้งเมืองประดับประดาไปด้วยโคมไฟหลากสีสัน คึกคักครื้นเครงเป็นที่ยิ่ง ถึงขั้นคึกคักกว่าช่วงเทศกาลปีใหม่เสียด้วยซ้ำ หลายปีนี้ ด้วยการปกครองอย่างมีประสิทธิ์ภาพของตำหนักติ้งอ๋อง ตระกูลสวีและสำนักหลีซานจึงมีอิทธิพลในเขตซีเป่ยมากขึ้นตามไปด้วย ชาวบ้านในซีเป่ยที่ได้รับผลจากความมีเมตตาของพวกสวีชิงเฉินมีจำนวนนับไม่ถ้วน มิหนำซ้ำท่านชิงอวิ๋นยังเป็นท่านตาแท้ๆ ของพระชายาติ้งอ๋อง ในวันคล้ายวันเกิด ประชาชนทั้งเมืองหลีจึงย่อมยินดีปรีเปรมเสียยิ่งกว่าเทศกาลปีใหม่เป็นธรรมดา
แสงไฟสว่างสดใสงดงามเพิ่งถูกจุดขึ้น ทั่วทั้งลานก็เต็มไปด้วยโคมไฟหลากสีสัน พลุไฟสวยงามจำนวนนับไม่ถ้วนแตกกระจายอยู่บนท้องฟ้า เรียกเสียงฮือฮาจากผู้คนทั่วทั้งลานได้เป็นอย่างดี ชาวบ้านภายในเมืองทยอยกันเดินออกจากบ้านไปรวมตัวดื่มด่ำกับความสวยงามของพลุไฟที่นานๆ ครั้งจะได้เห็น
บนแท่นสำหรับชมวิว มีขนาดกว้างใหญ่พอที่จะจุคนได้นับพันคน เดิมทีออกแบบขึ้นสำหรับการจัดงานเลี้ยงขนาดใหญ่ เพราะถึงอย่างไรตำหนักติ้งอ๋องก็มีพื้นที่ไม่ใหญ่มากนัก อีกทั้งด้วยตัวเมืองหลีเองก็ไม่เหมาะที่จะใช้เป็นเมืองหลวง หากจะสร้างราชวังอ๋องชั่วคราวขึ้นมาที่นี้อีกหลังหนึ่ง คงจะเสียแรงงานคนและเสียเงินไปโดยเปล่าประโยชน์ จึงสร้างเพียงลานและจุดยกพื้นชมวิวขึ้น ซึ่งไม่เพียงทำให้ชาวบ้านทั่วไปออกมาสนุกสนานกันในยามปกติได้ที่นี่ แต่ในวันที่มีงานเทศกาล ก็สามารถมารวมตัวกันที่นี่ได้ด้วยเช่นกัน ซึ่งในขณะเดียวกันก็ช่วยแก้ปัญหาหนักอกเรื่องที่ตำหนักติ้งอ๋องไม่สามารถจัดงานเลี้ยงขนาดใหญ่ได้อีกด้วย เพราะอย่างไรแล้วก็คงไม่สามารถจัดงานเลี้ยงบนกำแพงเมืองทุกครั้งไปได้
แท่นชมทัศนียภาพได้รับการออกแบบให้มีส่วนที่ยื่นออกไปทั้งสองด้าน กลายเป็นรูปทรงครึ่งวงกลม ไม่ว่าจะนั่งอยู่ที่มุมใดล้วนสามารถมองเห็นบรรยากาศทั้งลานได้อย่างชัดเจน และด้วยรูปแบบขั้นบันไดที่แบ่งเป็นสามระดับ จึงยิ่งทำให้แขกทุกคนที่มาร่วมงามสามารถมองเห็นประธานที่นั่งอยู่ด้านบนสุดได้อีกด้วย ซึ่งนี่เดิมทีก็เป็นสิ่งที่เยี่ยหลีเสนอขึ้นมาเพียงไม่กี่ประโยค แต่สุดท้ายสวีหงเยี่ยนเป็นคนวาดแบบขึ้นมาจนเสร็จด้วยตนเอง ช่วงสองปีนี้งานเฉลิมฉลองในทุกปีของตำหนักติ้งอ๋องจึงจัดขึ้นที่นี่เสียเป็นส่วนใหญ่ และถือเป็นการร่วมสนุกไปกับชาวบ้านด้วย
ที่ด้านบนสุด มีตัวอักษรคำว่า โซ่ว ซึ่งหมายถึงอายุที่ยืนยาวสีทองแขวนอยู่ ด้านล่างขลิบสีแดง หากลองสังเกตดูดีๆ จะพบว่าด้านในตัวโซ่ว ยังมีตัวโซ่วตัวเล็กๆ อีกจำนวนนับไม่ถ้วนเขียนประกอบกันจนออกมาเป็นโซ่วตัวใหญ่ ตัวอักษรเพรียวระหง แต่กลับไม่ขาดราศีและความสง่างาม ซึ่งเขียนขึ้นด้วยลายมือของคุณชายชิงเฉิน
ในคืนนี้ ผู้ที่นั่งอยู่ในตำแหน่งบนสุดหาใช่ม่อซิวเหยาและเยี่ยหลีไม่ แต่เป็นท่านชิงอวิ๋นที่เส้นผมเป็นสีดอกเลาขาวโพลนไปทั้งศีรษะดูราวกับเทพเซียน เยี่ยหลีกับม่อซิวเหยานั่งอยู่ทางขวามือของท่าน ส่วนถัดลงไปทางซ้ายมือคือสวีหงอวี่ สวีหงเยี่ยนและคุณชายตระกูลสวีกับบรรดาสะใภ้ ถัดลงไปอีกเป็นแขกผู้มีเกียรติทั้งหลายกับขุนนางขุนศึกของตำหนักติ้งอ๋องที่มาร่วมงาน ด้วยการจัดตำแหน่งเช่นนี้ จะทำให้คนที่อยู่ในงานไม่รู้ถึงสถานะความสำคัญของตระกูลสวีที่มีในตำหนักติ้งอ๋องได้อย่างไร
พองานเลี้ยงเริ่มต้นขึ้น เยี่ยหลีก็ช่วยกันกับสวีชิงเหยียนประคองท่านชิงอวิ๋นลงนั่ง แล้วจึงเดินไปนั่งลงข้างม่อซิวเหยา หลังจากที่แขกเหรื่อทุกคนนั่งลงแล้ว ในส่วนลานที่มีพื้นที่ว่างโล่งส่วนหนึ่ง สตรีนับร้อยนางที่อยู่ในเสื้อผ้าที่สดใส ในมือถือโคมไฟหลากสีก็พากันออกมาร่ายรำท่ามกลางเสียงเพลงสนุกสนาน การจัดงานเลี้ยงในลานที่กว้างใหญ่เช่นนี้ หากเทียบกับงานเลี้ยงในวังตามที่ทุกคนคุ้นชินกันแล้ว งานเลี้ยงในสถานที่แห่งนี้ย่อมยิ่งใหญ่อลังการกว่ามาก ชาวบ้านจำนวนมากที่มารวมตัวกันเพื่อชื่นชมพลุไฟ ต่างมีแววตาที่เป็นสุขตามไปด้วย
ม่อตัวน้อยนั่งอยู่ตรงกลางระหว่างม่อซิวเหยาและเยี่ยหลี กำลังมองความครื้นเครงตรงหน้าด้วยสายตาใคร่รู้ ถึงแม้เขาจะเป็นซื่อจื่อน้อยของตำหนักติ้งอ๋อง แต่ตั้งแต่เล็กจนโตม่อซิวเหยากับเยี่ยหลีไม่เคยเก็บตัวเขาไว้แต่ในบ้านเลย เขาจึงเคยพบเจอผู้คนและอยู่ในวาระโอกาสต่างๆ มาแล้วหลากหลายรูปแบบ แต่ความครื้นเครงในลานว่างเปล่าดังเช่นในยามนี้กลับเป็นครั้งแรกที่เขาได้พบเห็น ที่ด้านล่าง ชนชั้นสูงจากแต่ละแคว้นก็สังเกตเห็นเด็กน้อยในชุดสีดำที่นั่งตัวตรงอยู่ระหว่างติ้งอ๋องกับพระชายาติ้งอ๋องเช่นกัน อายุเพียงเท่านี้ก็มองเห็นถึงเค้าความหล่อเหลาไม่ธรรมดาแล้ว ดวงตาโตดำขลับกวาดมองลงไปยังทุกคนที่นั่งอยู่ด้วยความใคร่รู้โดยไม่นึกเกรงกลัวเลยสักนิด เด็กคนนี้ก็คือบุตรชายคนโตของตำหนักติ้งอ๋องที่ท่านชิงอวิ๋นตั้งชื่อให้ด้วยตนเองว่าอวี้เฉิน ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ติ้งอ๋องกับพระชายาติ้งอ๋องเพิ่งได้ลูกแฝดชายหญิงเลย แค่เห็นเพียงเด็กชายตรงหน้า ก็ล้ำหน้าทุกคนที่นั่งอยู่ที่นี่ไปแล้ว
ซื่อจื่อของตำหนักติ้งอ๋องอายุน้อยเพียงเท่านี้ก็มีสง่าราศีและความนิ่งสุขุมเพียงนี้แล้ว การที่ตำหนักติ้งอ๋องมีบุตรเช่นนี้ ก็เพียงพอที่จะนึกภูมิใจแล้ว
ที่ด้านล่างดนตรีและการร่ายรำกำลังดำเนินอยู่อย่างสนุกสนาน แขกเหรื่อบนแท่นชมทัศนียภาพก็ไม่ได้อยู่เฉย ระหว่างชื่นชมการแสดงที่แข็งแรงและงดงามที่นานๆ จะได้พบเห็นสักครั้งอยู่นั้น ก็พูดคุยเล่นกับคนที่นั่งอยู่ข้างกายไปด้วย จากนั้นทุกคนก็ทยอยกันเข้าไปมอบของขวัญให้ท่านชิงอวิ๋น อาจด้วยเพราะบทเรียนที่เยียหลี่ว์เหยี่ยได้รับไปในงานเลี้ยงครบเดือนของม่อตัวน้อย ครั้งนี้ของขวัญที่นำมาให้จึงถือว่าเหมาะสม ของขวัญที่แขกเหรื่อทุกคนนำมาล้วนเป็นของขวัญที่เป็นมงคลและเหมาะแก่กาลเทศะทั้งสิ้น ซึ่งม่อซิวเหยาและเยี่ยหลีรู้สึกพอใจกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก ถึงอย่างไรงานเลี้ยงนี้ก็จัดเตรียมขึ้นเพื่อฉลองวันเกิดให้กับท่านชิงอวิ๋น จึงย่อมไม่คาดหวังให้เกิดเรื่องที่นอกเหนือความคาดหมายจนทำให้ท่านผู้เฒ่าอารมณ์ขุ่นมัว แม้แต่ม่อตัวน้อยก็ยังเข้าไปมอบภาพอักษรไป่โซ่วที่ตนเขียนเองกับมือให้ท่านชิงอวิ๋นด้วยเช่นกัน ถึงแม้ม่อตัวน้อยจะยังอายุไม่เต็มแปดขวบดี แต่สองปีนี้การเรียนของเขาที่มีท่านชิงอวิ๋นคอยชี้แนะด้วยตนเองถือว่าไม่เลวเลยทีเดียว ตัวอักษรก็เขียนได้อย่างดูมีเค้ามีทรง ทำให้ท่านชิงอวิ๋นชื่นชมไม่มีที่สิ้นสุด