ชายาเคียงหทัย - ตอนที่ 350-1 กำรประนีประนอมของถำนจี้จือ
คุกใต้ดินอันลึกลับของต าหนักติ้งอ๋องทั้งมืดมนและ เย็นยะเยือก บุรุษผู้หนึ่งอาภรณ์หลุดลุ่ย สภาพจนตรอกดู มิได้ นั่งเหม่ออยู่บนพื้นในห้องขัง แม้ว่ายามนี้จะเป็น ปลายเดือนหกที่ร้อนอบอ้าว แต่ภายในห้องขังของคุกใต้ ดินแห่งนี้กลับท าให้คนรู้สึกหนาวเหน็บและหม่นหมอง เทียบกับที่อื่นแล้ว คุกใต้ดินแห่งนี้แม้ว่าจะยังคงหนาว เย็นแต่กลับนับว่าสะอาดสะอ้านอย่างหาได้ยากยิ่ง ทั้งยัง ไร้ซึ่งเครื่องมือทรมานนักโทษที่น่ากลัว ทว่าใบหน้าของ บุรุษผู้นั้นที่มีหนวดเครารกครึ้มยามนี้กลับมีดวงตาที่ว่าง เปล่า ไม่รับไม่รู้ราวกับไร้ซึ่งชีวิต
หากเป็นไปได้ เขาหวังกระทั่งว่าจะมีคนมาใช้ เครื่องมือลงโทษกับเขา โบยเขาอย่างโหดเหี้ยมสักยก อย่างน้อยเขาก็ยังรู้สึกได้ว่าตัวเองยังมีชีวิตอยู่และบนโลก ใบนี้มิได้มีเขาเพียงคนเดียว ความจริงแล้ว เขารู้ดีว่าโลก
书呆子
ใบนี้มิได้เหลือเขาเพียงแค่คนเดียว นอกจากภายในห้อง ขังที่มืดมนเหน็บหนาวและอ้างว้างแล้วด้านนอกต้องมี ความคึกคักชื่นมื่น ผู้คนไปมาหาสู่กัน ทว่าเรื่องพวกนี้ ล้วนไม่เกี่ยวกับเขา เขาถูกขังอยู่ในนี้ ไม่ได้ยินเสียงด้าน นอกเล็ดลอดเข้ามาแม้แต่น้อย กระทั่งผู้คุมขังของคุกแห่ง นี้เขาก็ไม่เคยเห็น ไม่มีใครปรากฏตัวตรงหน้าเขาได้ และ ไม่มีใครมาพูดคุยกับเขาได้ ขนาดการส่งข้าวส่งน้ าที่มีมา หนึ่งครั้งต่อวันก็ยังเงียบเชียบจนไร้เสียง เขาจ าไม่ได้แล้ว ว่าตัวเองไม่ได้เจอคนเป็นๆ ไม่ได้เอ่ยปากพูดคุยกับใครมา นานเท่าใดแล้ว แรกเริ่มในตอนที่ถูกพาตัวเข้ามาขังเขายัง ตะโกนก่นด่าทออย่างเดือดดาล กระทั่งต่อมาแรงด่าก็ไม่ มีเหลือ จนเขาลืมระยะเวลาที่ตัวเองถูกขังให้อยู่ที่นี่อย่าง ช้าๆ
เสียงฝีเท้าดังขึ้นที่ด้านนอกประตูอย่างน่า ประหลาด บุรุษผู้นั้นหลุดจากภวังค์ แววตาเขาเป็น
书呆子
ประกายแวววาว รีบลุกขึ้นวิ่งไปยังประตูด้วยความ รวดเร็ว แต่ด้วยเพราะถูกขังไว้เนิ่นนาน ข้าวรสจืดชืดและ ชาใบแก่วันละมื้อที่ไม่อาจเรียกได้ว่าอาหารท าให้ร่างกาย ของเขาอ่อนแอลง เดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็ล้มลงกับพื้น ประตู ห้องขังถูกเปิดออกจากด้านนอก องครักษ์อาภรณ์สีด า สองนายเดินเข้ามาหิ้วปีกเขาคนละข้างพาตัวออกไปด้าน นอก
คุกใต้ดินของต าหนักติ้งอ๋องที่ไม่ได้ขังใครไว้จึง สะอาดสะอ้านมาก องครักษ์หิ้วบุรุษผู้นั้นลอดผ่านห้องขัง ที่ว่างเปล่าสองสามห้องเข้ามาในห้องโถงใหญ่อัน กว้างขวาง แล้วโยนตัวเขาลงบนพื้น
“ถานจี้จือ ไม่ได้พบกันเนิ่นนานสบายดีหรือไม่” ม่อซิวเหยาจูงมือเยี่ยหลีนั่งลงในห้องโถงใหญ่ มองบุรุษ สภาพจนตรอกที่อยู่บนพื้นด้วยความสนใจอย่างมาก
书呆子
“ม่อซิวเหยา…” อาจเพราะนานมากแล้วที่ไม่ได้ พูดจา เสียงของถานจี้จือจึงแหบแห้ง ทว่า สายตาที่ มองม่อซิวเหยากลับลุกเป็นไฟแผดเผาด้วยความเด็ด เดี่ยว
ม่อซิวเหยาก็ไม่แยแสในสายตาของถานจี้จือที่คิด จะฉีกเขาเป็นชิ้นๆ ยิ้มบางเอ่ยว่า “ที่ข้ามาวันนี้เพราะ อยากจะมาบอกข่าวดีกับคุณชายถาน”
ถานจี้จือจ้องมองม่อซิวเหยาด้วยความเย็นชา แน่นอนว่าเขาไม่เชื่อว่าม่อซิวเหยาจะบอกข่าวดีอันใดแก่ เขา ม่อซิวเหยาเลิกคิ้วยิ้มเอ่ยว่า “คุณชายถานออกจาก ที่นี่ได้แล้ว”
“อะไรนะ” ถานจี้จือตกตะลึง ตกอยู่ในภวังค์ครู่ หนึ่ง
“ข้าบอกว่า แต่นี้ไปคุณชายถานเป็นอิสระแล้ว ไม่ ต้องอยู่ในคุกใต้ดินแห่งนี้แล้ว หรือคุณชายถานอยู่ที่นี่จน
书呆子
ติดใจไปเสียแล้ว ไม่อยากออกไปแล้วหรือ” ม่อซิวเหยา เอ่ยทวนด้วยความอดมน
“เจ้า…จะ…ใจดี…ปล่อยข้าไป…เช่นนั้นหรือ” ถานจือจี้ไม่ได้พูดจามาเนิ่นนาน จึงพูดได้ติดๆ ขัดๆ ทว่า หลังจากพูดไปได้สองประโยคก็ดีขึ้นบ้างแล้ว “เจ้า ต้องการอันใดกันแน่”
ม่อซิวเหยาพยักหน้าด้วยความพอใจ ยิ้มเอ่ยว่า “ไม่เลว ถูกขังไปเสียนานแต่สมองยังใช้การได้อยู่” แน่นอนว่าอีกฝ่ายไม่ปล่อยเขาไปโดยไร้เงื่อนไขใดแน่
“เงื่อนไขของเจ้าล่ะ” ถานจี้จือเอ่ยถาม ยามนี้เขา รู้สึกแม้กระทั่งไม่ว่าม่อซิวเหยาจะยื่นข้อเสนอใดมาให้ก็ จะรับไว้ทั้งนั้น มีเพียงคนที่เคยสูญเสียอิสระของตัวเองไป เท่านั้นที่จะเข้าใจว่าอิสระภาพนั้นล้ าค่าเพียงใด และเขา ก็ไม่อยากจะอยู่ในห้องขังอันเงียบสงัดอย่างไร้ที่สิ้นสุดที่มี เพียงเขาคนเดียวอีกต่อไปแล้วเช่นกัน
书呆子
ม่อซิวเหยาอมยิ้มเอ่ยว่า “เหรินฉีหนิงยามนี้อยู่ที่ เมืองหลี คุณชายถาน ข้าแปลกใจมาโดยตลอด เจ้ากับเห รินฉีหนิงใครกันแน่ที่เป็นรัชทายาทหลินย่วนองค์สุดท้าย ของราชวงศ์ก่อน หรือพวกเจ้าต่างใช่…หรือต่างไม่ใช่ ด้วยกันทั้งคู่” ถานจี้จือสีหน้าพลันเปลี่ยน เอ่ยเสียงขรึม ว่า “แน่นอนว่าเป็นข้า!” ม่อซิวเหยาพยักหน้าอย่างพอใจ ดูแล้วความทะเยอทะยานของถานจี้จือที่ถูกขังไว้สองปีมา นี้จะยังมิได้ดับมอดไป ทว่าแบบนี้สิดี หากดับมอดไปจน ไม่เหลืออะไรสักอย่าง เช่นนั้นถานจี้จือก็คงไร้ประโยชน์ แล้ว
“อย่างนั้นหรือ แต่เหรินฉีหนิงกลับมิได้คิดเช่นนั้น ยามนี้เขาเป็นเป่ยจิ้งอ๋องผู้สูงสง่า ไม่แน่ว่าอีกไม่นานก็ อาจจะได้เปลี่ยนชื่อกลับเป็นของราชวงศ์ก่อนแล้ว แม้ข้า จะคิดว่าโอกาสนั้นมีไม่มาก แต่อย่างน้อยก็คงจะดีกว่าเจ้า สักหน่อยกระมัง” ม่อซิวเหยายิ้มเอ่ย
书呆子
ถานจี้จือสีหน้าแปรเปลี่ยนในทันที เขาจ้องม่อซิว เหยาเขม็งแล้วเอ่ยว่า “เจ้าต้องการให้ข้าช่วยจัดการเหริน ฉีหนิง”
ม่อซิวเหยายิ้มเอ่ยว่า “เจ้าอย่าได้เคร่งเครียดเพียง นั้น ไม่ว่าเจ้าจะรับปากข้าหรือไม่ ข้าก็จะปล่อยเจ้าไปอยู่ ดี หลังจากเจ้าออกไปแล้วก็ค่อยเลือกเข้ากับเหรินฉีหนิง แล้วช่วยเขาจัดการข้า แต่ไม่รู้ว่าเหรินฉีหนิงจะรับเจ้าไว้ หรือไม่นี่สิ”
ความจริงแล้วค าตอบนั้นชัดเจนมาก หากถานจี้จือ เป็นคนอื่นล่ะก็เหรินฉีหนิงอาจใช้ให้เขาท าเรื่องส าคัญได้ อยู่ แต่สถานะของพวกเขาได้ถูกก าหนดมาแล้วว่าไม่อาจ อยู่ใต้ฟ้าเดียวกันได้ รัชทายาทหลินย่วนของราชวงศ์ก่อน มีเพียงผู้เดียว พวกเขาต่างรู้ดีว่าหนึ่งในพวกเขานั้นเป็นตัว ปลอม ดังนั้น คนที่มีชีวิตอยู่ผู้นั้นจึงจะเป็นตัวจริง
书呆子
ถานจี้จือเงียบไปครู่ใหญ่จึงได้เอ่ยถามขึ้นว่า “ต่อให้ ข้ารับปากเจ้าแล้วจะมีประโยชน์อันใด เจ้าก็บอกแล้วว่า ยามนี้เขาเป็นถึงเป่ยจิ้งอ๋อง ส่วนข้า…” เขาหัวเราะเยาะ ตัวเองแล้วเอ่ยว่า “ข้าเป็นนักโทษของต าหนักติ้งอ๋อง” ม่อซิวเหยาเอ่ยว่า “ข้าก็ไม่คิดว่าเจ้าจะฆ่าเหรินฉีหนิงได้ ขอแค่สร้างปัญหาให้เขาได้ก็พอ ส่วนเรื่องอื่นๆ ย่อมมีคน คอยจัดการ”
“เจ้าไม่กลัวว่าพอข้าออกไปแล้วจะเปลี่ยนใจหรือ” ถานจี้จือเอ่ยถาม
ม่อซิวเหยายักไหล่เอ่ยว่า “เปลี่ยนใจแล้วอย่างไร ท่านหมอหลินมีบุญคุณต่ออาหลีกับตัวน้อน เห็นแก่หน้า เขาข้าจึงเกรงใจไม่ฆ่าเจ้า ทว่า…หากเจ้าท าเรื่องที่ไม่ควร ท าเข้าล่ะก็…บุญคุณของท่านหมอหลินข้าก็ได้ชดใช้ไป แล้ว” หากถานจี้จือก่อเรื่องใดอีก เช่นนั้นม่อซิวเหยาฆ่า เขาก็มิใช่เรื่องที่ต้องเกรงใจแล้ว
书呆子
“พ่อข้า…” พูดถึงท่านหมอหลินแล้ว ถานจี้จือก็อด นิ่งค้างไปมิได้ ปีนั้นเขากับท่านหมอหลินได้ตัดเยื่อขาดใย กัน ณ สุสานแห่งปฐมฮ่องเต้ของราชวงศ์ก่อนไปแล้ว แต่ คิดไม่ถึงว่าตัวเองตกอยู่ในเงื้อมมือของม่อซิวเหยาแล้วยัง มีชีวิตรอดอยู่ได้จะเป็นเพราะท่านหมอ ครุ่นคิดอยู่ครู่ ใหญ่ ในที่สุดถานจี้จือก็พยักหน้าแล้วเอ่ยว่า “ข้ารับปาก” ไม่ว่าอย่างไร เขาก็ไม่อาจกลับเข้าห้องขังไปได้อีกแล้ว เขายังนึกสงสัยว่า หากผ่านไปอีกปีครึ่งแล้วม่อซิวเหยายัง ไม่มา เขาจะปลิดชีวิตตัวเองเพราะทนต่อไปไม่ไหว หรือไม่
ม่อซิวเหยาพยักหน้าด้วยความพอใจ “ดีมาก อา หลี เรื่องของเขาก็ให้เจ้าจัดการแล้ว”
เยี่ยหลีพยักหน้า ยิ้มเอ่ยกับถานจี้จือว่า “หลังจาก ที่คุณชายถานออกไปแล้วรบกวนจัดหาที่พักให้เรียบร้อย แล้วก็พักรักษาตัวให้ดี จากนั้นจะมีคนไปหาท่านเอง”
书呆子
ถานจี้จือมองเยี่ยหลีคราหนึ่งแล้วพยักหน้าเอ่ยว่า “ขอบพระทัยพระชายา”
เยี่ยหลีครุ่นคิดแล้วเอ่ยอีกว่า “หากคุณชายถานพอ มีเวลาจะไปพบท่านหมอหลินสักหน่อยก็ได้ ยามนี้เขา เปิดโรงหมออยู่ในเมือง” ถานจี้จือส่ายหน้าเอ่ยว่า “ช่าง มันเถิด เราไม่เกี่ยวข้องอันใดกันอีกแล้ว”
เยี่ยหลีเห็นเขากล่าวเช่นนี้ก็ไม่ไปบังคับเขาอีก อันที่ จริงการที่ท่านหมอหลินไม่เกี่ยวข้องอันใดกับถานจี้จือ แล้วคงจะมีคืนวันที่สงบสุขขึ้นไม่น้อย