ชายาเคียงหทัย - ตอนที่ 350-2 กำรประนีประนอมของถำนจี้จือ
เมื่อเอ่ยในสิ่งที่สมควรเอ่ยเรียบร้อยแล้ว ม่อซิว เหยาก็ดึงตัวเยี่ยหลีให้ลุกขึ้น ก่อนจะหันไปเอ่ยกับถาน จี้จือว่า “จริงสิ หากคุณชายถานไม่มีความจ าเป็นใดๆ ก็ อย่าได้ออกไปเดินเตร็ดเตร่อยู่ในเมืองเลย ในตอนนี้ไม่ใช่ แค่เพียงเหรินฉีหนิงเท่านั้น ที่อยู่ในเมืองหลี แต่ทั้งม่อจิ่ง หลีและสนมหลิ่ว ต่างก็อยู่ที่เมืองหลีทั้งสิ้น” เหลยเจิ้นถิง มิได้มีเรื่องบาดหมางใหญ่หลวงกับถานจี้จือ ทว่าม่อจิ่งหลี และสนมหลิ่วมิใช่เช่นนั้น ต่อให้ม่อจิ่งหลีจะไร้ ความสามารถเพียงใด แต่การจะสังหารถานจี้จือในตอนนี้ ก็ถือว่าเป็นเรื่องง่ายนิดเดียว “อีกอย่าง ตอนนี้ต้าฉู่ได้ย้าย ไปทางตอนใต้ของแม่น้ าอวิ๋นหลันแล้ว ต้าฉู่…ใกล้จะถึง การจบสิ้นแล้ว ความปรารถนาของคุณชายถานก็กล่าวได้ ว่าใกล้จะเป็นความจริงแล้วกระมัง”
书呆子
“ต้าฉู่ย้ายลงไปทางใต้แล้วหรือ เช่นนั้นฉู่จิง …” ถานจี้จือกล่าวขึ้นด้วยความตกใจ
ม่อซิวเหยาเอ่ย “ฉู่จิงแห่งต้าฉู่และเขตพระราชฐาน แห่งซีหลิง ตอนนี้ตกเป็นของข้าแล้วทั้งสิ้น”
ถานจี้จือเงียบไป ช่วงเวลาสั้นๆ เพียงแค่สองปี แต่ เขากลับพลาดเรื่องราวไปมากมายเพียงนี้ ตอนนี้สิ่งที่เขา จ าเป็นต้องท าก็คือท าความเข้าใจกับสถานการณ์ว่าใน สองปีที่ผ่านมานี้เกิดเรื่องราวอะไรขึ้นบ้าง ม่อซิวเหยาไม่ สนใจถานจี้จืออีก เดินเคียงคู่กับเยี่ยหลีออกไปจากคุกใต้ ดินอย่างสบายอารมณ์
หลายวันหลังจากนั้น ต าหนักติ้งอ๋องดูคล้ายจะ เงียบสงบลง แต่ผู้คนที่อาศัยอยู่ภายนอกต าหนักติ้งอ๋องก็ ยังคงวุ่นวายเช่นเดิม ไม่รู้ว่าใครเป็นผู้ปล่อยข่าวเรื่องที่ ประมุขแห่งเขาซางหมางมาถึงที่เมืองหลีออกไป ภายใน เวลาไม่กี่วัน ทั้งม่อจิ่งหลีและเหรินฉีหนิง ต่างพากันไป
书呆子
คารวะไม่ได้ขาด ขนาดผู้ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรอย่างเยียห ลี่ว์เหยี่ยและเยียหลี่ว์หงเอง ก็ยังเข้าไปร่วมวงกับเขาด้วย ที่บอกว่าไม่เกี่ยวข้องเป็นเพราะถึงแม้คนของภูเขาซาง หมางจะประกาศว่าตนเป็นผู้เลือกประมุขแทนฟ้า แต่ถึง อย่างไรก็ยังมีข้อก าหนดอยู่ ซึ่งชนเผ่าป่าเถื่อนนอก ก าแพงอย่างแคว้นเป่ยหรงไม่อยู่ในขอบเขตการเลือกของ พวกเขาแน่นอน ส่วนคนที่กระตือรือร้นที่สุดแน่นอนไม่มี ผู้ใดเกินม่อจิ่งหลีไปได้
ภายในต าหนักติ้งอ๋อง เยี่ยอิ๋งที่นั่งอยู่ตรงข้ามเยี่ย หลี ร้องไห้ร้องห่มไม่ยอมหยุด เยี่ยหลีก็ไม่ได้ปลอบนาง เพียงแต่นั่งรอให้นางร้องไห้ให้เสร็จอยู่เงียบๆ ผ่านไปครู่ ใหญ่ ในที่สุดเยี่ยอิ๋งก็หยุดร้อง แล้วกล่าวกับเยี่ยหลีทั้ง น้ าตาว่า “พี่สาม ข้าเสียใจยิ่ง เหตุใดตอนนั้นข้าต้องออก เรือนไปกับเขาด้วย ฮือๆ…ทั้งๆ ที่ตอนนั้นเขาบอกว่าจะ รักข้าไปตลอดชีวิตแท้ๆ แต่มาตอนนี้ ตอนนี้…”
书呆子
เยี่ยหลีเลิกคิ้วขึ้นแล้วกล่าวออกมาอย่างสงบว่า “เกิดอะไรขึ้น เล่าให้ข้าฟังดีๆ เถิด ร้องไห้ไปจะมี ประโยชน์อันใด”
เยี่ยอิ๋งปาดน้ าตาออกโดยแรง ก่อนจะพยักหน้า แล้วกล่าวว่า “พี่สาม ท่านกล่าวได้ไม่ผิดเลยสักนิด ข้าจะ ไม่ร้อง…ร้องไห้เพื่อคนสารเลวนั่นไม่คุ้มกันเลยสักนิด ตอนนั้นข้าคงตาบอดมากถึงได้ไปรักเขาเข้า มิน่า…มิน่า ตอนนั้นพี่สามถึงไม่ชอบเขา ติ้งอ๋องช่างดีกับท่าน เหลือเกิน” เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ เยี่ยอิ๋งก็บังเกิดความรู้สึก อิจฉาขึ้นมา ตอนนั้นในฉู่จิง ใครบ้างไม่เห็นใจและสงสาร คุณหนูสามตระกูลเยี่ยที่ไม่เพียงพลาดต าแหน่งพระชายา หลีอ๋อง แต่ยังต้องออกเรือนไปกับคนไร้ค่ารูปโฉม อัปลักษณ์แถมยังต้องนั่งบนรถเข็นตลอดเวลาด้วย แต่มา ดูตอนนี้สิ ติ้งอ๋องผู้นั้นถึงจะผมขาวทั้งศีรษะ แต่หน้าตา และท่าทางนั้น มีชายใดในใต้หล้าที่พอจะเทียบเทียมได้
书呆子
บ้าง ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องความรักเดียวใจเดียวที่มี ต่อเยี่ยหลีเลย ช่างเป็นที่น่าอิจฉาของหญิงสาวในใต้หล้า ยิ่งนัก
ชิงซวงที่ยืนอยู่ด้านหลังเยี่ยหลีได้แต่แอบเหยียดมุม มาก ตอนนั้นหากให้คุณหนูสี่ผู้นี้ออกเรือนไปกับติ้งอ๋อง เกรงว่าคงจะได้ร้องไห้จะเป็นจะตายยิ่งกว่านี้เป็นแน่ ตอนนี้กลับจะมาอิจฉาพระชายาเอกของพวกนางหรือ
เยี่ยหลีไม่สนใจค ากล่าวที่แฝงไว้ด้วยความริษยา ของนาง ก่อนจะถามอย่างสงบว่า “เกิดเรื่องอะไรขึ้น”
เยี่ยอิ๋งสะอื้นไห้ พลางเล่าเรื่องที่ม่อจิ่งหลีวันๆ เอา แต่ไปท าดีกับตงฟางโยวและตงฟางฮุ่ย ถึงขนาดปรึกษา กับลูกน้องคนสนิทว่าถ้าหากตงฟางโยวยินดีที่จะลดตัวลง มาแต่งงานกับตนแล้ว ก็จะปลดต าแหน่งพระชายาเอก ของเยี่ยอิ๋งออก ยิ่งกล่าวก็ยิ่งเสียใจ ยังไม่ทันเล่าจบเยี่ยอิ๋ง ก็ร้องไห้ออกมาอีกครั้ง เยี่ยหลีมองดูเยี่ยอิ๋งที่เป็นดั่ง
书呆子
กระเป๋าน้ าตแล้วก็ได้แต่ทอดถอนใจด้วยความจนใจ เป็น ครั้งแรกที่นึกสงสัยว่าการที่ตนจะให้เยี่ยอิ๋งเป็นสายสืบ ข้างกายม่อจิ่งหลีนั้นจะเชื่อมั่นได้หรือไม่ หรือบางทีอาจ ต้องให้เหยาจีช่วยคิดหาวิธีการอื่น แต่คิดอีกทีฉินเฟิงก็ อายุไม่น้อยแล้ว ถึงจะไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างพวก เขาสองคนพัฒนาไปถึงขั้นไหนแล้ว แต่การจะให้เหยาจี อยู่ที่ต าหนักมู่หยางโหวไปตลอดก็คงจะไม่เป็นการดีสัก เท่าไร
“พี่สาม ข้าควรท าเช่นไรดี” เยี่ยอิ๋งถามออกมาทั้งที่ ตาแดง เยี่ยอิ๋งมิใช่คนโง่ หากจะบอกว่าก่อนหน้านี้ม่อจิ่ง หลียังเห็นแก่ที่นางเป็นน้องสาวของพระชายาติ้งอ๋อง แต่ มาตอนนี้หากเทียบกับอ านาจอันเป็นที่น่าจับจ้องของ ภูเขาซางหมางแล้วก็ดูจะเทียบกันไม่ติด หากว่าตงฟาง โยวแห่งภูเขาซางหมางยินดีลดตัวลงไปแต่งงานกับม่อจิ่ง หลีจริง ม่อจิ่งหลีคงได้หย่าขาดกับนางโดยไม่ลังเลเป็นแน่
书呆子
ตอนนี้นางไม่ใช่สตรีสาวแล้ว อีกทั้งยังผิดใจกับมารดา ด้วยเรื่องเยี่ยเย่ว์ ตอนนี้นอกจากม่อจิ่งหลีแล้วนางก็ไม่มีที่ พึ่งใดอีก อีกอย่างถึงแม้เยี่ยอิ๋งจะเห็นแก่ตัวไปบ้าง แต่ เรื่องอย่างที่สนมหลิ่วท านางคงท ามิได้เด็ดขาด
เยี่ยหลีหยุดคิดไปครู่หนึ่งแล้วกล่าวปลอบใจนางขึ้น ว่า “เจ้าไม่ต้องกังวล ต่อให้ม่อจิ่งหลีแต่งกับตงฟางโยว จริง อย่างน้อยข้าก็สามารถรับประกันให้เจ้าได้ว่าเจ้าจะ ไม่ถูกลดต าแหน่งลงเป็นพระชายารองเด็ดขาด”
เยี่ยอิ๋งไม่อยากเชื่อค าพูดนางสักเท่าไร สตรีที่มา จากภูเขาซางหมางผู้นั้นมีหรือจะยอมเป็นพระชายารอง หากเป็นพระชายารองของม่อซิวเหยาก็ยังพอว่า เพราะ คนที่หนุนหลังเยี่ยหลีอยู่นั้นแข็งแกร่งมาก ตอนนี้ ตระกูลสวีมีต าแหน่งที่มั่นคงในต าหนักติ้งอ๋อง แต่ว่านาง มิใช่ นางอยู่ที่เจียงหนานคนเดียว ไม่มีใครที่สามารถ พึ่งพาได้
书呆子
เยี่ยหลียิ้มอ่อนๆ ออกมาก่อนจะกล่าวว่า “ข้าจะ หลอกเจ้าเพื่อสิ่งใด ต่อให้แต่ไหนแต่ไรมาเราไม่ได้ใกล้ชิด กัน แต่คนภายนอกก็รับรู้ว่าเจ้าเป็นน้องสาวข้า หากเจ้า โดนลดฐานะเป็นพระชายารอง ข้าจะมีหน้ามีตามากขึ้น หรือ หากไม่ได้จริงๆ ก็ให้ม่อจิ่งหลีแต่งพระชายาเอกสอง คนก็แล้วกัน ต าแหน่งใหญ่เท่ากันไปเลย”
“แต่ว่า…จะไม่สามารถ…” เยี่ยอิ๋งกล่าวออกมา อย่างไม่ยินยอม
เยี่ยหลีกล่าวขึ้นยิ้มๆ ว่า “จะไม่ให้ตงฟางโยว แต่งงานกับม่อจิ่งหลีเลยน่ะหรือ ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ได้ แต่เจ้า ว่าม่อจิ่งหลีจะมาพาลโกรธเจ้าหรือไม่เล่า หรือไม่เขา อาจจะสังหารเจ้าในสถานที่ที่พวกข้าไม่รู้ก็เป็นได้” เยี่ยอิ๋งชะงักไป นางอยู่กับม่อจิ่งหลีมาหลายปี ม่อจิ่งหลี โหดเหี้ยมเพียงใด เยี่ยอิ๋งก็พอรู้แก่ใจอยู่บ้าง พอคิดถึง
书呆子
เรื่องที่เยี่ยเย่ว์ถูกไฟครอกตาย สีหน้าของเยี่ยอิ๋งก็ซีดเผือด ขึ้นโดยพลัน
ต้องยอมรับว่า เรื่องของเยี่ยเย่ว์ท าให้ม่อจิ่งหลีมี ความผิดติดตัวอยู่ไม่น้อย อย่างน้อยไม่ว่าจะเป็นทุกคนใน ตระกูลเยี่ยหรือว่าเยี่ยอิ๋งเอง ต่างก็เข้าใจว่าการตายของ เยี่ยเย่ว์เป็นการกระท าของม่อจิ่งหลี
“เราเป็นพี่น้องกัน เจ้ามีสองทางเลือก หนึ่งคืออยู่ที่ เมืองหลีต่อไปแต่ต้องตัดสัมพันธ์กับของม่อจิ่งหลีให้ขาด แล้วกลับไปเป็นบุตรสาวตระกูลเยี่ยเช่นเดิม กลับไป ตระกูลเยี่ยแล้วทั้งท่านพ่อ ท่านแม่ ท่านย่าคงไม่เพิกเฉย ต่อเจ้าแน่ จากนี้ก็ใช้ชีวิตอย่างสามัญชนคนธรรมดาไป ตลอดชีวิต สองคือกลับไปเจียงหนานกับม่อจิ่งหลี สิ่งที่ข้า ท าได้ มีเพียงการรักษาต าแหน่งพระชายาเอกของเจ้า เอาไว้เท่านั้น ส่วนต่อไปจะเป็นเช่นไร…ก็เป็นชีวิตของตัว เจ้าเองแล้ว”
书呆子
“ข้า…” สีหน้าของเยี่ยอิ๋งดูสับสนทุรนทุราย ผ่าน ไปพักใหญ่ก็ส่ายหน้า “ไม่ ข้าจะกลับไป ข้ากลับ ตระกูลเยี่ยไม่ได้อีกแล้ว ข้าคือพระชายาหลีอ๋อง ยังมีลูก ของข้าด้วย…”
สายตาของเยี่ยหลีไหววูบ เอ่ย “ข้าจะช่วยตามหา ลูกของเจ้าเอง ได้เรื่องอะไรจะให้คนไปส่งข่าวเจ้าทันที”
“พี่สาม ท่าน…เหตุใดถึงดีกับข้าเพียงนี้” เยี่ยอิ๋ง ไม่ได้โง่ แล้วก็ไม่ได้ลืมด้วยว่าเมื่อก่อนนางและเยี่ยหลี ไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ถ้าด้วยเรื่องเล็กน้อยเยี่ย หลีจะช่วยนางก็ไม่เป็นปัญหาอะไร แต่เรื่องพวกนี้เห็นได้ ชัดว่าแสนจะยุ่งยาก แต่เยี่ยหลีก็ยังไม่ลังเลที่จะช่วยนาง นางจึงอดสงสัยในจุดประสงค์ของเยี่ยหลีไม่ได้
เยี่ยหลีเองก็ไม่ได้ตั้งใจจะเอาค ากล่าวสวยงามใดมา ปกปิด จึงกล่าวออกไปอย่างสงบว่า “ไม่มีอะไรหรอก หากว่าม่อจิ่งหลีแต่งงานกับตงฟางโยวจริง ก็จะเป็น
书呆子
อันตรายกับต าหนักติ้งอ๋อง ขอเพียงเจ้าส่งข่าวมาให้ข้า บ้างก็พอ เจ้าวางใจเถิด ข้าไม่ให้เจ้าท าเรื่องอันตราย หรอก และข้าสามารถให้ค าสัญญากับเจ้าได้ด้วยว่า หาก ในอนาคตเจ้าต้องพบเจอกับอันตราย ข้าสามารถช่วยเจ้า ให้ปลอดภัยได้”