ชายาเคียงหทัย - ตอนที่ 351 อำลา (1)
ภายในจวนตงฟางที่เพิ่งจะแขวนป้ายชื่อจวน ตงฟางฮุ่ยไล่คนที่เพิ่งกลับมาจากตําหนักติ้ งอ๋อ งออกไป สีหน้าเริ่มเย็นยะเยือก ตงฟางโยวยืนอยู่ตรงหน้านาง ก่อนจะเอ่ยปากด้วยนํ้าเสียง กังวลใจ ‚ท่านอาจารย์ ติ้ งอ๋อง…‛ ตงฟางฮุ่ยรับคําอย่างช้าๆ ‚ติ้ งอ๋องปฏิเสธ‛ ตงฟางโยวผงะ คิ้ วขมวดมุ่นก่อนจะเอ่ย ‚หากก่อนหน้านี้ เป็นเพราะศิษย์ แต่ยามนี้ …เราไม่ได้มีเจตนาจะขอ แต่งงานแล้ว เหตุใดพวกเขาถึงยังไม่ยอมรับอีก‛
ตงฟางฮุ่ยหัวเราะเสียงเย็นก่อนจะกล่าว ‚เจ้าเองก็คาดเดาได้แล้วไม่ใช่หรือ ตําหนักติ้ งอ๋อง ไม่มีเจตนาที่จะร่วมมือกับภูเขาซางหมางแต่แรกแล้ว‛
ตงฟางโยวขมวดคิ้ วแล้วถามต่อ ‚นี่ช่างไร้เหตุผลสิ้ นดี หากได้พวกเราคอยสนับสนุน ตํา หนักติ้ งอ๋องคงประหนึ่งพยัคฆ์ติดปีกเป็นแน่ ถ้าจะต่อกรกับแคว้นเป่ ยหรง เป่ ยจิ้ งหรือกระทั่งซีห ลิงก็มีแต่จะเพิ่มกําลังเป็นทวีคูณ เหตุใดติ้ งอ๋องจึงไม่ตอบตกลงเล่า‛ ตงฟางฮุ่ยยิ้ มอ่อนออกมา ก่อนจะกล่าว ‚โยวเอ๋อร์ ถึงแม้เจ้าจะฉลาดหลักแหลม แต่ก็ไม่มีความคิดอ่านและจิตใจอย่างที่ผู้ เป็นใหญ่มีมาแต่กําเนิด นี่ก็เป็นจุดที่อาจารย์เป็นห่วงเจ้าที่สุด กําลังอํานาจของตําหนักติ้ งอ๋องมี
ชายาเคียงหทัย Page 463 of 1047
มากเพียงพออยู่แล้ว แถมยังมีคนของตระกูลสวีคอยสนับสนุน หากว่าม่อซิวเหยามีใจคิดจะ ปกครองแผ่นดิน ช้าเร็วอย่างไรก็ต้องทําได้แน่นอน ถึงแม้ไม่มีกําลังของภูเขาซางหมางจะทําให้ เวลายืดยาวออกไปเล็กน้อย ทว่า…ก็จะไร้ซึ่งความกังวล‛ พลังอํานาจของภูเขาซางหมางเป็นที่ น่าจับจ้องแต่ก็ทําให้คนหวาดกลัวด้วยเช่นกัน หากตําหนักติ้ งอ๋องร่วมมือกับภูเขาซางหมาง ม่อ ซิวเหยาคงเกรงว่าในอนาคตจะไม่อาจสลัดหางนี้ ทิ้ งไปได้ แต่จะกลับถูกมัดพันธนาการเอาไว้ เสียเอง
‚แต่ว่าม่อซิวเหยาอย่าได้หลงลืมไป หากไม่มีการสนับสนุนจากภูเขาซางหมาง บางทีเขา อาจจะไปถึงเป้าหมายได้ก็จริง หากแต่ภูเขาซางหมางของข้าไปสนับสนุนผู้อื่น…‛ สายตาตง ฟางฮุ่ยเปลี่ยนไป เอ่ยออกมาอย่างเย็นชา นางอ่านความคิดของม่อซิวเหยาออก แต่นางยอมรับ ไม่ได้ การที่ม่อซิวเหยาปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใยเช่นนี้ นอกจากหวาดกลัวพลังอํานาจของภูเขาซาง หมางแล้ว เกรงว่าเขาคงจะไม่เห็นภูเขาซางหมางอยู่ในสายตาเลยต่างหาก
‚ท่านอาจารย์…‛ ตงฟางโยวผงะ มองตงฟางฮุ่ยด้วยความเป็นกังวล
สีหน้าของตงฟางฮุ่ยอ่อนลงมาเล็กน้อย มองนางก่อนจะเอ่ยยิ้ มๆ ว่า ‚โยวเอ๋อร์มีสิ่งใด อยากจะพูดอย่างนั้นหรือ‛
ตงฟางโยวขมวดคิ้ วพลางเอ่ย ‚ท่านอาจารย์คิดที่จะสนับสนุนผู้อื่นอย่างนั้นหรือ แต่ว่า…ณ ขณะนี้ นอกจากเหลยเจิ้ นถิงแล้วก็ไม่มีผู้ใดเป็นคู่แข่งของม่อซิวเหยาอีก แต่ว่าเหลยเจิ้ นถิง… ศิษย์เห็นว่า เขาไม่มีความสนใจที่จะร่วมมือกับภูเขาซางหมางเลย อีกอย่างอายุของเขา…‛ เหลยเจิ้ นถิงอายุมากกว่าม่อซิวเหยามาก ต่อให้ติ้ งอ๋องไม่ทําสิ่งใดเลย แค่ถ่วงเวลาไว้ก็ทําให้ เหลยเจิ้ นถิงตายได้แล้ว ส่วนเหลยเถิงเฟิงบุตรชายของเหลยเจิ้ นถิงก็ไม่โดดเด่น ผลงาน ธรรมดา ถ้าจะให้ปกครองแผ่นดินเกรงว่าคงจะยาก ตงฟางฮุ่ยพยักหน้าอย่างชมเชย หากไม่ใช่เรื่องหลักทํานองคลองธรรม สายตาความคิด อ่านของตงฟางโยวก็ชัดเจนและแม่นยําเป็นอย่างมาก ‚เช่นนั้นเจ้ามีความเห็นว่าอย่างไร‛ ตงฟางฮุ่ยถาม
ตงฟางโยวมีความลังเลใจ คล้ายจะกล่าวอะไรแต่ก็ไม่กล่าว ตงฟางฮุ่ยที่เห็นดังนั้นก็เริ่มที่จะ เคร่งขรึมก่อนจะเอ่ย ‚หากเจ้ายังคงคิดถึงสวีชิงเฉิน ข้าขอเตือนให้เจ้าตัดใจเสียแต่ตอนนี้ คน ของตระกูลสวี…ดูภายนอกเหมือนจะสง่างาม สุภาพมีมารยาท แต่ความจริงแล้วปฏิบัติต่อคน นอกนั้นเย็นชา ไร้นํ้าใจ เจ้าไม่เข้าตาพวกเขาหรอก พวกเขาจะไม่ถนอมเจ้าสักนิด หากเจ้าเข้า ไปข้องเกี่ยวก็รังแต่จะนําความเดือดร้อนมาให้ตนเองเปล่าๆ‛
ตงฟางโยวมองอาจารย์ด้วยความสงสัย ไม่รู้เพราะเหตุใดรู้สึกว่าประโยคนั้นของอาจารย์ช่าง เย็นยะเยือกไร้ความรู้สึก สัมผัสได้ถึงการกัดฟันอยู่เล็กน้อย ทว่าต่อหน้าตนนั้นอาจารย์ใจเย็น
ชายาเคียงหทัย Page 464 of 1047
สง่างาม สุขุมนุ่มลึกมาแต่ไหนแต่ไร ตงฟางโยวผงะไปครู่หนึ่ง และคิดว่าตนคงคิดมากไปเอง นึกไปถึงการปฏิเสธอันเย็นชาของสวีชิงเฉินและคําเหน็บแนมของสวีชิงเหยียนที่มีต่อตน จึงทํา ให้ตงฟางโยวได้แต่ยอมรับว่าที่อาจารย์พูดนั้นถูกต้อง แต่ต่อให้เป็นเช่นนั้น จะให้นางต้อง ล้มเลิกความคิดแล้วไปเลือกคนอื่น นางเองก็ไม่อยากทําเช่นกัน นอกจากนางไม่อยากยอมแพ้ เรื่องสวีชิงเฉินแล้ว อีกอย่างหนึ่งก็เพราะม่อจิ่งหลีและเหรินฉีหนิงเมื่อเทียบกับตําหนักติ้ งอ๋อง แล้ว ไม่ว่าอย่างไรนางยังคงมองว่าตําหนักติ้ งอ๋องดีที่สุด หากอาจารย์เลือกคนอื่น นางก็รู้สึกว่า โอกาสที่จะล้มเหลวนั้นมีอยู่สูงมาก
แต่ก็ต้องพูดว่า เนื่องด้วยตงฟางโยวไม่เข้าใจหลักทํานองคลองธรรม จึงทําให้ไม่มีเรื่องใด มากระทบต่อการมองเรื่องราวต่างๆ ได้ง่ายยิ่งขึ้ น ยกตัวอย่างเช่น หลังจากคนฉลาดเฉลียว อย่างตงฟางฮุ่ยถูกปฏิเสธ ภายใต้อารมณ์โกรธก็คิดแต่จะเข้าเป็นพวกกับผู้อื่นเพื่อต่อต้าน ตําหนักติ้ งอ๋องและสั่งสอนม่อซิวเหยา ทว่าตงฟางโยวมีเพียงแค่ความไม่เข้าใจและความเสียใจ ในเรื่องการแก้ปัญหาของตําหนักติ้ งอ๋อง แต่แสดงความโกรธออกมาน้อยมาก ดังนั้นนางจึงมอง ออกได้อย่างชัดเจนแจ่มแจ้งกว่าว่า ม่อจิ่งหลีกับตําหนักติ้ งอ๋องนั้นห่างชั้นกันเหลือเกิน ไม่อาจ บอกได้ว่าไร้ซึ่งความเห็นแก่ตัว หากแต่ความคิดของนางนั้นถูกต้องอย่างแน่นอน
‚อาจารย์ ศิษย์ไม่ชอบม่อจิ่งหลีกับเหรินฉีหนิง‛ ตงฟางโยวพูดพลางขมวดคิ้ ว
ตงฟางฮุ่ยพูดพลางยิ้ มด้วยความรักและเมตตาว่า ‚เจ้าไม่ชอบ อาจารย์ก็ใช่ว่าจะให้เจ้า แต่งงานกับเขานี่ เจ้ากังวลอะไร‛
ตงฟางโยวเอ่ยพลางมุ่นคิ้ ว ‚แต่หากเป็ นม่อจิ่งหลีกับเหรินฉีหนิง พวกเขาคงขอข้าแต่งงาน เป็นแน่‛ ไม่อย่างนั้นพวกเขาก็จะไม่เชื่อถือในความจริงใจของภูเขาซางหมาง ก่อนหน้านี้ บรรพบรุษแต่ละรุ่นของภูเขาซางหมางนก็ทําเช่นนี้ เหมือนกันมิใช่หรือ หากผู้สืบทอดของภูเขา ซางหมางไม่แต่งงานกับพวกเขา พวกเขาจะเชื่อได้อย่างไรว่า พวกเขาเป็นคนที่ถูกภูเขาซาง หมางเลือกจริงๆ
‚ถ้าหากเป็นเช่นนี้ จริง…….‛ ตงฟางฮุ่ยลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่พูดต่อว่าถ้าหากเป็นเช่นนี้ จริง อาจารย์ก็จะไม่ได้บังคับเจ้า พูดเพียงแต่ว่า ‚อาจารย์จะคิดอย่างถี่ถ้วน เจ้าไปพักก่อนเถิด‛ ตงฟางโยวกัดปากตัวเอง ก่อนจะถามต่ออย่างระแวดระวังว่า ‚อาจารย์ หากข้ามีวิธีการที่ทํา ให้สวีชิงเฉินแต่งงานกับข้าได้เล่า…‛
เห็นได้ชัดว่าตงฟางฮุ่ยไม่เชื่อว่าลูกศิษย์ตนจะอดทนได้ จึงมุ่นคิ้ วก่อนจะเอ่ย ‚รอให้เจ้าทํา ได้จริงๆ เสียก่อนแล้วค่อยว่ากันก็แล้วกัน ไปพักผ่อนเถิด ขอข้าไตร่ตรองดูก่อน‛
ชายาเคียงหทัย Page 465 of 1047
ใบหน้าอันงดงามของตงฟางโยวฉายแววเจ็บปวด ทําได้เพียงถอยออกไปเงียบๆ นางเอี้ ยว ตัวไปปิดประตู มองอาจารย์ที่มีท่าทีครุ่นคิด แล้วใบหน้าอันงดงามของตงฟางโยวก็ฉายความ แน่วแน่ขึ้ นมาแวบหนึ่ง
‚ฮูหยิน เป่ ยจิ้ งอ๋อง เหรินฉีหนิงขอเข้าพบขอรับ‛ ภายในประตูนั้น ไม่รู้ว่าตงฟางฮุ่ยคิดอะไร ขึ้ นได้ สีหน้าดูดีใจระคนเศร้าใจ ก่อนสุดท้ายจะแปรเปลี่ยนเป็นความเสียใจและความเคียด แค้น การที่บ่าวมารายงานที่หน้าประตู ทําให้นางตื่นจากภวังค์ จึงเก็บสีหน้าอาการต่างๆ ก่อน จะลุกขึ้ นพร้อมขมวดคิ้ วเอ่ยถามว่า ‚เหรินฉีหนิง เขามาทําอะไร‛ คนที่อยู่ด้านนอกประตูตอบ กลับ ‚เป่ ยจิ้ งอ๋องบอกว่าจะขอพบฮูหยินขอรับ‛
‚เชิญให้เขาไปรอที่ห้องโถงใหญ่สักครู่เถิด‛ ตงฟางฮุ่ยกําชับเสียงเรียบ
‚ขอรับ‛
ตงฟางฮุ่ยจัดระเบียบเครื่องแต่งกายครู่หนึ่ง ก่อนเดินออกไปที่ห้องโถงด้านหน้า เหรินฉี หนิงคอยอยู่ตั้งแรกดังคาด เมื่อเห็นตงฟางฮุ่ยเข้ามาก็กุลีกุจอลุกขึ้ นและเคารพอย่างนอบน้อม ก่อนจะเอ่ย ‚ข้าน้อยหลินย่วน คารวะตงฟางฮูหยิน‛ ใบหน้านวลของตงฟางฮุ่ยมองเหรินฉีหนิง พลางยิ้ มเอ่ย ‚หลินย่วนหรือ เป่ ยจิ้ งอ๋องมิได้แซ่เหรินหรอกหรือ‛
เหรินฉีหนิงยิ้ มอย่างจนปัญญา ก่อนจะตอบ ‚ทายาทกําพร้าแห่งราชวงศ์ก่อน มิบังอาจอยู่ บนแผ่นดินโดยใช้นามจริงได้ เป็นที่น่าละอายใจต่อเหล่าบรรพบุรุษ‛ อันที่จริง เหตุใดเหรินฉี หนิงจะไม่อยากกลับไปใช้ชื่อเดิมเล่า ทว่าเนื่องด้วยสองปีมานี้ ยังไม่สบโอกาส หนึ่งคือเขายัง ต้องพึ่งพาคนเป่ ยจิ้ งจํานวนมาก ราชินีองค์ก่อนที่สิ้ นไปถึงแม้จะเป็นสตรีเป่ ยจิ้ ง แต่ก็เป็นคน ฉลาดหลักแหลมอย่างหาตัวจับได้ยาก หากว่าเขารีบเปลี่ยนชื่อ หรือกระทั่งเปลี่ยนชื่อแคว้น คง
จะทําให้นางและผู้มีอิทธิพลแห่งเป่ ยจิ้ งไม่พอใจได้ | สองคือ | หากเขากลับไปใช้ชื่อหลินย่วน |
ตามเดิม ไม่ว่าจะเป็นตําหนักติ้ งอ๋อง ซีหลิงหรือม่อจิ่งหลี ล้วนแล้วแต่จะเป็นศัตรูของเขาทั้งสิ้ น | ||
ซึ่งราชวงศ์เก่าก็ล่มสลายด้วยนํ้ามือของต้าฉู่และซีหลิง | เมื่อถึงเวลาเขาจะกลายเป็นเป้าโจมตี | |
ของทุกฝ่ ายเอาไว้ ตงฟางฮุ่ยพินิจเขาอยู่นาน | ก่อนเอ่ยเสียงเรียบ | |
‚ลูกหลานราชวงศ์เก่ามีแต่คิดจะฟื้ นฟู |
อาณาจักรตน แต่กลับล้มเหลวไม่เป็นท่า เจ้ามีวันนี้ ได้ก็ถือว่าไม่เลวแล้ว‛
เหรินฉีหนิงหลุบตา ก่อนจะยิ้ มเย็นพลางเอ่ย ‚ฮูหยินชมเกินไปแล้ว ในชีวิตนี้ ของหลินย่วน มิอาจลืมปณิธานของบรรพบุรุษได้ ในปีนั้น ภูเขาซางหมางกับตระกูลข้ามีความสัมพันธ์กันทาง สายเลือด ข้าน้อยจึงใคร่ขอความช่วยเหลือจากฮูหยิน‛ ตงฟางฮุ่ยเงียบไปไม่ได้พูดสิ่งใด เหรินฉี หนิงเข้าใจว่านางกําลังไตร่ตรอง ก็ไม่เร่งเร้าเพื่อเกลี้ ยกล่อม นั่งรอคําตอบเงียบๆ อยู่ในมุมหนึ่ง ผ่านไปครู่ใหญ่ ถึงได้ยินคําตอบจากตงฟางฮุ่ยว่า ‚คุณชายเหริน พูดตามตรง อย่างไม่ปิดบัง ข้า
ชายาเคียงหทัย Page 466 of 1047
นับถือความสามารถและความเพียรของคุณชายมาก ทว่า…หากคุณชายคิดจะฟื้ นฟูอาณาจักร เกรงว่าคงจะไม่ง่ายเพียงนั้น‛
นัยน์ตาของเหรินฉีหนิงปรากฏคลื่นลูกใหญ่แวบหนึ่ง ก่อนพูดอย่างนอบน้อม ‚ฮูหยินได้ โปรดช่วยชี้ แนะข้าด้วย‛
ตงฟางฮุ่ยก็ไม่เกรงใจ ไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ย ‚ก่อนอื่น คุณชายต้องแต่งงานกับ องค์หญิงแห่งเป่ ยจิ้ งก่อนจึงจะตั้งอาณาจักรได้ ราชินีคนปัจจุบันนี้ ก็เป็นสตรีแห่งเป่ ยจิ้ ง ยังมิต้อง เอ่ยถึงเรื่องอื่น คุณชายอยากจะยกทัพมายังจงหยวน อยากได้รับการยอมรับจากเหล่าขุนนาง แห่งจงหยวนยิ่งยากเข้าไปใหญ่ นอกจากนี้ ข้าเคยได้ยินมาว่า ภายในราชสํานักเป่ ยจิ้ งทุกวันนี้ ก็ มิได้มั่นคงนัก มีการแย่งชิงระหว่างขุนนางราชวงศ์เก่ากับผู้ทรงอิทธิพลแห่งเป่ ยจิ้ งอย่างไม่หยุด หย่อน ซึ่งเรื่องเหล่านี้ ก็มิใช่ว่าเพิ่งจะเกิด คุณชายยังไม่ทันได้เริ่มฟื้ นฟูราชวงศ์ ภายในก็เข่นฆ่า กันเองเสียแล้ว เกรงว่าคงจะมิใช่ลางที่ดีเท่าไรนัก ถึงแม้ในอนาคตคุณชายจะเข้าไปปกครองจง หยวนจริงๆ แล้วท่านจะนับเป็นคนเป่ ยจิ้ งหรือราชวงศ์เก่ากันแน่‛
เหรินฉีหนิงนิ่งเงียบ เขาจําต้องยอมรับแต่โดยดีว่าตงฟางฮุ่ยได้พูดแทงใจดําเขาทุกประโยค เรื่องราวเหล่านี้ เขาย่อมรู้อยู่แก่ใจ แต่เป็ นเพราะตอนนั้นสถานการณ์บังคับ ‚ฮูหยินหมายความ เช่นไร‛
‚ถึงแม้แต่ไหนแต่ไรมาภูเขาซางหมางจะวางตนเป็นคนนอก แต่อย่างไรก็เป็นคนจงหยวน ไม่มีทางที่จะทําเรื่องให้คนภายนอกเข้ามารุกรานจงหยวนแน่นอน ขอคุณชายโปรดเข้าใจ‛ ตง ฟางฮุ่ยพูดด้วยท่าทางจริงจัง
เหรินฉีหนิงสีหน้าเศร้าสลด การตั้งตัวของเป่ ยจิ้ งและคนเกินกว่าครึ่งของราชสํานักเป่ ยจิ้ ง ต่างก็พึ่งพาคนภายนอกเผ่า นี่ไม่เพียงแต่เป็นจุดอ่อนที่ถูกผู้อื่นประนาม แต่ก็เป็ นความเจ็บปวด ในใจที่ใหญ่ที่สุดของเหรินฉีหนิงและขุนนางเก่าผู้ที่สวามิภักดิ์ต่อราชวงศ์เก่ามาตลอด เหรินฉี หนิงกัดฟันและพูดเสียงเข้มว่า ‚หากข้าน้อยรับประกันได้ว่าในอนาคตจะทําให้ในราชสํานัก และราชสกุลเป็นคนจงหยวนทั้งหมด ฮูหยินจะเต็มใจช่วยเหลือข้าหรือไม่‛
ตงฟางฮุ่ยหลุบตา เอ่ยอย่างไม่แยแส ‚หากเป็นเช่นนี้ จริง คุณชายเป็นทายาทสืบสันตติวงศ์ ของราชวงศ์ก่อน นั่นย่อมเป็นอีกเรื่องหนึ่ง‛
ตงฟางฮุ่ย ‚ภูเขาซางหมางของข้าจะเสียสัจจะได้อย่างไร‛
เหรินฉีหนิงพยักหน้าด้วยความพอใจ กําลังคิดจะพูดต่อ ก็มีคนจากนอกประตูเข้ามากระซิบ เสียงเบาข้างหูเหรินฉีหนิงสองสามประโยค สีหน้าเหรินฉีหนิงเปลี่ยนไปเล็กน้อย ลุกขึ้ นยืน พร้อมพูดกับตงฟางฮุ่ย ‚ข้าน้อยมีเรื่องด่วน รบกวนฮูหยินมานานแล้ว ข้าขอตัวก่อน‛ ตงฟาง ฮุ่ยไม่ได้รั้งเข้าไว้ พร้อมให้คนพาเหรินฉีหนิงออกไปส่ง
ชายาเคียงหทัย Page 467 of 1047
‚อาจารย์คิดจะช่วยเหรินฉีหนิงจริงๆ หรือ‛ ตงฟางโยวเดินออกมากจากข้างใน มองออกไป ด้านนอกประตู พลางขมวดคิ้ ว
ตงฟางฮุ่ยส่งเสียงฮึเบาๆ ก่อนจะเอ่ย ‚ข้าพูดตอนไหนกันว่าจะช่วย ทายาทราชวงศ์เก่า ไม่ ว่าจะจริงหรือเท็จ…แต่องค์หญิงเป่ ยจิ้ งมีบุญคุณต่อเหรินฉีหนิงอย่างใหญ่หลวง เขายังสามารถ สังหารได้โดยไม่ลังเล บุคคลเช่นนี้ อํามหิตโหดเหี้ ยม ไม่สํานึกบุญคุณคน เกรงว่าหากวันใดเขา ได้ขึ้ นปกครองใต้หล้า ก็คงจะเสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพลเป็นแน่‛
‚เช่นนั้นเมื่อครู่อาจารย์…‛ ตงฟางโยวเอ่ยอย่างไม่เข้าใจ
ตงฟางฮุ่ยเอ่ย ‚ก็แค่ปลอบใจเขาไปก่อนเท่านั้น เขาอุตส่าห์ยกสายสัมพันธ์ของบรรพบุรุษ กับภูเขาซางหมางขึ้ นมาแล้ว ข้าย่อมไม่อาจพูดตรงๆ เพื่อฉีกหน้าเขาได้ อีกอย่าง เจ้าคิดว่าเขา จะจัดการความขัดแย้งของเป่ ยจิ้ งกับขุนนางเก่าของราชวงศ์ก่อนได้ในเวลาอันสั้นหรือ กลัวแต่ ว่าจะทําให้ความสามารถของเขาอ่อนแอลงทุกวันน่ะสิ‛
สีหน้าของตงฟางโยวเผยความฉงน ไม่ค่อยเข้าใจว่าเหตุใดอาจารย์ถึงไม่ปฏิเสธเหรินฉีหนิง ไปเลย ทว่า การที่อาจารย์ไม่เลือกเหรินฉีหนิง ถือว่าเป็นเรื่องดี ส่วนม่อจิ่งหลี…นางมีวิธีจัดการ เขา!