ชายาเคียงหทัย - ตอนที่ 351 อำลา(2)
ตงฟางโยวมองอาจารย์ด้วยความสงสัย ไม่รู้เพราะ เหตุใดรู้สึกว่าประโยคนั้นของอาจารย์ช่างเย็นยะเยือกไร้ ความรู้สึก สัมผัสได้ถึงการกัดฟันอยู่เล็กน้อย ทว่าต่อหน้า ตนนั้นอาจารย์ใจเย็น สง่างาม สุขุมนุ่มลึกมาแต่ไหนแต่ไร ตงฟางโยวผงะไปครู่หนึ่ง และคิดว่าตนคงคิดมากไปเอง นึกไปถึงการปฏิเสธอันเย็นชาของสวีชิงเฉินและค าเหน็บ แนมของสวีชิงเหยียนที่มีต่อตน จึงท าให้ตงฟางโยวได้แต่ ยอมรับว่าที่อาจารย์พูดนั้นถูกต้อง แต่ต่อให้เป็นเช่นนั้น จะให้นางต้องล้มเลิกความคิดแล้วไปเลือกคนอื่น นางเอง ก็ไม่อยากท าเช่นกัน นอกจากนางไม่อยากยอมแพ้เรื่องส วีชิงเฉินแล้ว อีกอย่างหนึ่งก็เพราะม่อจิ่งหลีและเหรินฉี หนิงเมื่อเทียบกับต าหนักติ้งอ๋องแล้ว ไม่ว่าอย่างไรนาง ยังคงมองว่าต าหนักติ้งอ๋องดีที่สุด หากอาจารย์เลือกคน อื่น นางก็รู้สึกว่าโอกาสที่จะล้มเหลวนั้นมีอยู่สูงมาก
书呆子
แต่ก็ต้องพูดว่า เนื่องด้วยตงฟางโยวไม่เข้าใจหลัก ท านองคลองธรรม จึงท าให้ไม่มีเรื่องใดมากระทบต่อการ มองเรื่องราวต่างๆ ได้ง่ายยิ่งขึ้น ยกตัวอย่างเช่น หลังจาก คนฉลาดเฉลียวอย่างตงฟางฮุ่ยถูกปฏิเสธ ภายใต้อารมณ์ โกรธก็คิดแต่จะเข้าเป็นพวกกับผู้อื่นเพื่อต่อต้าน ต าหนักติ้งอ๋องและสั่งสอนม่อซิวเหยา ทว่าตงฟางโยวมี เพียงแค่ความไม่เข้าใจและความเสียใจในเรื่องการ แก้ปัญหาของต าหนักติ้งอ๋อง แต่แสดงความโกรธออกมา น้อยมาก ดังนั้นนางจึงมองออกได้อย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง กว่าว่า ม่อจิ่งหลีกับต าหนักติ้งอ๋องนั้นห่างชั้นกัน เหลือเกิน ไม่อาจบอกได้ว่าไร้ซึ่งความเห็นแก่ตัว หากแต่ ความคิดของนางนั้นถูกต้องอย่างแน่นอน
“อาจารย์ ศิษย์ไม่ชอบม่อจิ่งหลีกับเหรินฉีหนิง” ตง ฟางโยวพูดพลางขมวดคิ้ว
书呆子
ตงฟางฮุ่ยพูดพลางยิ้มด้วยความรักและเมตตาว่า “เจ้าไม่ชอบ อาจารย์ก็ใช่ว่าจะให้เจ้าแต่งงานกับเขานี่ เจ้ากังวลอะไร”
ตงฟางโยวเอ่ยพลางมุ่นคิ้ว “แต่หากเป็นม่อจิ่งหลี กับเหรินฉีหนิง พวกเขาคงขอข้าแต่งงานเป็นแน่” ไม่อย่างนั้นพวกเขาก็จะไม่เชื่อถือในความจริงใจของภูเขา ซางหมาง ก่อนหน้านี้บรรพบรุษแต่ละรุ่นของภูเขาซาง หมางนก็ท าเช่นนี้เหมือนกันมิใช่หรือ หากผู้สืบทอดของ ภูเขาซางหมางไม่แต่งงานกับพวกเขา พวกเขาจะเชื่อได้ อย่างไรว่า พวกเขาเป็นคนที่ถูกภูเขาซางหมางเลือก จริงๆ
“ถ้าหากเป็นเช่นนี้จริง…….” ตงฟางฮุ่ยลังเลอยู่ครู่ หนึ่ง แต่ก็ไม่พูดต่อว่าถ้าหากเป็นเช่นนี้จริง อาจารย์ก็จะ ไม่ได้บังคับเจ้า พูดเพียงแต่ว่า “อาจารย์จะคิดอย่างถี่ ถ้วน เจ้าไปพักก่อนเถิด” ตงฟางโยวกัดปากตัวเอง ก่อน
书呆子
จะถามต่ออย่างระแวดระวังว่า “อาจารย์ หากข้ามีวิธีการ ที่ท าให้สวีชิงเฉินแต่งงานกับข้าได้เล่า…”
เห็นได้ชัดว่าตงฟางฮุ่ยไม่เชื่อว่าลูกศิษย์ตนจะ อดทนได้ จึงมุ่นคิ้วก่อนจะเอ่ย “รอให้เจ้าท าได้จริงๆ เสียก่อนแล้วค่อยว่ากันก็แล้วกัน ไปพักผ่อนเถิด ขอข้า ไตร่ตรองดูก่อน”
ใบหน้าอันงดงามของตงฟางโยวฉายแววเจ็บปวด ท าได้เพียงถอยออกไปเงียบๆ นางเอี้ยวตัวไปปิดประตู มองอาจารย์ที่มีท่าทีครุ่นคิด แล้วใบหน้าอันงดงามของตง ฟางโยวก็ฉายความแน่วแน่ขึ้นมาแวบหนึ่ง
“ฮูหยิน เป่ยจิ้งอ๋อง เหรินฉีหนิงขอเข้าพบขอรับ” ภายในประตูนั้น ไม่รู้ว่าตงฟางฮุ่ยคิดอะไรขึ้นได้ สีหน้าดูดี ใจระคนเศร้าใจ ก่อนสุดท้ายจะแปรเปลี่ยนเป็นความ เสียใจและความเคียดแค้น การที่บ่าวมารายงานที่หน้า ประตู ท าให้นางตื่นจากภวังค์ จึงเก็บสีหน้าอาการต่างๆ
书呆子
ก่อนจะลุกขึ้นพร้อมขมวดคิ้วเอ่ยถามว่า “เหรินฉีหนิง เขามาท าอะไร” คนที่อยู่ด้านนอกประตูตอบกลับ “เป่ ยจิ้งอ๋องบอกว่าจะขอพบฮูหยินขอรับ”
“เชิญให้เขาไปรอที่ห้องโถงใหญ่สักครู่เถิด” ตงฟาง ฮุ่ยก าชับเสียงเรียบ
“ขอรับ”
ตงฟางฮุ่ยจัดระเบียบเครื่องแต่งกายครู่หนึ่ง ก่อน เดินออกไปที่ห้องโถงด้านหน้า เหรินฉีหนิงคอยอยู่ตั้งแรก ดังคาด เมื่อเห็นตงฟางฮุ่ยเข้ามาก็กุลีกุจอลุกขึ้นและ เคารพอย่างนอบน้อม ก่อนจะเอ่ย “ข้าน้อยหลินย่วน คารวะตงฟางฮูหยิน” ใบหน้านวลของตงฟางฮุ่ยมองเห รินฉีหนิง พลางยิ้มเอ่ย “หลินย่วนหรือ เป่ยจิ้งอ๋องมิได้แซ่ เหรินหรอกหรือ”
เหรินฉีหนิงยิ้มอย่างจนปัญญา ก่อนจะตอบ “ทายาทก าพร้าแห่งราชวงศ์ก่อน มิบังอาจอยู่บนแผ่นดิน
书呆子
โดยใช้นามจริงได้ เป็นที่น่าละอายใจต่อเหล่าบรรพบุรุษ” อันที่จริง เหตุใดเหรินฉีหนิงจะไม่อยากกลับไปใช้ชื่อเดิม เล่า ทว่าเนื่องด้วยสองปีมานี้ยังไม่สบโอกาส หนึ่งคือเขา ยังต้องพึ่งพาคนเป่ยจิ้งจ านวนมาก ราชินีองค์ก่อนที่สิ้นไป ถึงแม้จะเป็นสตรีเป่ยจิ้ง แต่ก็เป็นคนฉลาดหลักแหลม อย่างหาตัวจับได้ยาก หากว่าเขารีบเปลี่ยนชื่อ หรือ กระทั่งเปลี่ยนชื่อแคว้น คงจะท าให้นางและผู้มีอิทธิพล แห่งเป่ยจิ้งไม่พอใจได้ สองคือ หากเขากลับไปใช้ชื่อ หลินย่วนตามเดิม ไม่ว่าจะเป็นต าหนักติ้งอ๋อง ซีหลิง หรือม่อจิ่งหลี ล้วนแล้วแต่จะเป็นศัตรูของเขาทั้งสิ้น ซึ่ง ราชวงศ์เก่าก็ล่มสลายด้วยน้ ามือของต้าฉู่และซีหลิง เมื่อ ถึงเวลาเขาจะกลายเป็นเป้าโจมตีของทุกฝ่ายเอาไว้
ตงฟางฮุ่ยพินิจเขาอยู่นาน ก่อนเอ่ยเสียงเรียบ “ลูกหลานราชวงศ์เก่ามีแต่คิดจะฟื้นฟูอาณาจักรตน แต่ กลับล้มเหลวไม่เป็นท่า เจ้ามีวันนี้ได้ก็ถือว่าไม่เลวแล้ว”
书呆子
เหรินฉีหนิงหลุบตา ก่อนจะยิ้มเย็นพลางเอ่ย “ฮูหยิ นชมเกินไปแล้ว ในชีวิตนี้ของหลินย่วนมิอาจลืมปณิธาน ของบรรพบุรุษได้ ในปีนั้น ภูเขาซางหมางกับตระกูลข้ามี ความสัมพันธ์กันทางสายเลือด ข้าน้อยจึงใคร่ขอความ ช่วยเหลือจากฮูหยิน” ตงฟางฮุ่ยเงียบไปไม่ได้พูดสิ่งใด เห รินฉีหนิงเข้าใจว่านางก าลังไตร่ตรอง ก็ไม่เร่งเร้าเพื่อเกลี้ย กล่อม นั่งรอค าตอบเงียบๆ อยู่ในมุมหนึ่ง ผ่านไปครู่ใหญ่ ถึงได้ยินค าตอบจากตงฟางฮุ่ยว่า “คุณชายเหริน พูดตาม ตรง อย่างไม่ปิดบัง ข้านับถือความสามารถและความ เพียรของคุณชายมาก ทว่า…หากคุณชายคิดจะฟื้นฟู อาณาจักร เกรงว่าคงจะไม่ง่ายเพียงนั้น”
นัยน์ตาของเหรินฉีหนิงปรากฏคลื่นลูกใหญ่แวบ หนึ่ง ก่อนพูดอย่างนอบน้อม “ฮูหยินได้โปรดช่วยชี้แนะ ข้าด้วย”
书呆子
ตงฟางฮุ่ยก็ไม่เกรงใจ ไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะ เอ่ย “ก่อนอื่น คุณชายต้องแต่งงานกับองค์หญิงแห่งเป่ ยจิ้งก่อนจึงจะตั้งอาณาจักรได้ ราชินีคนปัจจุบันนี้ก็เป็น สตรีแห่งเป่ยจิ้ง ยังมิต้องเอ่ยถึงเรื่องอื่น คุณชายอยากจะ ยกทัพมายังจงหยวน อยากได้รับการยอมรับจากเหล่าขุน นางแห่งจงหยวนยิ่งยากเข้าไปใหญ่ นอกจากนี้ ข้าเคยได้ ยินมาว่า ภายในราชส านักเป่ยจิ้งทุกวันนี้ก็มิได้มั่นคงนัก มีการแย่งชิงระหว่างขุนนางราชวงศ์เก่ากับผู้ทรงอิทธิพล แห่งเป่ยจิ้งอย่างไม่หยุดหย่อน ซึ่งเรื่องเหล่านี้ก็มิใช่ว่าเพิ่ง จะเกิด คุณชายยังไม่ทันได้เริ่มฟื้นฟูราชวงศ์ ภายในก็เข่น ฆ่ากันเองเสียแล้ว เกรงว่าคงจะมิใช่ลางที่ดีเท่าไรนัก ถึงแม้ในอนาคตคุณชายจะเข้าไปปกครองจงหยวนจริงๆ แล้วท่านจะนับเป็นคนเป่ยจิ้งหรือราชวงศ์เก่ากันแน่”
เหรินฉีหนิงนิ่งเงียบ เขาจ าต้องยอมรับแต่โดยดีว่า ตงฟางฮุ่ยได้พูดแทงใจด าเขาทุกประโยค เรื่องราวเหล่านี้
书呆子
เขาย่อมรู้อยู่แก่ใจ แต่เป็นเพราะตอนนั้นสถานการณ์ บังคับ “ฮูหยินหมายความเช่นไร”
“ถึงแม้แต่ไหนแต่ไรมาภูเขาซางหมางจะวางตน เป็นคนนอก แต่อย่างไรก็เป็นคนจงหยวน ไม่มีทางที่จะ ท าเรื่องให้คนภายนอกเข้ามารุกรานจงหยวนแน่นอน ขอ คุณชายโปรดเข้าใจ” ตงฟางฮุ่ยพูดด้วยท่าทางจริงจัง
เหรินฉีหนิงสีหน้าเศร้าสลด การตั้งตัวของเป่ยจิ้ง และคนเกินกว่าครึ่งของราชส านักเป่ยจิ้งต่างก็พึ่งพาคน ภายนอกเผ่า นี่ไม่เพียงแต่เป็นจุดอ่อนที่ถูกผู้อื่นประนาม แต่ก็เป็นความเจ็บปวดในใจที่ใหญ่ที่สุดของเหรินฉีหนิง และขุนนางเก่าผู้ที่สวามิภักดิ์ต่อราชวงศ์เก่ามาตลอด เห รินฉีหนิงกัดฟันและพูดเสียงเข้มว่า “หากข้าน้อย รับประกันได้ว่าในอนาคตจะท าให้ในราชส านักและราช สกุลเป็นคนจงหยวนทั้งหมด ฮูหยินจะเต็มใจช่วยเหลือข้า หรือไม่”
书呆子
ตงฟางฮุ่ยหลุบตา เอ่ยอย่างไม่แยแส “หากเป็น เช่นนี้จริง คุณชายเป็นทายาทสืบสันตติวงศ์ของราชวงศ์ ก่อน นั่นย่อมเป็นอีกเรื่องหนึ่ง”
ตงฟางฮุ่ย “ภูเขาซางหมางของข้าจะเสียสัจจะได้ อย่างไร”
เหรินฉีหนิงพยักหน้าด้วยความพอใจ ก าลังคิดจะ พูดต่อ ก็มีคนจากนอกประตูเข้ามากระซิบเสียงเบาข้างหู เหรินฉีหนิงสองสามประโยค สีหน้าเหรินฉีหนิงเปลี่ยนไป เล็กน้อย ลุกขึ้นยืนพร้อมพูดกับตงฟางฮุ่ย “ข้าน้อยมีเรื่อง ด่วน รบกวนฮูหยินมานานแล้ว ข้าขอตัวก่อน” ตงฟางฮุ่ย ไม่ได้รั้งเข้าไว้ พร้อมให้คนพาเหรินฉีหนิงออกไปส่ง
“อาจารย์คิดจะช่วยเหรินฉีหนิงจริงๆ หรือ” ตง ฟางโยวเดินออกมากจากข้างใน มองออกไปด้านนอก ประตู พลางขมวดคิ้ว
书呆子
ตงฟางฮุ่ยส่งเสียงฮึเบาๆ ก่อนจะเอ่ย “ข้าพูดตอน ไหนกันว่าจะช่วย ทายาทราชวงศ์เก่า ไม่ว่าจะจริงหรือ เท็จ…แต่องค์หญิงเป่ยจิ้งมีบุญคุณต่อเหรินฉีหนิงอย่าง ใหญ่หลวง เขายังสามารถสังหารได้โดยไม่ลังเล บุคคล เช่นนี้อ ามหิตโหดเหี้ยม ไม่ส านึกบุญคุณคน เกรงว่าหาก วันใดเขาได้ขึ้นปกครองใต้หล้า ก็คงจะเสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพลเป็นแน่”