ชายาเคียงหทัย - ตอนที่ 351 อำลา(3)
“เช่นนั้นเมื่อครู่อาจารย์…” ตงฟางโยวเอ่ยอย่างไม่ เข้าใจ
ตงฟางฮุ่ยเอ่ย “ก็แค่ปลอบใจเขาไปก่อนเท่านั้น เขาอุตส่าห์ยกสายสัมพันธ์ของบรรพบุรุษกับภูเขาซาง หมางขึ้นมาแล้ว ข้าย่อมไม่อาจพูดตรงๆ เพื่อฉีกหน้าเขา ได้ อีกอย่าง เจ้าคิดว่าเขาจะจัดการความขัดแย้งของเป่ ยจิ้งกับขุนนางเก่าของราชวงศ์ก่อนได้ในเวลาอันสั้นหรือ กลัวแต่ว่าจะท าให้ความสามารถของเขาอ่อนแอลงทุก วันน่ะสิ”
สีหน้าของตงฟางโยวเผยความฉงน ไม่ค่อยเข้าใจว่า เหตุใดอาจารย์ถึงไม่ปฏิเสธเหรินฉีหนิงไปเลย ทว่า การที่ อาจารย์ไม่เลือกเหรินฉีหนิง ถือว่าเป็นเรื่องดี ส่วนม่อจิ่ง หลี…นางมีวิธีจัดการเขา!
书呆子
ภายในโรงพักม้าที่ทูตแห่งเป่ยหรงพักอยู่ชั่วคราว หลังจากพักผ่อนไปได้สองสามวัน อาการบาดเจ็บของ สนมหลิ่วดูจะดีขึ้นบ้างแล้ว เยียหลี่ว์เหยี่ยและองค์หญิง หรงหวาก็เตรียมตัวจะออกเดินทางกลับเป่ยหรงแล้ว แม้ เยียหลี่ว์เหยี่ยอยากให้เยียหลี่ว์หงอยู่ในเมืองหลีนานกว่า นี้อีกสักนิด และสามารถจัดระเบียบราชส านักเป่ยหรงได้ สะดวก ทว่าเขายังไม่อาจหาเหตุผลใดที่สมเหตุสมผลให้ เยียหลี่ว์หงอยู่ในเมืองหลีต่อไปได้ ท าได้เพียงแต่เชิญ เยียหลี่ว์หงรั้งอยู่ในเมืองของกองทหารแห่งต้าฉู่อีกสัก สองสามวันเท่านั้น เดิมทีคิดว่าเยียหลี่ว์หงจะไม่ตอบตก ลง เพราะความสัมพันธ์สองพี่น้องอย่างพวกเขา ทุกคน ต่างรู้อยู่แก่ใจว่าเป็นเช่นไร เยียหลี่ว์เหยี่ยเองก็คงไม่บุก เดี่ยวเข้าโจมตีในถิ่นฐานของเยียหลี่ว์หงเป็นแน่ คิดไม่ถึง ว่า เยียหลี่ว์หงคิดแค่ครู่หนึ่งแล้วตอบตกลงทันที
书呆子
เมื่อสองพี่น้องตกลงเรื่องการเดินทางเรียบร้อยแล้ว ก่อนที่จะจากไปย่อมต้องไปลาเยี่ยหลีและม่อซิวเหยาที่ ต าหนักติ้งอ๋อง
เยี่ยหลีมองสนมหลิ่วข้างกายเยียหลี่ว์เหยี่ยแล้ว ทอดถอนใจผ่านนัยน์ตานิ่งๆ บางทีอาจเป็นเพราะตัวตน ถูกเปิดเผยแล้ว สนมหลิ่วจึงมิได้สวมผ้าโปร่งปกปิด ใบหน้าอีก ทว่าเยี่ยหลีกลับอยากให้นางสวมผ้าคลุมหน้า ต่อไป ด้วยเพราะพอนึกถึงวิธีการดูแลนวลหน้างามหยด ย้อยของนางแล้ว เยี่ยหลีก็อยากส ารอกออกมาเสียให้ได้
“รัชทายาทเยียหลี่ว์กับองค์ชายเจ็ดเดินทางมาไกล หากมีส่วนใดที่ข้าต้อนรับไม่ดี ทั้งสองท่านโปรดอภัย ด้วย” ม่อซิวเหยายิ้มพร้อมเอ่ยกับเยียหลี่ว์หงและเยียห ลี่ว์เหยี่ย เยียหลี่ว์เหยี่ยยิ้มเอ่ย “ติ้งอ๋องเกรงใจเกินไปแล้ว พวกเราต่างหากที่รบกวนท่านมานาน วันนี้ขอตัวลาก่อน
书呆子
หากในอนาคตติ้งอ๋องและพระชายาไปเยือนเป่ยหรง โปรดให้ข้าน้อยได้ดูแลในฐานะเจ้าบ้านด้วย”
ม่อซิวเหยาพยักหน้ายิ้มก่อนจะเอ่ย “ข้ากับพระ ชายาก็ได้ยินกิตติศัพท์ดินแดนแห่งทุ่งหญ้ามานาน หากมี โอกาสจะต้องไปเยือนแน่”
เยียหลี่ว์หงเข้าใจความหมาย ยิ้มเอ่ย “เช่นนั้น ข้าน้อยจะรอคอยมามาเยือนของท่างอ๋องและพระชายา ด้วยความเคารพ”
เยียหลี่ว์เหยี่ยมองม่อซิวเหยากับเยียหลี่ว์หงที่ดูมี ลับลมคมในด้วยความสงสัย รู้สึกว่าค าพูดของทั้งคู่มีสิ่งใด แอบแฝงอยู่ หากเขาให้สนมหลิ่วเขียนจดหมายถึงเป่ย หรงอ๋อง บอกว่าเยียหลี่ว์หงสบคบคิดกับม่อซิวเหยา เพื่อ ทรยศบ้านเมือง ย่อมเป็นการใส่ร้าย ทว่าตอนนี้เขากลับ นึกสงสัยขึ้นมาติดหมัด เยียหลี่ว์เหยี่ยพินิจเยียหลี่ว์หงอ
书呆子
ย่างใช้ความคิด “พี่ชาย พี่สะใภ้ เวลาไม่คอยท่าแล้ว พวก เราควรออกเดินทางได้แล้ว”
เยียหลี่ว์หงก็ไม่คัดค้าน พยักหน้าก่อนจะเอ่ย “น้อง เจ็ดพูดถูก พวกเราควรออกเดินทางแล้วจริงๆ ติ้งอ๋อง พระชายา ข้าขอลา”
เยี่ยหลีอมยิ้มพลางพยักหน้า “รัชทายาท องค์หญิง องค์ชายเจ็ด เดินทางปลอดภัย”
สนมหลิ่วที่นั่งอยู่ข้างกายเยียหลี่ว์เหยี่ยถลึงตา มองเยี่ยหลี แล้วจู่ๆ ก็เอ่ยขึ้นว่า “ข้าจะพาคนสองคนไป ด้วย”
เมื่อได้ยินดังนั้น ทุกคนต่างพากันขมวดคิ้ว เยียหลี่ว์ เหยี่ยถลึงตามองสนมหลิ่วเพื่อเป็นการเตือน ทว่าสนม หลิ่วกลับไม่แยแสสายตาของเขา ก่อนจะมองเยี่ยหลี พร้อมเอ่ย “ข้าจะพาเซี่ยวอวิ๋นและเจินหนิงไปด้วย” เยี่ย หลีผินหน้าไปด้านข้าง ก่อนจะยิ้มบาง “แม่นางชิงอีน่า
书呆子
จะใช้สถานะใดเพื่อพาตัวฉางซิ่งอ๋องและองค์หญิงเจิน หนิงกลับไปหรือ”
สีหน้าของสนมหลิ่วพลันเปลี่ยนไป ก่อนจะเชิดหน้า เอ่ย “พวกเขาแทงข้า ข้าไม่ควรน าไปจัดการหรอกหรือ”
สีหน้าของเยี่ยหลีเรียบนิ่ง เอ่ยขึ้นด้วยความสบาย ใจ “แทงหรือ ข้าคิดว่าแม่นางต้องการจะสังหารฉางซิ่ง อ๋องและองค์หญิงเจินหนิง ถึงได้รับบาดเจ็บเองเสียอีก ใน เมื่อแม่นางเอ่ยเช่นนี้แล้ว องค์ชายเจ็ด ทางด้านฉางซิ่ง อ๋องและองค์หญิงเจินหนิงก็คงต้องให้ข้าอธิบายให้พวก นางฟังเช่นกัน เช่นนั้นก็ให้แม่นางชิงอีน่าอยู่ที่นี่ต่อเถิด”
“บังอาจ! ข้าเป็นพระชายาองค์ชายเจ็ดแห่งเป่ย หรงนะ!” สนมหลิ่วแผดเสียง
เยียหลี่ว์เหยี่ยขมวดคิ้ว มองเยี่ยหลีพลางเอ่ย “พระ ชายา เกรงว่าคงจะไม่เหมาะ” ไม่ใช่เพราะว่าเขาห่างสนม หลิ่ว ทว่าเขายังต้องการให้สนมหลิ่วเอ่ยอะไรบางอย่าง
书呆子
กับเป่ยหรงอ๋องแทนเขาเท่านั้น อีกทั้ง สนมหลิ่วยังจะ เป็นพระชายาของเขาในอนาคต หากทิ้งไว้ที่เมืองหลี ก็ จะท าให้เขาเสียหน้าได้
ทันใดนั้น เยียหลี่ว์หงก็เอ่ยพลางยิ้มว่า “เหตุใดข้า ถึงจ าได้ว่า น้องสะใภ้เจ็ดตายไปตั้งแต่หลายปีก่อนแล้ว เล่า น้องเจ็ดแต่งงานใหม่ตั้งแต่เมื่อไร อ๋อ จริงสิ เสด็จพ่อ บอกแล้วว่ากลับไปเป่ยหรงครานี้จะจัดงานสมรสให้น้อง เจ็ด” เดิมทีพระชายาองค์ชายเจ็ดก็คือธิดาของชนเผ่า ใหญ่แห่งเป่ยหรง ทว่าล้มป่วยจนเสียชีวิตไปเมื่อหลายปี ก่อน และเยียหลี่ว์เหยี่ยก็ยังไม่ได้แต่งตั้งผู้ใดขึ้นเป็นพระ ชายา แต่ก็คิดไม่ถึงว่าจะคว้าสตรีเช่นนี้มาได้ เยียหลี่ว์หง เองก็เคยโดนสนมหลิ่วใส่ความต่อหน้าเป่ยหรงอ๋องมาไม่ น้อย ในเมื่อพระชายาติ้งอ๋องอยากให้นางอยู่ต่อ เยียหลี่ว์ เหยี่ยย่อมยินดีปรีดายิ่ง และย่อมต้องเอ่ยปากช่วยอยู่ แล้ว
书呆子
เยียหลี่ว์เหยี่ยเคร่งเครียด มองหน้าสนมหลิ่วที่ในใจ ก็สั่นเครือไม่แพ้กัน ในตอนนี้กองทัพใหญ่เป่ยหรงและ กองทัพตระกูลม่อคุมเชิงกันอยู่ ประโยชน์ของสนมหลิ่วที่ เคยมีย่อมไร้ประโยชน์ ประโยชน์หนึ่งเดียวก็คือนางมี อิทธิพลต่อเป่ยหรงอ๋อง ทว่าก็เหมือนกับที่เยียหลี่ว์เหยี่ยก ล่าวเมื่อครู่ เมื่อกลับไปถึงเป่ยหรง เป็นไปได้มากว่าเสด็จ พ่อจะจัดงานสมรสให้เขา เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะ แต่งตั้งให้สนมหลิ่วเป็นพระชายาเอก ต่อให้เป็นอนุเขาก็ ไม่ยินยอม จะพาสนมหลิ่วกลับไป หรือจะถือโอกาสนี้ ก าจัดนางให้หลุดพ้น นี่ยังเป็นสิ่งที่เขาต้องขบคิด
สนมหลิ่วรู้สึกโหวงๆ ในใจอย่างช่วยไม่ได้ เมื่อเห็น สีหน้าครุ่นคิดแวบหนึ่งของเยียหลี่ว์เหยี่ย หากตนถูกทิ้ง ให้อยู่เมืองหลี นางรู้อยู่แก่ใจว่าจะต้องพบเจอกับอะไร จึง รู้สึกเสียใจอย่างอดไม่ได้กับความวู่วามของตนเมื่อครู่ สองปีมานี้นางท าร้ายคนอื่นมาไม่น้อย ทว่าครั้งนี้
书呆子
นอกจากจะเสียหน้าต่อหน้าม่อซิวเหยาและเยี่ยหลีแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นผู้ที่ท าร้ายนางให้กลายเป็นเช่นนี้กลับเป็น บุตรสาวที่นางให้ก าเนิดเสียอีก จะท าให้นางกล้ ากลืน ความอัปยศนี้ลงไปได้อย่างไร จึงได้เอ่ยปากกับม่อซิว เหยาและเยี่ยหลีว่าจะพาองค์หญิงเจินหนิงและม่อ เซี่ยวอวิ๋นกลับไปด้วย แต่คิดไม่ถึงว่าพาตนเองให้ตกที่นั่ง ล าบากไปด้วย
สนมหลิ่วรู้สึกเย็นยะเยือกขึ้นในใจเมื่อหันไปสบกับ สายตาไม่แย่แสและแฝงรอยยิ้มของเยี่ยหลี นางมองท่าที ที่ไม่รู้สึกประหลาดใจแม้แต่น้อยของม่อซิวเหยา แล้วสนม หลิ่วก็เข้าใจทันที ม่อซิวเหยากับเยี่ยหลีต้องการให้ตนอยู่ ที่นี่ต่อตั้งแต่แรกแล้ว ต่อให้นางจะเอ่ยปากว่าต้องการทั้ง สองคนนั้นหรือไม่ก็ตาม
书呆子
“ไม่ ข้าไม่อยู่ที่เมืองหลีต่อ!” สนมหลิ่วเอ่ยอย่าง เด็ดขาด “ข้าจะกลับเป่ยหรง เยียหลี่ว์เหยี่ย พาข้า กลับไปด้วย!”
หากน้ าเสียงของนางไม่ได้แข็งกร้าวเช่นนี้ เยี่ยหลี่ว์ เหยี่ยอาจจะลองไตร่ตรองดู แต่สนมหลิ่วยังไม่ทันเอ่ยจบ สีหน้าของเยียหลี่ว์เหยี่ยก็พลันเย็นยะเยือก สะบัดมือของ ตนออกจากมือของนาง ก่อนจะหันไปพูดกับเยี่ยหลีและ ติ้งอ๋อง “ในเมื่อนางท าร้ายฉางซิ่งอ๋องและองค์หญิงเจิน หนิง ก็ขอมอบนางให้ติ้งอ๋องและพระชายาจัดการก็แล้ว กัน”
“ไม่! เยียหลี่ว์เหยี่ย เจ้าจะท าเช่นนี้กับข้าไม่ได้! เจ้า อย่าลืมนะว่า หากไม่ใช่เพราะข้า…”
เยียหลี่ว์เหยี่ยยิ้มเย็นเอ่ย “เจ้าอยากบอกติ้งอ๋องกับ พระชายาติ้งอ๋อง ว่าเจ้าทรยศบ้านเมืองอย่างไรอย่างนั้น หรือ ถูกต้อง เป็นเพราะความช่วยเหลือของเจ้า ข้าถึงได้
书呆子
โจมตีชายแดนของต้าฉู่และอีกหลายเมืองได้อย่าง ง่ายดาย แต่เช่นนั้นแล้วอย่างไรเล่า” เขากวาดตามองสี หน้าหวาดกลัวของสนมหลิ่วด้วยความเย้ยหยัน รู้สึกว่า ตนนั้นตัดสินใจไม่ผิด เขาคือองค์ชายเจ็ดอันสูงส่งแห่งเป่ย หรง เหตุใดจะต้องโดนเหล่าราชสกุลแห่งเป่ยหรงเยาะ หยันด้วยเล่า
“ติ้งอ๋อง พระชายาติ้งอ๋อง ข้าขอลา” เยียหลี่วเห ยี่ยไม่สนใจสนมหลิ่วอีก หมุนตัวเดินออกไปอย่างไม่ลังเล
เยียหลี่ว์หงโบกมือให้ม่อซิวเหยาและเยี่ยหลี ก่อน จะตามออกไปเช่นกัน องค์หญิงหรงหวาเดินตามเยียหลี่ว์ หงไป ยิ้มให้เยี่ยหลี เมื่อเดินไปถึงข้างกายสนมหลิ่วจึง หยุดครู่หนึ่ง ก่อนจะกระซิบ “สนมหลิ่ว คิดว่าจากนี้พวก เราคงไม่ได้พบหน้ากันอีกแล้ว ท่านวางใจได้ ติ้งอ๋องและ พระชายาติ้งอ๋องจะต้องดูแลคนทรยศต่อแว่นแคว้นเป็น อย่างดีแน่…นางแพศยา”
书呆子
“ไม่…ไม่นะ พาข้าไปด้วย!” สนมหลิ่วกรีดร้องด้วย ความหวาดกลัว
องค์หญิงหรงหวายิ้มเย็น สะบัดมือสนมหลิ่วออก ก่อนจะก้าวเท้าออกจากประตูไป