ชายาเคียงหทัย - ตอนที่ 352-3 จุดจบของหลิ่วกุ้ยเฟย
หลิ่วกุ้ยเฟยมองทุกคนในห้องโถงใหญ่อย่างหวาด ผวา แต่มองไปทางไหนก็มีแต่สายตาอันเย็นชาของทุก คน
“ไม่…ไม่นะ…เซี่ยวอวิ๋น เจินหนิง แม่ผิดไปแล้ว… ช่วยแม่ด้วย…แม่ไม่อยากตาย…” หลิ่วกุ้ยเฟยวิงวอน ต่อม่อเซี่ยวอวิ๋นและองค์หญิงเจินหนิงเสียงเบา ท่าทีสูงส่ง ที่เคยมีหายไปจนหมดสิ้น เพื่อความอยู่รอด นางยินดีที่ จะลดตัวให้ต่ าลงราวกับฝุ่นธุลี
ม่อเซี่ยวอวิ๋นมองนางนิ่งๆ อย่างไม่รู้สึกอะไร ส่วน องค์หญิงเจินหนิงก้าวไปข้างหน้าอย่างเชื่องช้า ย่อตัวลง นั่งตรงหน้าหลิ่วกุ้ยเฟย หลิ่วกุ้ยเฟยลอบได้ใจ นางรู้ว่า เมื่อเทียบกับบุตรชายที่โตมากับการสั่งสอนของผู้เป็นพ่อ แล้ว ลูกสาวจะใจอ่อนมากกว่า “เจินหนิง เจินหนิง แม่
书呆子
ผิดไปแล้ว…เจ้าช่วยแม่ด้วยเถิด ต่อไปแม่จะรักลูกให้มาก ขึ้นนะ…”
องค์หญิงเจินหนิงยกมือขึ้น ค่อยๆ ดึงผ้าคลุมหน้าที่ เต็มไปด้วยรอยแผลออก ด้วยเพราะแผลนั้นเพิ่งผ่านการ ทายามา ท าให้มองดูน่าสยดสยองกว่าก่อนหน้านี้เสียอีก หลิ่วกุ้ยเฟยตกใจกับแผลบนใบหน้าขององค์หญิงเจินหนิง อย่างอดไม่ได้ เห็นเพียงสีหน้าเรียบนิ่งขององค์หญิงหนิง เจินที่มองมาทางนาง ก่อนจะเอ่ย “ท่านไม่ใช่แม่ของข้า แม่ของข้าตายไปตั้งแต่สองปีก่อนแล้ว ท่านเห็นแล้วใช่ หรือไม่…นี่เป็นสิ่งที่แม่ข้าทิ้งไว้เป็นที่ระลึก ท่านว่า…ข้าจะ ช่วยท่านหรือไม่ ชีวิตของข้าและน้องชายก็รอดมาได้ เพราะผู้อื่นช่วยเอาไว้ ข้าช่วยท่านไม่ได้หรอก…”
พูดจบ องค์หญิงเจินหนิงปิดผ้าคลุมหน้าและลุกขึ้น ยืนเดินจากไป
书呆子
“ไม่…ไม่ใช่ นั่นไม่เกี่ยวกับข้า…เจ้าอย่าเพิ่งไป…” หลิ่วกุ้ยเฟยอยากจะยื่นมือไปดึงองค์หญิงเจินหนิงไว้ แต่ เนื่องจากแขนนางขาดแล้วจึงไร้ประโยชน์ นอกจากจะ เหยียดแขนออกไปจับตัวนางไว้ไม่ได้แล้ว แม้แต่ขยับก็ยัง ท าไม่ได้ด้วยซ้ า ได้แต่มององค์หญิงเจินหนิงจูงมือ เซี่ยวอวิ๋นเดินจากไป
“ไม่! เจินหนิงกลับมาก่อน!”
องค์หญิงเจินหนิงหยุดฝีเท้าลงตรงหน้าประตู ก่อน จะจูงมือม่อเซี่ยวอวิ๋นพลางเร่งฝีเท้าเดินออกไปจากตรง นั้น
แสงสว่างสุดท้ายของหลิ่วกุ้ยเฟยในที่สุดก็ดับวูบลง นางมองประตูอย่างสิ้นหวัง ตะโกนเรียกอย่างสุดเสียง อย่างเหลือทน “เจินหนิง! ม่อเซี่ยวอวิ๋น ลูกอกตัญญู เหตุ ใดตอนนั้นข้าไม่ฆ่าพวกเจ้าทิ้งเสีย! ต่อให้ข้าเป็นผีก็ไม่ ปล่อยพวกเจ้าไว้แน่ พวกเนรคุณ…”
书呆子
ด้านนอกประตู พอได้ยินเสียงด่าทอที่เต็มไปด้วย ความโกรธแค้น ทั้งสองพี่น้องจึงหยุดฝีเท้า ผ้าคลุมหน้า ขององค์หญิงเจินหนิงเปียกปอนไปครึ่งหนึ่ง ม่อเซี่ยวอวิ๋ นก้มหน้าและกุมมือนางไว้ องค์หญิงเจินหนิงสูดหายใจ เข้าลึกๆ ก่อนจะเอ่ย “พวกเรากลับบ้านกันเถิด”
ม่อเซี่ยวอวิ๋นพยักหน้า “ขอรับ พี่หญิงเรากลับบ้าน กัน”
ภายในห้องโถงใหญ่ หลิ่วกุ้ยเฟยยังคงด่าทอต่อไป อย่างไม่จบไม่สิ้น ม่อซิวเหยายกริมฝีปากพลางยกมือขึ้น ทันใดนั้นเสียงเล็กแหลมของหลิ่วกุ้ยเฟยก็พลันหยุดลง ครานี้จุดหย่าเหมินของหลิ่วกุ้ยเฟยเต็มไปด้วยคราบเลือด เห็นได้ชัดว่าการลงมือของม่อซิวเหยาครั้งนี้คือการท าลาย จุดหย่าเหมินของนางโดยตรง จากนั้นหลิ่วกุ้ยเฟยก็ไม่ส่ง เสียงอีก
书呆子
ม่อซิวเหยาไม่สนใจแววตาเคียดแค้นของหลิ่วกุ้ย เฟย มองม่อจิ่งหลีพลางเอ่ย “ตอนนี้เจ้าเอาตัวนาง ออกไปได้แล้ว”
ม่อจิ่งหลีมองม่อซิวเหยาด้วยความรู้สึกซับซ้อน “เจ้าโหดเหี้ยมมากจริงๆ ด้วย” แขนขาของหลิ่วกุ้ยเฟย ขาดเป็นเสี่ยงๆ ทั้งยังกลายเป็นคนใบ้ คนเช่นนี้ไม่ตายก็ เลี้ยงไม่โต เกรงว่ายิ่งอยู่นานจะยิ่งทรมานเสียมากกว่า ม่อซิวเหยายิ้มเย็นชา “ข้าจะจัดการนางให้เรียบร้อย ตอนนี้เลยก็ได้นะ”
“ไม่ต้อง!” ม่อจิ่งหลีพูดเสียงแข็ง เรียกองครักษ์ที่ อยู่ด้านนอกมาพาตัวนางออกไป มองหน้าม่อซิวเหยา และเยี่ยหลีทีหนึ่งก่อนจะเอ่ย “หวังว่าพวกเจ้าจะรักษา สัญญา” แน่นอนว่าเขารู้ข่าวเรื่องเหรินฉีหนิงไปเยี่ยมตง ฟางฮุ่ย แต่ต าหนักติ้งอ๋องกลับไม่มีท่าทีอะไร ท าให้เขาอด กังวลไม่ได้
书呆子
ม่อซิวเหยาพลันคิดถึงข่าวคราวที่ได้ยินมาเมื่อคืน จึงยกยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะเอ่ย “จิ่งหลี… มีค าพูดค าหนึ่งพูด ไว้ได้ดีมาก อิงภูผาภูผาถล่ม พิงต้นไม้ต้นไม้ล้ม เอา ความหวังไปฝากไว้กับคนอื่น มิสู้พึ่งตนเอง”
“พวกเจ้าอยากจะผิดสัญญาหรือ” ม่อจิ่งหลีขมวด คิ้วพลางเอ่ยอย่างเคร่งเครียด
เยี่ยหลียิ้มบางพลางเอ่ย “หลีอ๋องเข้าใจผิดแล้ว เพียงแต่…แม้เราจะหยุดเหรินฉีหนิงได้ แต่นั่นไม่ได้ แปลว่าผู้ชนะคือหลีอ๋อง หลีอ๋องเข้าใจหรือไม่”
เมื่อพูดเรื่องนี้กับเยี่ยหลี มักจะท าให้ม่อจิ่งหลีไม่สบ อารมณ์ จึงพูดด้วยน้ าเสียงไม่พอใจ “ขอเพียงพวกเจ้า รักษาสัญญาก็พอ เรื่องอื่นไม่ต้องกังวล”
เยี่ยหลีพยักหน้าอย่างไม่แยแส เอ่ย “หากเป็น เช่นนี้ หลีอ๋องก็วางใจได้”
书呆子
ม่อจิ่งหลีส่งเสียงฮึด้วยความเย็นชา และไม่สนใจ เยี่ยอิ๋งกับองค์หญิงชีสยาที่ฟังอยู่อีกด้านด้วยความฉงน พอเขาเดินออกไป องค์หญิงชีสยาและเยี่ยอิ๋งจึงได้แต่รีบ ตามออกไปด้วย
พอภายในห้องโถงเหลือพวกเขาเพียงสามคนพ่อแม่ ลูก เยี่ยหลีถึงได้หันหน้ามาจ้องม่อตัวน้อย ม่อตัวน้อยผงะ ก่อนจะเหยียดยิ้มออดอ้อนด้วยความน่าสงสาร ม่อซิว เหยาเลิกคิ้ว แล้วโยนม่อตัวน้อยไปอีกทาง อายุตั้งเจ็ด แปดขวบแล้ว ยังจะให้อุ้มอีก!
“ท่านแม่…”
เยี่ยหลีมองเขาหน้านิ่ง “เหตุใดวันนี้เจ้าถึงมาอยู่ใน ต าหนักได้”
ม่อตัวน้อยเบะปาก “นี่ไม่ใช่บ้านข้าหรือ ท่านแม่ พูดเช่นนี้ข้าเสียใจมากนะขอรับ”
书呆子
“อย่ามาแกล้งร้องไห้เชียว น้ าตาเจ้าไม่มีเลยสัก หยด” เยี่ยหลีพูดแทงใจด าเขาอย่างไม่เกรงใจ ม่อตัวน้อย ได้แต่เอามือที่ปิดตาอยู่ออกอย่างเขินอาย ใบหน้าที่แห้ง ไร้น้ าตาไม่มีแม้แต่รอยแดงดังคาด ม่อตัวน้อยกระโดดไป ข้างหน้า พูดด้วยสีหน้าสงบนิ่งว่า “ท่านแม่ ข้าผิดไปแล้ว …”
“ผิดอย่างไรหรือ” เยี่ยหลีถาม
ม่อตัวน้อยเอานิ้วมือประสานกันและพูดว่า “ข้า ควรไปเรียนหนังสือที่ส านัก ไม่ควรพาเหลิ่งเอ๋อร์น้อย กับจือรุ่ยออกมาเที่ยวเล่นด้วย ไม่ควรมาแอบฟังท่านแม่ และท่านพ่อคุยกัน ไม่ควร…” คิดไม่ออกแล้วว่ามีอะไรที่ เขาไม่ควรท าอีก แต่เมื่อเห็นท่านแม่ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ จึง แอบไปขอความช่วยเหลือจากท่านพ่อแทน
ม่อซิวเหยามองลูกชายที่ท าตัวเป็นปฏิปักษ์กับตน อย่างไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยมาตลอด พอเห็นลูกชายตัวดี
书呆子
กะพริบตามองตนปริบๆ จึงเอ่ยด้วยความใจดีอย่างไม่ได้ เกิดขึ้นบ่อยนัก “เอาละ อาหลี เด็กคนนี้มันน่าตีจริงๆ ต่อไปข้าจะสั่งสอนเขาให้ดีเอง อย่าโกรธเสียจนกระทบ ร่างกายเลยนะ”
เมื่อเห็นสายตาของลูกชายที่มองตนตาปริบๆ เยี่ย หลีจะโกรธลงได้อย่างไร ถ้าจะบอกว่าโกรธม่อตัวน้อย ก็มิ สู้โกรธตัวเองจะดีกว่าหรือ หากเมื่อครู่ตนไม่ได้เรียกให้ม่อ ตัวน้อยเข้ามา เขาก็คงไม่โดนหลิ่วกุ้ยเฟยหมายจะท าร้าย เช่นนี้ แต่ว่าเด็กคนนี้…ช่างกล้ามากที่แอบอู้ไม่ไปที่ส านัก ศึกษา เรื่องนี้ต้องจัดการให้หนัก!
“สิ่งที่ท่านตาสอนเมื่อวาน กลับไปคัดมายี่สิบรอบ พรุ่งนี้เอาไปส่งให้ท่านตาดู นอกจากนี้ เขียนจดหมาย ส านึกตนอีกหนึ่งฉบับด้วย เข้าใจหรือไม่”
书呆子
ม่อตัวน้อยได้แต่ก้มหน้าคอตก ตอนแรกมีแต่ท่าน พ่อที่ท าโทษโดยการให้เขาคัด แต่มาตอนนี้ ท่านแม่ก็เอา กับเขาด้วยอีกคน ฮือๆ ท่านตา ม่อตัวน้อยผิดไปแล้ว…