ชายาเคียงหทัย - ตอนที่ 354 -3 งานวิวาห์จำใจ
พอออกจากจวนตงฟาง เยี่ยหลีกับฉินเจิงสบตากันพลางยิ้ม ฉินเจิงถามขึ้นด้วยความสงสัย “ตงฟางฮูหยินจะให้แม่นางตงฟางแต่งงานกับหลีอ๋องจริงๆ หรือ ข้าว่าตงฟางฮูหยินและแม่นางตงฟางต่างไม่ยินดี” เยี่ยหลียิ้มพลางเอ่ย “แม่นางตงฟางไม่ยินดีจริงๆ ส่วนตงฟางฮูหยิน…นางก็แค่ไม่ยินดีที่ตงฟางโยวต้องมาแต่งงานในสถานการณ์เช่นนี้เท่านั้น” หากตงฟางฮุ่ยไม่ยินยอม ก็เพียงกลับภูเขาซางหมาไป รอเวลาอีกสักหกสิบเจ็ดสิบปีก็พอแล้ว อันที่จริงม่อจิ่งหลีก็ถือว่าเป็นตัวเลือกเพียงหนึ่งเดียวของนาง ขอเพียงยื้อต่อไปเช่นนี้ ไม่ช้าก็เร็วนางต้องตอบตกลงช่วยสนับสนุนม่อจิ่งหลีอยู่ดี ทว่านั่นต่างหากคือการเลือกประมุขแทนฟ้าที่แท้จริงของภูเชาซางหมาง และภูเชาซางหมางจะยังคงอยู่ในตำแหน่งที่สูงส่ง ทว่าตอนนี้ ม่อจิ่งหลีกับตงฟางโยวเกิดความสัมพันธ์เช่นนี้ต่อกัน ต่อให้ตงฟางโยวไม่อยากแต่งงานอย่างไรก็ต้องแต่ง หากแต่ความสัมพันธ์ของทั้งสองตระกูลเกรงว่าน่าจะมีความกระอักกระอ่วนและปมอยู่ภายในใจ สถานะของภูเขาซางหมางก็จะเสื่อมถอยลงอย่างรวดเร็ว ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงนิสัยและอารมณ์ของตงฟางโยวเลย นางไม่มีทางที่จะเป็นพระชายาผู้เฉลียวฉลาดคอยช่วยเหลือประมุขผู้มีปรีชาญาณอย่างขยันขันแข็งเป็นแน่ และนี่ ก็เป็นจุดประสงค์ของติ้งอ๋องและเยี่ยหลี ตำหนักติ้งอ๋องจะให้ของขวัญชิ้นใหญ่แก่ม่อจิ่งหลีอย่างไร้สาเหตุเช่นนี้ได้อย่างไร และตอนนี้ ของขวัญชิ้นใหญ่ที่สวยแต่รูปเช่นนี้ ก็ไม่ทราบได้ว่าจะกลายเป็นระเบิดในเวลาใด
“แม่นางตงฟางช่างหาเรื่องใส่ตัวยิ่งนัก อยู่ดีๆ แท้ๆ…” ฉินเจิงถอนหายใจพลางเอ่ย แม้ตงฟางโยวจะดูน่ารันทด ทว่าฉินเจิงไม่นึกเห็นใจนางแม้แต่น้อย ตงฟางโยวถือว่าตนเองมีวิชาก็คิดอยากจะควบคุมจิตใจคน กระทั่งไม่สนใจความต้องการของคนอื่น ไปบงการให้คนนั้นคนนี้มาสู่ขอตน คนเช่นนี้พูดได้เพียงว่ากรรมใดใครก่อ กรรมนั้นย่อมตามสนอง
เยี่ยหลียิ้มเอ่ย “ต่อให้ไม่มีวันนี้ เกรงว่าอีกไม่นานตงฟางฮูหยินก็จะยกนางให้ม่อจิ่งหลีอยู่ดี พี่สะใภ้รองไม่ต้องเสียดายแทนนางหรอก”
ฉินเจิงยิ้มเอ่ย “ข้าไม่ได้เสียดายแทนนางเสียหน่อย ขอแค่นางไม่มาทำลายตระกูลสวีของพวกเรา นางจะแต่งกับใครข้าก็ไม่สนใจหรอก”
เยี่ยหลีพยักหน้าเห็นด้วย “นั่นสินะ”
แล้วก็เป็นไปตามคาด ผ่านไปหนึ่งวัน ตงฟางฮุ่ยประกาศการแต่งงานของม่อจิ่งหลีกับตงฟางโยว ตงฟางโยวจะแต่งงานเข้าไปในฐานะชายาเอกของหลีอ๋อง การกระจายข่าวของจวนตงฟางและโรงพักม้าหลีอ๋องล้วนเน้นยำเรื่องชายาเอก ไม่ใช่ชายารอง แม้ชายารองไม่ถือว่าเป็นอนุ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าชายาเอกก็ถือว่าต่ำต้อยกว่าหนึ่งขั้น แม้ม่อจิ่งหลีจะตอบรับแล้วว่าจะไม่ปลดเยี่ยอิ๋ง ทว่าภูเขาซางหมางก็ไม่อาจรับความอัปยศเช่นนั้นได้ ดังนั้นทั้งสองฝ่ายจึงตกลงกันว่าจะมีชายาเอกสองคน มียศศักดิ์เท่าเทียมกัน ในตอนนี้ม่อจิ่งหลีเป็นผู้สำเร็จราชการแห่งต้าฉู่ เมื่อควบคุมอำนาจด้วยตัวคนเดียวย่อมทำอะไรตามอำเภอใจได้มาก จากนั้นก็ประกาศพระราชโองการ ให้เรียกเยี่ยอิ๋งว่าพระชายาหรง เรียกตงฟางโยวว่าพระชายาหมิ่น ทั้งสองต่างเป็นชายาเอกแห่งผู้สำเร็จราชการแทน
“เหตุใดข้าถึงรู้สึกว่าตำแหน่งที่ม่อจิ่งหลีตั้งให้ฟังดูเหน็บแนมพวกนางเล่า” พอได้รับข่าวการแต่งตั้งพระชายาเอกแห่งท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการของม่อจิ่งหลี เยี่ยหลีก็มองชื่อบรรดาศักดิ์ทั้งสองพลางเอ่ยถามขึ้น เยี่ยอิ๋งที่ทุกวันนี้อยู่ในต้าฉู่อย่างไร้ที่พึ่งพาไร้ทายาทไร้ความโปรดปราน จะควรค่าต่อคำว่าหรง[1]ได้อย่างไร ส่วนตงฟางโยวที่วางแผนลอบทำร้ายผู้อื่น แต่กลับโดนเสียเอง คำว่าหมิ่น[2]นี้ก็ยิ่งฟังดูน่าขันเข้าไปใหญ่
ม่อซิวเหยาเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ “บางทีอาจเป็นเพราะม่อจิ่งหลีอยากให้เยี่ยอิ๋งมากล้นด้วยเกียรติยศตลอดไป ในขณะเดียวกันก็หวังว่าตงฟางโยวจะฉลาดมากกว่านี้กระมัง เรื่องบรรดาศักดิ์เช่นนี้น่ะนะ หากไม่ใช่เรื่องจริง ก็เป็นความปรารถนาแล้วล่ะ”
เยี่ยหลียิ้ม ก่อนจะนำจดหมายโยนไปอีกด้านหนึ่งของโต๊ะ ยิ้มพลางเอ่ย “เดิมทีกำลังคิดอยู่เชียวว่าจะจัดการตงฟางโยวกับภูเขาซางหมางอย่างไรดี คิดไม่ถึงว่าจะจัดการได้ง่ายเพียงนี้” ม่อซิวเหยายิ้มเอ่ย “ก็เป็นเพราะความฉลาดอันไร้ผู้ใดทัดเทียมของคุณชายชิงเฉินน่ะสิ ไหลไปตามน้ำได้อย่างชาญฉลาดจนต้องเชยชม”
สวีชิงเฉินที่กำลังก้มหน้าเขียนหนังสืออยู่อีกด้านหนึ่ง ยิ้มอย่างชื่นชมก่อนจะเอ่ย “หากไม่ใช่เป็นเพราะท่านอ๋องอยากดูละคร จะมีผลลัพธ์เช่นนี้ได้อย่างไร”
หากไม่ใช่เพราะม่อซิวเหยาที่อยู่ดีๆ ก็อยากรู้ว่าสวีชิงเฉินจะทนรับการเย้ายวนจากมนตร์เสน่ห์ได้หรือ จึงให้องครักษ์ถอยออกมาก่อน เช่นนั้นแล้วตงฟางโยวจะมีโอกาสร่ายมนตร์เสน่ห์ใส่เขาได้อย่างไร และแน่นอนว่าย่อมจะไม่มีเรื่องราวที่เกิดขึ้นตามมาตอนหลังอีกด้วย ดังนั้นท้ายที่สุดแล้ว ติ้งอ๋องจึงเป็นตัวการที่แท้จริง
ม่อซิวเหยาไม่รู้สึกเคอะเขินที่ถูกคนอื่นรู้ทันความคิดชั่วร้ายของตนแม้แต่น้อย เขาคลอเคลียกับเส้นผมของเยี่ยหลีอยู่อีกด้าน ยิ้มพลางเอ่ย “ดังนั้นพวกเราถึงได้รู้ว่าความแน่วแน่ในจิตใจของคุณชายชิงเฉินนั้นช่างหาได้ยากในโลกนี้” ตอนนั้นยามอยู่ต่อหน้าธารกำนัลตงฟางโยวร่ายมนตร์เพียงผิวเผินเท่านั้น แม้แต่ยอดฝีมือที่มีกำลังภายในแข็งแกร่งยังได้รับอิทธิพลไปด้วย ทว่าครานี้เจาะจงเฉพาะสวีชิงเฉินเพียงผู้เดียว นางทุ่มกำลังทั้งหมดทว่ากลับคว้าน้ำเหลว จึงเห็นได้ถึงความแน่วแน่ทางจิตใจของคุณชายชิงเฉินอย่างชัดเจน หรือบางทีอาจกล่าวได้ว่า เพียงพอที่จะพิสูจน์ได้แล้วว่าคุณชายชิงเฉินเย็นชาไร้ความรู้สึก จิตใจสงบไม่หวั่นไหวต่อโลกภายนอกเพียงใด มีเพียงผู้ที่ให้ความเสมอภาคต่อสาวงามเท่านั้น ถึงจะรู้สึกเฉยชาต่อสิ่งเย้ายวนนี้ ดูเหมือนว่าหลายๆ คนในตระกูลสวีที่อยากเห็นคุณชายชิงเฉินแต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝา คงจะต้องรออีกนานเสียแล้ว
สวีชิงเฉินยิ้มบาง “ท่านอ๋องชมเกินไปแล้ว…เกิดเรื่องขึ้นที่ชายแดนเสียแล้ว” สวีชิงเฉินที่เดิมทีถือเอกสารอยู่ในมือชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบขึ้น
ม่อซิวเหยาเลิกคิ้ว สวีชิงเฉินเอ่ย “ทันทีที่เยียหลี่ว์เหยี่ยออกจากด่านเฟยหง ก็เริ่มรวบรวมกำลังทหารและม้า เกรงว่าจะฉวยโอกาสในตอนที่ยังไม่เข้าฤดูหนาว เปิดศึกกับพวกเราอีกสักครั้งเสียแล้ว” แม้ว่าเรื่องนี้จะทำให้ม่อซิวเหยาผงะไปเล็กน้อย ทว่าก็ไม่ได้ประหลาดใจอะไร “แล้วเหรินฉีหนิงเล่า” เยี่ยหลีมุ่นคิ้วเอ่ย “วันนี้ตอนเช้าเหรินฉีหนิงมาบอกลา ยามนี้น่าจะออกจากเมืองหลีไปแล้ว”
ม่อซิวเหยาหลุบตา ครุ่นคิดไปชั่วขณะ ก่อนจะอมยิ้มมองเยี่ยหลี “อาหลี พวกเราคงต้องเตรียมตัวออกศึกเสียแล้ว ครั้งนี้…ถึงคราวตายของเยียหลี่ว์เหยี่ยและเฮ่อเหลียนเจินจริงๆ เสียที!” แสงแห่งความเยือกเย็นพาดผ่านนัยน์ตาของเขา
เยี่ยหลีผงะ อมยิ้มก่อนจะเอ่ย “ดี พวกเราไปออกศึกด้วยกัน”
[1] หรง ในภาษาจีนแปลว่า เกียรติยศ
[2] หมิ่น ในภาษาจีนแปลว่า ปราดเปรื่อง