ชายาเคียงหทัย - ตอนที่ 356 การต่อสู้กันภายใน และสถานการณ์ยากลำบากของเริ่นฉีหนิง (1)
ผู้ดูแลคนโรงเตี๊ยมคนนั้นจัดการได้อย่างเหมาะสมเรียบร้อยดีจริงๆ สามคนที่เดินทางมาด้วยกันได้พักอยู่เรือนด้านในสุดอันแสนสงบ แต่เรือนนั้นกล ลับมีประตูเชื่อมกับถนนอีกเส้นหนึ่งด้านหลัง สามารถให้คนเข้าออกได้โดยไม่ทำให้คนอื่นสงสัย ทั้งสามพักผ่อนกันทั้งคืน เช้าวันรุ่งขึ้นผู้ดูแลโรงเต ตี๊ยมก็เข้ามาดูแลอีกครั้ง
พวกเยี่ยหลีเพิ่งทานอาหารเช้าเสร็จ ผู้ดูแลโรงเตี๊ยมก็เข้ามาคำนับพลางเอ่ยถามว่า “มีอะไรที่ข้าจัดเตรียมได้ไม่ดีพอหรือไม่” เยี่ยหลีอมยิ้มพลา างโบกมือไปมา “ออกมาอยู่ข้างนอกเช่นนี้ไม่ต้องมีอะไรมากหรอก ข้ากับท่านอ๋องคุ้นเคยดี คุณชายถานล่ะ ว่าอย่างไร” เมื่อเห็นเยี่ยหลีถามความเห็นตน นเอง ถานจี้จือจึงทำได้เพียงฝืนยิ้ม เอ่ยขึ้นเรียบๆ ว่า “ขอบคุณพระชายาที่เป็นห่วง ข้าสบายดีทุกอย่าง” กระทั่งติ้งอ๋องและพระชายายังไม่มีปัญหาอะ ะไร นักโทษซึ่งเพิ่งถูกปล่อยตัวออกมาอย่างเขาจะมีปัญหาอะไรได้
ม่อซิวเหยาเอ่ยถามว่า “หลังจากเหรินฉีหนิงกลับมา ภายในตำหนักเป่ยจิ้งอ๋องมีอะไรเกิดขึ้นหรือไม่”
สีหน้าผู้ดูแลโรงเตี๊ยมเคร่งขรึมขึ้นมาทันที เอ่ยอย่างนอบน้อมว่า “กราบทูลท่านอ๋อง ตั้งแต่เป่ยจิ้งอ๋องกลับมาที่เมืองชางชิ่ง ก็ราวกับอารมณ์ไม่ดี ยิ่งนัก เพิ่งกลับมาที่ตำหนักได้ไม่นานก็ตำหนิขุนนางระดับสูงของเป่ยจิ้งที่คัดค้านการกระทำของเขาไปยกใหญ่ ช่วงนี้ความขัดแย้งระหว่างชนชั้นสูงของ งชนเผ่าเป่ยจิ้งและขุนนางจากราชวงศ์ก่อนที่ติดตามเป่ยจิ้งอ๋องมาเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ถึงขั้นที่เป่ยจิ้งอ๋องตบหน้าราชินีเห่อหลันแทนสนมอวิ นหลายต่อหลายครั้ง บัดนี้สถานการณ์ในตำหนักเคร่งเครียดยิ่งนัก เกรงว่าความขัดแย้งระหว่างชนเผ่าเป่ยจิ้งกับเหล่าขุนนางเก่าจากราชวงศ์ก่อนจะปะทุ ขึ้นเร็วๆ นี้”
“มาถึงขั้นนี้แล้ว เหรินฉีหนิงยังมีอารมณ์ส่งทหารมาโจมตีด่านจื่อจิงอีกหรือ” เยี่ยหลีเอ่ยถามอย่างประหลาดใจ ตอนพวกเขาเพิ่งเดินผ่านด่านมาก็พบ ว่าเหรินฉีหนิงกำลังระดมพลเตรียมโจมตีด่านจื่อจิงอยู่เช่นกัน แสดงว่าสัญญาความร่วมมือระหว่างเหรินฉีหนิงและเยียหลี่ว์เหยี่ยยังคงมีอยู่ ผู้ดูแล โรงเตี๊ยมส่ายหน้าเอ่ยขึ้นว่า “เดิมทีตั้งแต่เป่ยจิ้งอ๋องกลับมาชางชิ่ง ก็ได้ออกคำสั่งให้ระดมพลโจมตีด่านจื่อจิงแล้ว แต่เหล่าชนชั้นสูงจากแต่ละช ชนเผ่าของเป่ยจิ้งไม่เห็นด้วย จนถึงตอนนี้จึงยังไม่ออกเดินทางกัน ทว่าสองวันมานี้เป่ยจิ้งอ๋องได้ระเบิดอารมณ์ใส่ผู้นำชนเผ่าไปสองคน ได้ยินมาว่า เพราะทำเช่นนี้จึงระดมพลได้สำเร็จ” ถึงแม้กองทัพเป่ยจิ้งจะมีอยู่นับล้านคน และส่วนมากยังเป็นชาวจงหยวน แต่ความสามารถในการออกรบจริงๆ ยังคงต้อง งพึ่งพาคนเป่ยจิ้งอยู่ดี กองทัพชาวจงหยวนนับล้านคนเพิ่งถูกบังคับให้รวมพลในช่วงสองปีตั้งแต่ยึดครองพื้นที่ด้านนอกด่านจื่อจิงได้เท่านั้น นอกจ จากคนเหล่านี้จะไม่รู้สึกว่าเป่ยจิ้งเป็นที่ของพวกเขาแล้ว พวกเขายังไม่มีความสามารถในการสู้รบอีกด้วย หากเหรินฉีหนิงต้องการโจมตีด่านจื่อจิง ก็ ต้องมีกองทัพของเป่ยจิ้งเปิดทางให้
เยี่ยหลีอมยิ้มเอ่ยขึ้นว่า “เหรินฉีหนิงนี่จริงๆ เลย…ไม่แปลกใจที่ตงฟางฮุ่ยจะทิ้งเขาไปเลือกม่อจิ่งหลี” เข้าไปอยู่ในเป่ยจิ้งด้วยฐานะพระร ราชบุตรเขย ใช้พลังของคนเป่ยจิ้งสร้างชาติ แต่บัดนี้สถานการณ์ยังไม่มั่นคงก็รีบกีดกันคนเป่ยจิ้งออกไป แถมยังใช้คนเป่ยจิ้งออกรบแทนตนเองเสียอีก ต่อให้คนเป่ยจิ้งจะไม่เก่งเรื่องการวางแผน แต่พวกเขาก็ไม่ใช่คนโง่ ต้องการให้ม้าวิ่งแต่กลับไม่ให้อาหารมัน โลกนี้มีเรื่องดีๆ เช่นนี้เสียที่ไหน
ม่อซิวเหยาเอ่ยเสียงเนิบว่า “เกรงว่าเหรินฉีหนิงจะทำไปโดยไม่มีทางเลือก ถึงแม้ข้าจะไม่เคยเห็นเหล่าขุนนางจากราชวงศ์ก่อนที่อยู่รอบตัวเขา แต่ ข้าก็พอจะจินตนาการออกว่าเป็นคนประเภทใด หลายปีมานี้พวกที่ติดตามเด็กกำพร้าที่ราชวงศ์ก่อนทิ้งเอาไว้ก็ลำบากมาไม่น้อย บัดนี้ เมื่อในที่สุดเข ขากอบกู้แคว้นกลับมาได้สำเร็จอย่างยากลำบากแล้ว จะยอมให้พวกผู้นำชนเผ่าเป่ยจิ้งที่พวกเขามองว่าเป็นคนป่าเถื่อนมามีอำนาจเหนือพวกเขาได้อย่างไร จ จึงต้องรีบริดรอนอำนาจมาไว้ที่ตัวเองให้หมด”
“กอบกู้แคว้นกลับมาได้สำเร็จแล้วหรือ” ถานจี้จือหันมองม่อซิวเหยาด้วยสีหน้าประหลาดใจ ตอนนี้ยังใช้ชื่อเป่ยจิ้งอยู่ ขนาดชื่อแคว้นที่ตัวเองต้ องการเหรินฉีหนิงยังไม่กล้านำมาใช้ เช่นนี้นับว่ากอบกู้แคว้นกลับมาได้สำเร็จที่ตรงใดกัน ม่อซิวเหยาทำหน้ากึ่งหัวเราะพลางหันมองถานจี้จือ เผยอยิ้มพลางเอ่ยขึ้นว่า “ดังนั้น ข้าถึงบอกว่า…ที่จริงแล้วคุณชายถานโชคดีกว่าเหรินฉีหนิงมากนัก”
ถานจี้จือมองเขาด้วยสีหน้าไม่เป็นมิตรนัก แต่ม่อซิวเหยาไม่ได้สนใจ เอ่ยเสียงเนิบว่า “คุณชายถานอาจคิดว่าหากได้ไปยืนแทนที่เหรินฉีหนิงแล้ วจะทำได้ดีกว่าเขา เพียงแต่…นั่นเป็นเพราะคุณชายไม่ได้ไปยืนอยู่จุดนั้น ดังนั้น คุณชายถานจึงไม่สามารถเข้าใจได้ว่า คนที่ต้องแบกรับความหวัง กว่าสองร้อยปีของคนทั้งชนเผ่าและคนรอบตัวทั้งหมดตั้งแต่เกิดนั้น มันน่าเศร้าเพียงใด อย่างน้อยใต้เท้าหลินก็ไม่เคยบอกคุณชายถานว่าต้องกอบกู แคว้นกลับมาใช่หรือไม่ คุณชายถานจึงถอนตัวได้ แต่เหรินฉีหนิงกลับไม่มีทางถอนตัวได้ตลอดไป”
“ท่านก็ไม่ใช่เหรินฉีหนิง จะไปรู้ความทุกข์ของเขาได้อย่างไร” ถานจี้จือเอ่ยอย่างไม่เกรงใจ
ม่อซิวเหยาเผยยิ้มจางๆ พลันส่ายหน้าแต่ไม่พูดอะไรต่อ ถึงแม้เขาจะไม่ต้องแบกรับภารกิจกอบกู้แคว้นกลับมาเหมือนเหรินฉีหนิง แต่ลูกหลานของกองทัพต ตระกูลม่อก็ต้องแบกรับภารกิจปกป้องต้าฉู่ตั้งแต่เกิดเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงพอเข้าใจความรู้สึกและความลำบากของเหรินฉีหนิงได้บ้าง
เยี่ยหลีถอนหายใจ พลางเอ่ยขึ้นว่า “เหรินฉีหนิงเองก็ถือว่าเป็นคนมีความสามารถ น่าเสียดาย…” คนอย่างเหรินฉีหนิง มีทั้งอุบาย วิธีการจัดการ แ และกุศโลบายครบทั้งหมด หากไม่มีเหล่าขุนนางจากราชวงศ์เดิม หากไม่มีภาระต้องกอบกู้แคว้นกลับมา แล้วใช้ชีวิตในฐานะพระราชบุตรเขยปกครองเป่ยจิ้งอย่ างเรียบง่าย ก็คงประสบความสำเร็จไม่น้อย คงไม่ถึงขั้นตกอยู่ในสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออกอย่างเช่นทุกวันนี้ ทว่ามองในทางกลับกัน หากไม่มีขุนนางตระกูล ลหลินซึ่งเคยเป็นอัครเสนาบดีสมัยราชวงศ์ก่อน เหรินฉีหนิงก็อาจไม่มีเล่ห์กลและวิธีการจัดการเช่นนี้ จะแพ้หรือชนะไม่ใช่เรื่องที่จะเอ่ยชัดได้จา ากคำพูดเพียงไม่กี่ประโยค
ถานจี้จือใช้ความเงียบเข้าสู้ ถึงแม้เขาจะไม่กล้ายอมรับมาโดยตลอด แต่เบื้องลึกในหัวใจเขารู้ดี ว่าเขาสู้เหรินฉีหนิงไม่ได้ ไม่ว่าอย่างไร เหริน ฉีหนิงก็สามารถรวมแผ่นดินของชนเผ่าในเป่ยจิ้ง และบีบบังคับให้ต้าฉู่ย้ายเมืองหลวงไปเจียงหนานได้ ส่วนตัวเขายุ่งวุ่นวายมาหลายปีกลับทำไม่สำเร็ จสักอย่าง สุดท้ายถึงขั้นกลายเป็นนักโทษของม่อซิวเหยา
“ในเมื่อเหรินฉีหนิงเตรียมโจมตีแล้ว พวกเราก็ต้องเร่งมือ ต้องให้ข้าเข้าพบราชินีเห่อหลันหรือไม่” เยี่ยหลีเอ่ยถาม
ม่อซิวเหยาส่ายหน้า เอ่ยว่า “ราชินีเห่อหลันเป็นคนฉลาด เมื่อรู้ว่าพวกเรามาถึงแล้วนางก็จะมาหาเราเอง ไม่ต้องรีบร้อนไป”
ถานจี้จือตกตะลึง ส่ายหน้าเอ่ยถามอย่างขมขื่นว่า “กระทั่งราชินีก็อยู่ฝ่ายเดียวกับพวกท่านหรือ ข้าคิดไม่ถึงจริงๆ เหรินฉีหนิงจะมีเหตุผลอะไรให ห้ชนะได้อีก”
เยี่ยหลีหัวเราะเบาๆ เอ่ยตอบว่า “ถึงแม้ราชินีจะเป็นคนเป่ยจิ้ง แต่ก็เป็นสตรีผู้เฉลียวฉลาดที่หาได้ยาก เรียกได้ว่าเป็นยอดสตรีเลยทีเดียว” เ เห็นได้ชัดว่าเยี่ยหลีชื่นชมราชินีเป็นอย่างมาก เมื่อเทียบกับองค์หญิงอันซีแล้ว ราชินีมีจิตใจที่เด็ดเดี่ยวมากกว่า เห็นได้จากเรื่องที่นางยอมเ เดิมพันด้วยการแต่งงานเป็นชายาของเหรินฉีหนิงตลอดชีวิต และเรื่องที่ตัดสินใจร่วมมือกับตำหนักติ้งอ๋องทั้งที่ยังไม่รู้จักกันดี คำกล่าวของหญิง งชาวจงหยวนที่ว่า เป็นสามีภรรยากันหนึ่งวัน ถือว่ามีบุญคุณกันตลอดไป เป็นเพียงคำพูดฉาบฉวยสำหรับนาง ดังนั้นนางจึงไม่ใจอ่อนในการวางแผนร้ายต่อส สามีตัวเอง เมื่อเทียบกันแล้ว องค์หญิงอันซีกลับใจอ่อนกับคนใกล้ตัวอย่างง่ายดาย
ถานจี้จือถอนหายใจเอ่ยว่า “โลกเดี๋ยวนี้ช่างเต็มไปด้วยยอดสตรี ทั้งพระชายาติ้งอ๋อง องค์หญิงอันซี และราชินี ทำให้เหล่าบุรุษอย่างข้ารู้สึกละอา ายใจอย่างยิ่ง”
เยี่ยหลีอมยิ้ม เอ่ยขึ้นว่า “องค์ชายถานชมเกินไปแล้ว เยี่ยหลีจะไปเทียบกับจักพรรดินีหนานจ้าวและราชินีได้อย่างไร”
ถานจี้จือส่ายหน้า เอ่ยตอบว่า “ข้ากลับคิดว่าพระชายาติ้งอ๋องคือหญิงที่เฉลียวฉลาดที่สุดบนโลกหล้านี้” ไม่ว่าจะองค์หญิงอันซีหรือราชินี สุดท ท้ายแล้วพวกนางอาจมีอำนาจครอบครองไปทั่วหล้า ถึงขั้นที่ผู้ชายทั่วหล้ายอมก้มหัวอยู่ภายใต้พวกนาง แต่สิ่งที่พวกนางได้มากลับมีเพียงอำนาจเท่านั้ น ทว่าเยี่ยหลี ถึงแม้จะเป็นเพียงพระชายาติ้งอ๋อง แต่ในสายตาของผู้คน นางไม่ใช่เพียงบริวารของติ้งอ๋อง แต่เป็นคนที่ยืนเคียงบ่าเคียงไหล่กับต ติ้งอ๋องได้ ที่สำคัญกว่านั้นคือ สิ่งที่นางได้ไป ไม่ได้มีเพียงอำนาจที่ทุกคนต่างอิจฉา แต่ยังมีสามีที่รักและเอ็นดูนางอย่างแท้จริง มีคนใกล้ ตัวที่ทำทุกอย่างเพื่อนาง และยังมีลูกแฝดอีกด้วย เรียกได้ว่านางมีทุกสิ่งที่สตรีทุกคนต้องการครบหมดแล้ว แถมยังได้แบบที่ดีที่สุดไปอีกด้วย ยอดสตรีเช่นนี้ จะไม่ให้คนชื่นชมได้อย่างไร