ชายาเคียงหทัย - ตอนที่ 360-3 เหรินฉีหนิงตกหลุมพรำง กองทัพเป่ยจิ้ง แปรพักตร์
“ไม่เลว เรื่องความแค้นของฉิงอวี่ก็ควรสะสาง ด้วย” แม้ว่าลูกชายคนเล็กจะเก่งกาจกว่าลูกชายคนโต แต่ถึงอย่างไร เหลิ่งฉิงอวี่ก็เป็นบุตรชายหัวแก้วหัวแหวน ที่เขารักมานานหลายสิบปี อีกทั้งเขายังสละชีพเพื่อแคว้น โดยที่ไม่ท าให้ครอบครัวขายหน้าแม้แต่น้อย หากได้ สะสางความแค้นเพื่อลูกชายที่รักด้วยตัวเอง คงท าให้ เหลิ่งไหวลบล้างเรื่องราวภายในใจได้
เหลิ่งเฮ่าอวี่พยักหน้า “ท่านพ่อต้องล้างแค้นเพื่อพี่ ใหญ่ด้วยมือของตัวเองได้อย่างที่พูดแน่นอนขอรับ” แม้ว่าตอนที่เหลิ่งฉิงอวี่ยังมีชีวิตอยู่ สองพี่น้องจะไม่ลง รอยกัน แต่ส าหรับพี่ชายที่เสียชีวิตในการสงครามคนนี้ เหลิ่งเฮ่าอวี่ก็ไม่ถึงขนาดเกลียดชังกระทั่งในยามที่เขาตาย ไปแล้ว การที่ท่านพ่อสามารถล้างแค้นเพื่อพี่ใหญ่ด้วยมือ
书呆子
ตัวเองและลบล้างเรื่องในใจจึงถือเป็นเรื่องดี ด้วยเหตุนี้ ที่ เหลิ่งเฮ่าอวี่ขอร้องต่อท่านอ๋องและพระชายาให้เหลิ่งไหว ยังคงเฝ้าอยู่ที่ด่านจื่อจิงก็เพื่อรอวันนี้
ภายในค่ายใหญ่ “กองทัพกบฏ” นอกเมืองชางชิ่ง เหอซู่นั่งอย่างสบายใจอยู่บนต าแหน่งหัวหน้าภายใน กระโจมผู้บังคับบัญชา มองดูแม่ทัพเบื้องล่างที่พูดกัน เสียงดังเซ็งแซ่ไม่หยุด พูดไปพูดมา จนกระทั่งได้ยินข่าว ว่าเหรินฉีหนิงก าลังจะถอยทัพกลับ ก็พลันตกใจ ตอนนี้ พวกเขามีทหารอยู่เพียงสามแสนกว่านาย ซึ่งน้อยกว่า ทหารของฝ่ายตรงข้ามพอสมควร แม้ว่าภายใต้การ บัญชาการของเหอซู่จะท าให้ชนะหลายครั้ง แต่เมื่อต้อง เผชิญกับกองทัพใหญ่จ านวนล้านคนของเหรินฉีหนิง ก็คง ไม่ต้องไปพูดถึงกลยุทธ์การท าสงครามใดๆ เพียงแค่ จ านวนทหารเหล่านั้นก็สามารถกดพวกเขาให้ตายได้ แล้ว
书呆子
หลังจากพวกเขาทะเลาะถกเถียงกันครู่ใหญ่ เหอซู่ ก็เคาะโต๊ะ และพูดด้วยรอยยิ้มบางๆ “ทุกท่าน ทะเลาะ กันแบบนี้ไปในตอนนี้จะมีประโยชน์อันใดเล่า ทุกท่านก็ ต่อสู้มาหลายครั้งแล้ว อย่าบอกนะว่าหากพวกเรามารา มือเอาตอนนี้ ทางราชส านักจะปล่อยพวกเราไป หากทุก ท่านลังเลและไม่เชื่อมั่นว่าจะยังมีโอกาสเดิมพันกับความ รุ่งเรืองมั่งคั่ง แล้วยินยอมศิโรราบเช่นนี้ ถึงครานั้นจัก ต้องโทษประหารล้างตระกูลเป็นแน่”
เหล่าแม่ทัพที่อยู่ด้านล่างมองไปที่เหอซู่และพูดด้วย สีหน้าขมขื่น “น้องเหอ เจ้าพูดตามตรงเถิดว่า ต าหนักติ้ง อ๋องมีกองก าลังเสริมหรือไม่ พี่น้องเราขายชีวิตให้เจ้าแล้ว เจ้าไม่อาจฝังพี่น้องอย่างพวกเราได้นะ”
“จริงด้วย จริงด้วย…” ทุกคนต่างพยักหน้าไม่หยุด
เหอซู่ยิ้มและกล่าวว่า “ก าลังเสริมน่ะมีแน่นอน ทว่า…ต้องใช้เวลาสักพักกว่าจะมาถึง แต่ทุกท่านไม่ต้อง
书呆子
กังวลไป แม้ว่ากองทัพเสริมจะยังมาไม่ถึง แต่ต าหนักติ้ง อ๋องก็มีกองทัพเสริมที่แข็งแกร่งกว่ามาถึงแล้ว”
ทุกคนตกใจและสงสัย มองหน้ากันก่อนพักหนึ่ง ถึง มีคนพูดขึ้นว่า “หรือจะเป็นคุณชายชิงเฉิน? ได้ยินว่า คุณชายชิงเฉินมีสติปัญญาเฉลียวฉลาดยิ่งนัก เพียงคน เดียวก็สามารถต้านทานกองทัพกว่าพันนายได้”
“ต้องเป็นติ้งอ๋องสิถึงจะถูก ติ้งอ๋องอายุเพียงสิบสี่ปี ออกสู้ศึกมากมายโดยไม่แพ้สักครา ถ้าหากมีติ้งอ๋อง ใย จะต้องหวาดเกรงกองทัพใหญ่ล้านนายของราชส านักนั่น อีก”
เหอซู่อมยิ้มและมองไปยังประตูกระโจมขนาดใหญ่ ม่านประตูถูกเปิดออกจากด้านนอก สตรีผมสีด าในชุด เขียว ดวงหน้างดงามอ่อนหวานคนหนึ่ง ก็เดินเข้ามาจาก ด้านนอก ตามมาด้วยชายชุดด าหลายคน เห็นได้ชัดว่าคน
书呆子
เหล่านั้นเป็นองครักษ์ เมื่อเห็นลวดลายกิเลนบนเสื้อผ้า ขององครักษ์ชุดด า ทุกคนก็ตกตะลึง “หน่วยกิเลน!”
องครักษ์ชุดด าหลายคนไม่ได้สนใจความตกใจของ คนเหล่านี้แม้แต่น้อย พวกเขากระจายออกไปอยู่แต่ละ มุมของกระโจมใหญ่ เหลือเพียงสองคนเท่านั้นที่ติดตาม อยู่ด้านหลังสตรีชุดเขียวคนนั้น สตรีชุดเขียวเดินมาถึงที่ นั่งหัวหน้าท่ามกลางสายตาตกใจของทุกคน เหอซู่ลุกขึ้น สละที่นั่งให้นาง แล้วสตรีนางนั้นก็นั่งลง พร้อมยิ้มบางๆ ให้แก่ทุกคน “ทุกท่าน ล าบากกันแล้ว”
เมื่อเห็นสายตาที่เคารพนอบน้อมของเหอซู่ที่มีต่อ สตรีชุดเขียว คนที่หัวไวและนึกด้ก็ใจเต้นขึ้นมาทันใด ส่วนคนที่นิสัยหุนหันพลันแล่นก็เอ่ยขึ้นอย่างอดไม่ได้ “เจ้าเป็นใคร กล้าดีอย่างไรมานั่งตรงนั้น”
สตรีชุดเขียวยิ้มบางๆ กล่าว “ข้าคือเยี่ยหลี”
书呆子
พระชายาติ้งอ๋องหรือ! ทุกคนตกใจจนท าอะไรไม่ ถูก
“ข้าน้อยคารวะพระชายา” เหอซู่ท าความเคารพ ด้วยน้ าเสียงนอบน้อม เมื่อมีคนน า คนอื่นๆ ก็ย่อมท า ตามเป็นธรรมดา ในตอนนี้ ทุกคนในกระโจมใหญ่จึงท า ความเคารพและประสานเสียงขึ้นพร้อมกันว่า “ข้าน้อย คารวะพระชายา” อย่างน้อย พวกเขาก็ได้ยินมาว่าติ้ง อ๋องมีความรักที่ลึกซึ้งยิ่งต่อพระชายาติ้ง เมื่อพระชายาติ้ งอยู่ที่นี่แล้ว ต าหนักติ้งอ๋องคงจะไม่ปล่อยให้พวกเขาถูก คนของราชส านักรัดคอเป็นแน่
เยี่ยหลีพยักหน้าและพูดว่า “ทุกท่านลุกขึ้นเถิด เชิญนั่ง” ทุกคนถึงได้ลุกขึ้น แล้วพากันนั่งลง
เมื่อทุกคนนั่งลงเรียบร้อยแล้ว เยี่ยหลีถึงกล่าวขึ้น ว่า “ขอบคุณทุกท่านที่ยินยอมช่วยเหลือต าหนักติ้งอ๋อง แย่งดินแดนที่ผืนนี้กลับคืนมา เนื่องจากท่านอ๋องท า
书呆子
สงครามอยู่กับเป่ยหรงจึงไม่อาจเร่งมาถึงได้ทันเวลา แต่ ว่าถ้อยค าของข้ากับค าสัญญาของท่านอ๋องมีผลลัพธ์ เท่ากัน ทุกคนที่นั่งอยู่ที่นี่ จะได้ตกรางวัลอย่างงาม หลังจากเรื่องต่างๆ คลี่คลายแล้วอย่างแน่นอน ต า หนักติ้งอ๋องจะไม่ท าให้พวกท่านที่ท าคุณประโยชน์ต้อง ล าบากเป็นอันขาด”
แม่ทัพวัยกลางคนผู้มีใบหน้าซื่อตรงที่นั่งอยู่คนหนึ่ง ลุกขึ้นยืน “พระชายา รางวัลอย่างงามอะไรนั่น ข้าน้อย หาได้สนใจไม่ ข้าน้อยเดิมทีก็เป็นแม่ทัพของต้าฉู่ ก่อน หน้านี้ถูกคนชั่วบังคับให้ท าเรื่องชั่วร้าย เพื่อไปบุกตีฉู่จิง เรื่องนี้…” คนเหล่านี้ส่วนใหญ่เดิมทีก็เป็นแม่ทัพของต้าฉู่ ที่พ่ายแพ้ต่อสงคราม พวกเขาอยู่ที่เป่ยจิ้งก็ไม่ได้รับความ สนใจและความโปรดปรานจากเหรินฉีหนิง นับได้ว่าเป็น ชาวต้าฉู่ที่พ่ายแพ้ให้แก่เป่ยจิ้ง บัดนี้ พวกเขาได้ทรยศต่อ เป่ยจิ้งและหันเข้าหาต าหนักติ้งอ๋องอีกครั้ง ในใจนึกรู้สึก
书呆子
กังวลอยู่เสมอ แม่ทัพวัยกลางคนคนนี้กล้าถามค าถาม ดังกล่าวได้ แสดงให้เห็นว่าตัวเขาเองก็ไม่ได้เรียบง่ายและ ซื่อตรงดังเช่นรูปลักษณ์ของเขา
เยี่ยหลีกล่าวอย่างเคร่งขรึม “ที่ๆ กองทัพใหญ่เป่ ยจิ้งไป ก็ไม่ได้ท าร้ายประชาชนผู้บริสุทธิ์ ข้าสัญญากับทุก ท่านในที่นี้ได้ว่า เพียงแค่ยินยอมมาเข้าร่วมกับต าหนักติ้ง อ๋องด้วยความจริงใจ เรื่องที่ผ่านไปแล้วก็จะไม่กลับไป กล่าวโทษอีก และหากประสบความส าเร็จ ทุกท่านจะ ยังคงได้รับรางวัลใหญ่เช่นเดิม เพียงแต่…หากมีผู้ใดคิดจะ เปลี่ยนใจอีก ก็อย่ากล่าวหาว่าข้าไร้ปราณี”
“ขอบพระคุณพระชายา” ทุกคนลุกขึ้นและกล่าว สิ่งที่พวกแม่ทัพแตกพ่ายเหล่านี้กังวลมากที่สุดคือการถูก จัดการในตอนหลัง ทว่าบัดนี้ เมื่อได้ยินถ้อยค ารับปาก จากพระชายาติ้งแล้ว ก็ย่อมรู้สึกปล่อยวางลงได้ และ บรรยากาศในกระโจมใหญ่ก็ปรองดองขึ้นมาทันใด
书呆子
เหอซู่ที่อยู่ด้านข้าง ประสานมือและกล่าว “เรียน พระชายา เหรินฉีหนิงได้น ากองทัพใหญ่ล้านนายบุก มายังเมืองชางชิ่งแล้วขอรับ ข้าน้อยไม่ทราบว่า จ าเป็นต้องเข้าเมืองชางชิ่งไปป้องกันที่แม่น้ าของเมือง จนกว่ากองทัพเสริมจากด่านจื่อจิงจะมาถึงหรือไม่”
เยี่ยหลีส่ายหน้าและพูดด้วยรอยยิ้ม “ไม่จ าเป็น เหอซู่ เจ้าจงฟังให้ดี รีบน าคนออกจากค่ายไปยั่วยุฝ่าย ศัตรูก่อนที่กองทัพใหญ่เหรินฉีหนิงจะมาถึง แล้วเอาชนะ มาให้ได้สามครั้งเพื่อไล่กองทัพทหารให้อยู่ห่างออกไป สามสิบลี้”
แม้ว่าเหอซู่จะไม่เข้าใจว่าเยี่ยหลีต้องการท าเช่นนี้ เพื่ออันใด แต่ก็รู้ว่าพระชายามีความคิดอยู่ในใจ ไม่มีทาง พูดอย่างไร้จุดประสงค์แน่นอน จึงยืนขึ้นอย่างว่องไวและ พูด “ข้าน้อยน้อมรับบัญชา”
书呆子
หลังจากได้รับจดหมายตอบกลับจากราชินีเห่อห ลันแล้ว เหรินฉีหนิงก็รีบกลับไปที่เมืองชางชิ่ง ขณะที่เขา เพิ่งมาถึงใกล้เมืองชางชิ่งก็ได้รับรายงานสถานการณ์การ รบด้านหน้าว่า ทัพใหญ่ของตนที่มีก าลังทหารมากกว่า ศัตรู ท าศึกพ่ายแพ้สามครั้งติดต่อกันจนต้องล่าถอยไป ไกลหลายสิบลี้ จึงจ าต้องให้ทหารเปิ่ยจิ้งห้าหมื่นนายที่ รักษาการณ์อยู่ที่เมืองหลวงออกรับหน้าศัตรู ถึงไม่ได้รับ ความเสียหายมากไปกว่านี้
เหรินฉีหนิงก็รู้ดีว่าทหารของตนมีฝีมือเพียงใด จึง สั่งให้กองทัพใหญ่เป่ยจิ้งเพียงสองแสนกว่านายอยู่เป็น แนวหน้า ส่วนกองทัพใหญ่หลายหมื่นนายที่เฝ้าอยู่ ด้านหลังก็เข้าไปร่วมกันโจมตีทหารกบฏ เพื่อแย่งเมือง ชางชิ่งกลับคืนมาให้ได้ แต่นึกไม่ถึงว่า นี่กลับเป็นอุบาย ที่เยี่ยหลีและราชินีเห่อหลันวางเอาไว้ หลังจากกองทัพ ใหญ่เกือบสามแสนนายสู้รบกันไปมา ไม่เพียงแต่พวกเขา
书呆子
จะไม่ได้สังหารทหารกบฏให้สิ้นซาก แต่เมื่อกองทัพใหญ่ เป่ยจิ้งเหล่านี้เห็นสัญญาณธงของกองทัพจงหยวนที่ไม่ อาจเข้าใจได้แล้ว ฝ่ายตรงข้ามกลับดาหน้ากันเข้ามา สังหารพวกของตนจนกองทัพแตกกระเจิง
ช่วงเวลาเดียวกัน เหรินฉีหนิงที่ยังคงไม่เข้าใจ สถานการณ์ก็โกรธจนตาแทบถลน ความเดือดดาลพลุ่ง พล่านขึ้นมาทันใด เหรินฉีหนิงที่เดิมทีนั่งอยู่บนหลังม้า ก็ เซตกลงมา ถ้าไม่ใช่เพราะองครักษ์ข้างกายจับตัวเขากลับ ขึ้นไปทัน เกรงว่าเขาคงไม่ทันได้ถูกทหารศัตรูฆ่าตาย แต่ คงถูกเหยียบตายจากกองทัพที่วุ่นวายเสียก่อนแล้ว
“ท าไม!” เมื่อเห็นราชินีเห่อหลันในชุดสีสด ท่าทาง องอาจสง่างาม ปรากฏตัวขึ้นที่ด้านหน้ากองทัพใหญ่ เห รินฉีหนิงก็ถามขึ้นด้วยความฉุนเฉียว เขาไม่เชื่อว่าตัวเอง จะถูกสตรีที่ไม่เคยอยู