ชายาเคียงหทัย - ตอนที่ 360-4 เหรินฉีหนิงตกหลุมพรำง กองทัพเป่ยจิ้ง แปรพักตร์
ราชินีเห่อหลันสะบัดแส้เร่งควบม้าขึ้นหน้าไปด้วย ความรวดเร็ว ใบหน้าพริ้มเพราเต็มไปด้วยความดูถูก เหยียดหยาม “ท าไมน่ะหรือ แน่นอนว่าเพื่อชีวิตวีรบุรุษ แห่งเป่ยจิ้ง และเพื่อแก้แค้นให้กับญาติผู้พี่และน้าเขยข้า อย่างไร เหรินฉีหนิง เจ้าคิดว่าเจ้าจะเป็นใครกัน หลังจาก ที่ใช้ประโยชน์คนในเป่ยจิ้งของข้าแล้ว เจ้ายังคิดว่าจะ หลบหนีไปได้อย่างลอยนวลอีกหรือ นับตั้งแต่เจ้าปรากฏ ตัวขึ้นที่เป่ยจิ้ง แม่ทัพนายกองเมืองเป่ยจิ้งเสียชีวิตใน สงครามไปเท่าใดแล้ว จ านวนคนที่เหลืออยู่ในตอนนี้มีไม่ ถึงสามแสนนาย แล้วข้าจะปล่อยให้เจ้าใช้ต่อไปจนหมด เพื่อให้เป่ยจิ้งของข้าล่มสลายหรือไร”
ทหารเป่ยจิ้งที่ข้ามด่านเข้ามามีอยู่เจ็ดแสนกว่านาย ราษฎรในเป่ยจิ้งแต่เดิมก็มีไม่มาก นายทหารเจ็ดแสนนาย
书呆子
นับเป็นเก้าส่วนของคนหนุ่มสาวทั้งเป่ยจิ้ง และในตอนนี้ กลับตายไปแล้วมากกว่าครึ่ง หากปล่อยให้เหรินฉีหนิงใช้ นายทหารสามแสนกว่านายนี้ต่อไปอย่างสิ้นเปลืองจน หมด แม้ว่าจะรวบรวมผืนแผ่นดินของเมืองต่างๆ ให้เป็น แว่นแคว้นเดียวกันได้แล้วจะมีประโยชน์อันใด สิ่งที่รอ คอยเป่ยจิ้งอยู่มีเพียงแค่การล่มสลาย แค่เพียงยามนี้คิด อยากจะฟื้นฟูจ านวนราษฎรและก าลังพลในยามนี้ ก็เกรง ว่าจะต้องใช้เวลาอีกนับสิบปี
“เห่อหลัน!” เหรินฉีหนิงขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วย ความเคียดแค้น
ราชินีเห่อหลันแค่นหัวเราะ สะบัดแส้ในมือชี้ไปทาง เหรินฉีหนิง พลางเอ่ยยิ้มๆ “ข้าต้องการพาคนหนุ่มของ เป่ยจิ้งกลับบ้าน ท่านจะเกลียดก็ไปเกลียดพระชายาติ้ง อ๋องเถิด ทั้งหมดล้วนเป็นความคิดของนางทั้งสิ้น ส่ง สัญญาณให้เหล่าทหารถอยทัพ!”
书呆子
เสียงท่วงท านองโบราณและเรียบง่ายของแตรเขา สัตว์ดังก้องไปทั่วสนามรบ แม่ทัพนายกองเป่ยจิ้งค่อยๆ ถอยร่นออกจากสนามรบไปยังทิศตะวันออกเฉียงเหนือ เห่อหลันที่อยู่ไกลๆ มองไปที่เหรินฉีหนิงด้วยความพึง พอใจเมื่อเห็นว่าเป็นไปตามที่คิดเอาไว้ สีหน้ามีแววยั่วยุ อยู่หลายส่วน “ท่านกล้าตามไปหรือไม่”
เหรินฉีหนิงกัดฟัน มุมปากที่ปิดสนิทกลับมีเลือด ไหลรินออกมามากกว่าเดิม แต่ดวงตากลับท าได้เพียงแค่ มองราชินีเห่อหลันจากไปพร้อมกับเสียงหัวเราะ
“ถอยทัพ กลับค่าย!”
“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท”
พรวดดด! เหรินฉีหนิงกระอักเลือดค าโตออก มาแล้วหงายหลังล้มลงกับพื้น จมลงสู่ความมืดมิด
书呆子
เหรินฉีหนิงถูกคนกลุ่มหนึ่งชิงตัวกลับมายังค่าย ใหญ่ ผ่านไปกว่าครึ่งชั่วยามถึงจะฟื้นคืนสติขึ้นมา ทุกคน ในกระโจมพากันชะโงกหน้าเข้าไปดู “ฝ่าบาท! พระองค์ เป็นอย่างไรบ้างพ่ะย่ะค่ะ”
“เห่อหลัน! เจ้ามันผู้หญิงแพศยา! ข้าขอสาบานว่า จะสับเจ้าออกเป็นหมื่นๆ ชิ้น!” เหรินฉีหนิงเอ่ยขึ้นด้วย ความเคียดแค้น
แม่ทัพนายกองต่างมองหน้ากันไปมาอย่างไม่รู้ว่า ควรจะท าเช่นไรดี ท่ามกลางความสับสนวุ่นวายภายใน กองทัพเมื่อครู่นี้ แม่ทัพนายกองของชนเผ่าเป่ยจิ้งมีท่าที ต่อต้านขึ้นมา คนจ านวนมากล้วนไม่ทันได้ท าความเข้าใจ ให้ชัดเจนว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่ เหรินฉีหนิงกัดฟัน เอ่ย “เห่อหลัน หญิงแพศยาผู้นั้นสมคบคิดกับต าหนักติ้ง อ๋องมานานแล้ว นางก าลังรอให้ข้าเคลื่อนทัพกลับราช
书呆子
ส านักแล้วโน้มน้าวเหล่าแม่ทัพนายกองเป่ยจิ้งพวกนั้น ทั้งหมด”
“นี่มัน…ฝ่าบาท หากว่าทหารเป่ยจิ้งเห็นพวกเรา เป็นศัตรูขึ้นมาจริงๆ เราควรจะท าเช่นไรเล่าพ่ะย่ะค่ะ” แค่มีต าหนักติ้งอ๋องจับจ้องอยู่ตาเป็นมันก็ท าให้ผู้คนรู้สึก ถึงแรงกดดันอันไร้เทียมทานแล้ว ถ้าหากเหล่าทหารเป่ ยจิ้งหันกลับมาโจมตีอีก ต้องรู้ก่อนว่า ไม่มีใครเข้า ใจความดุร้ายของชาวเป่ยจิ้งไปมากกว่าพวกเขาเหล่านี้ อีกแล้ว สองปีมานี้ หากไม่ใช่เพราะบีบบังคับให้เหล่า ทหารเป่ยจิ้งออกรบเป็นแนวหน้ามาตลอด พวกเขาที่เพิ่ง เกณฑ์ไพร่พลมาเป็นทหารได้ล้านนายจะกดดันต้าฉู่จนมา จนถึงขั้นนี้ได้อย่างไรกัน
เหรินฉีหนิงลุกขึ้นนั่ง หลายวันนี้ในใจมีเรื่องราว มากมายกดทับเอาไว้ ก่อนหน้านี้เขากระอักเลือดค าโต ออกมาที่สนามรบ ท าให้ใจกลับสงบลงไม่น้อย ยิ้มเย็น
书呆子
พลางเอ่ยว่า “กล้าที่จะลอบเล่นสกปรกกับข้า เห่อหลัน จะต้องไม่ใช่คนโง่อย่างแน่นอน หากว่านางน าทหารไม่ถึง สามแสนนายนั่นเข้าร่วมสงครามระหว่างข้ากับต าหนักติ้ง อ๋อง ทหารเป่ยจิ้งหลายแสนนายของนางคงพากลับไป ไม่ได้แม้สังคน อีกไม่กี่วัน นางจะต้องกลับออกไปแน่ๆ” เมื่อเอ่ยถึงเห่อหลัน แววตาเหรินฉีหนิงก็ปรากฏความ เคียดแค้นอย่างอดไม่อยู่ เขาอาศัยราชินีองค์ก่อนที่เป็น ญาติผู้พี่ของเห่อหลันในการก่อสร้างแว่นแคว้น แต่กลับ คิดไม่ถึงว่าจะถูกท าลายลงด้วยเงื้อมมือของเห่อหลัน ราชินีองค์ปัจจุบันของตนเอง
“ส่งคนไปตรวจสอบให้ละเอียด ผู้ที่คนของ ต าหนักติ้งอ๋องที่ดูแลเรื่องนี้เป็นใครกันแน่ ถึงคิดแผนการ เช่นนี้ออกมาได้ คนที่สามารถร่วมมือกับเป่ยจิ้งได้จะต้อง ไม่ใช่แค่นายทหารตัวเล็กๆ ทั่วไปเป็นแน่” เหรินฉีหนิงสั่ง การ “การสอดแนมแบบเดิมนั้นไม่สามารถใช้ได้อีกแล้ว
书呆子
เกรงว่าคงจะถูกคนควบคุมตัวเอาไว้ได้ตั้งแต่แรกแล้ว พวกเจ้าไปจัดการวางต าแหน่งคนใหม่อีกครั้งก็แล้วกัน”
“พ่ะย่ะค่ะ” ผู้ใต้บังคับบัญชาประสานมือรับค าสั่ง แล้วหมุนกายจากไป
“พระองค์คิดว่าผู้ที่มาเยือนในครั้งนี้เป็นใครหรือพ่ะ ย่ะค่ะ” คนสนิทที่ยืนอยู่ข้างเตียงเอ่ยถามด้วยความ ระมัดระวัง
เหรินฉีหนิงเอ่ยเสียงเยียบเย็น “ผู้ที่มีความสามารถ ใช้วิธีการแบบนี้ในต าหนักติ้งอ๋องนั้นมีไม่มาก โดยปกติ แล้วสวีหงอวี่และสวีหงเยี่ยนจะไม่ไปจากซีเป่ย ในยาม นี้ม่อซิวเหยาก็ก าลังท าศึกอยู่กับแคว้นเป่ยหรง เรื่องใน ครั้งนี้ ไม่ใช่สวีชิงเฉินก็ต้องเป็นเยี่ยหลี!” เหรินฉีหนิงก้ม หน้าครุ่นคิดแล้วก็เอ่ยออกมาอย่างหนักแน่น “จะต้อง เป็นเยี่ยหลีแน่นอน! ตอนอยู่ที่เมืองหลีก็เป็นนางและนาง แพศยาเห่อหลันผู้นั้นที่ไปมาหาสู่กันบ่อยครั้ง” เหรินฉี
书呆子
หนิงเอ่ยออกมาด้วยความเจ็บปวดอย่างสุดซึ้ง คราแรก เขาแทบไม่ได้ระวังเห่อหลัน สตรีแพศยานางนั้นเลยสัก นิด ทั้งยังพานางไปถึงเมืองหลีและให้นางท าข้อตกลงกับ ต าหนักติ้งอ๋องภายใต้สายตาตัวเองจนส าเร็จอีกด้วย เพียงแต่เขาจะมาเสียใจเอาตอนนี้ก็สายไปเสียแล้ว
“ฝ่าบาท เช่นนั้นราชินีเห่อหลัน…”
“ฆ่า! ไม่ต้องค านึงถึงสิ่งใดทั้งสิ้น จะต้องไม่ให้นาง แพศยานั้นกลับไปยังเป่ยจิ้งทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่ได้อย่าง เด็ดขาด!” เหรินฉีหนิงสีหน้าดุร้าย น้ าเสียงเย็นยะเยือก จนท าให้กลุ่มคนที่อยู่ในกระโจมตัวสั่นระริก
ทุกคนล่าถอยออกไปเมื่อประชุมเสร็จสิ้น ภายใน กระโจมก็กลับคืนสู่ความสงบอีกครั้ง เหรินฉีหนิงเอนกาย พิงเข้ากับหัวเตียงแล้วหลับตาพักสมองด้วยความเหนื่อย ล้า เพียงแต่ไม่รู้ว่าเมื่อใดที่กล้ามเนื้อบนใบหน้าบิดเบี้ยว ไปด้วยโทสะที่พวยพุ่ง “ม่อซิวเหยา เยี่ยหลี! พวกเจ้ากล้า
书呆子
วางแผนตลบหลังข้าเช่นนี้ ข้าจะให้พวกเจ้ามียอมตายเสีย ดีกว่ามีชีวิตอยู่!”
เสียงค ารามด้วยความโกรธาของเหรินฉีหนิงดังขึ้น ภายในกระโจม อีกด้านหนึ่งภายในกระโจมของ ต าหนักติ้งอ๋องนั้นเต็มไปด้วยเสียงสรวลเสเฮฮาไม่ขาด สาย แม้ว่าก่อนหน้านี้ผู้น าชนเผ่าเป่ยจิ้งกับขุนนางเก่าแก่ ของราชวงศ์ก่อนจะต่อสู้กันจนแทบจะตายไปข้างหนึ่ง แต่ระหว่างนายทหารธรรมดานั้นกลับไม่ได้มีความเกลียด แค้นต่อกันลึกซึ้ง ในคราแรกที่เหรินฉีหนิงข้ามด่านมา เพื่อนการรวบอ านาจปกครองในอนาคตของตนแล้ว จึง ไม่ได้ปล่อยให้ทหารเข่นฆ่าชาวบ้านทั่วไปเหมือนที่เป่ย หรงท า จึงเป็นธรรมดาที่จะไม่ได้มีความแค้นลึกซึ้งอันใด กับชาวบ้าน สองปีมานี้เหล่าทหารจงหยวนมักจะเห็น เหล่าทหารเป่ยจิ้งน าทัพอยู่แนวหน้าทุกครั้ง จึงนับถือใน ความห้าวหาญที่ไม่ธรรมดาเป็นอย่างมาก ยามนี้เหล่า
书呆子
ทหารเป่ยจิ้งต่อต้านเหรินฉีหนิงเหมือนกันกับพวกเขา จึง ถือได้ว่าทุกคนยืนอยู่ฝ่ายเดียวกันแล้ว ไม่มีอันใดต้องพูด อีก
ภายในค่าย นอกจากนายทหารที่รักษาการณ์และ ลาดตระเวนตามกิจวัตรประจ าวันแล้ว ทุกคนไม่ว่าจะ เป็นชาวจงหยวนหรือชาวเป่ยจิ้งล้วนนั่งกินเนื้อร่ าสุรา ด้วยกัน ร้องเพลงไปพลางเต้นร าไปพลาง ครึกครื้นเสียยิ่ง กว่าในยามที่รบชนะการศึกเสียอีก ชาวเป่ยจิ้งที่ไม่ได้มี เจตนาจะเข้ามาเกี่ยวข้องกับศึกสงครามของจงหยวนนั้น ก็มีใจคิดอยากจะรีบเร่งเดินทางกลับบ้านอยู่นานแล้ว คืน นี้จึงถือเสียว่าเยี่ยหลีและต าหนักติ้งอ๋องจัดงานเลี้ยงส่ง ชาวเป่ยจิ้งกลับแคว้น
ภายในค่ายบริเวณพื้นที่กลางแจ้ง เยี่ยหลีน าคน ของต าหนักติ้งอ๋อง พร้อมด้วยแม่ทัพเป่ยจิ้งที่เป็นคนจง หยวนที่เพิ่งรับตัวกลับมาได้ไม่นานมานั่งร่ าสุราเลิศรสกับ
书呆子
พระบิดาของราชินีเห่อหลันที่ในยามนี้เป็นผู้น าของเป่ยจิ้ง ชาวเป่ยจิ้งเห็นว่าเจ้าบ้านต าหนักติ้งอ๋องท่านนี้คล้ายกับ จะบอบบาง แม้ว่าจะไม่ช่ าชองการร่ าสุรา แต่ก็จัดการ เรื่องราวได้อย่างเรียบร้อย ไม่เหมือนกับเหล่า ผู้ใต้บังคับบัญชาของเหรินฉีหนิงก่อนหน้านี้ที่หน้าเนื้อใจ เสือ ในท้องเต็มไปด้วยแผนการ ทั้งยังได้ยินมาอีกว่า ที่ เหล่าวีรบุรุษมากมายของเป่ยจิ้งสามารถถอยกลับออกมา จากสนามรบได้อย่างปลอดภัยทั้งหมดล้วนเป็นเพราะการ สนับสนุนของพระชายาติ้งอ๋อง จึงอดไม่ได้ที่จะมี ความรู้สึกดีๆ ให้กับพระชายาเอกชาวจงหยวนผู้นี้
ภายในงานเลี้ยงมีราชินีเห่อหลันและเยี่ยหลีที่เป็น สตรีอยู่เพียงสองคน ราชินีเห่อหลันนั้นไม่นั่งอยู่ใน ต าแหน่งของตัวเองแต่กลับไปร่วมเฮฮาอยู่ข้างกายเยี่ยหลี ในวันนี้เมื่อเห็นชาวเป่ยจิ้งทุกคนก าลังจะได้กลับบ้าน บน ใบหน้าพริ้มเพราของราชินีเห่อหลันจึงปรากฏความมี
书呆子
ชีวิตชีวาและผ่อนคลายด้วยความสบายใจอยู่หลายส่วน เทียบกันแล้วดูผ่อนคลายมากกว่ากาลก่อนมากนัก เหมือนกับเด็กสาวอายุสิบหกสิบเจ็ดที่ไร้ซึ่งทุกข์และกังวล คนหนึ่ง ไม่ใช่ราชินีแห่งเป่ยจิ้งที่บนไหล่ต้องแบกรับความ เป็นความตายของคนทั้งชนเผ่า แต่กลับต้องแสร้งท า ท่าทางหยิ่งผยองอีก