ชายาเคียงหทัย - ตอนที่ 360-5 เหรินฉีหนิงตกหลุมพรำง กองทัพเป่ยจิ้ง แปรพักตร์
“พระชายาติ้งอ๋อง การที่พวกข้าสามารถถอย ออกมานอกด่านเพื่อกลับบ้านเกิดได้อย่างปลอดภัยใน ครั้งนี้ต้องขอบคุณท่านมากจริงๆ มา…เห่อหลันขอดื่ม คารวะให้ท่านจอกหนึ่ง” ราชินีเห่อหลันเอ่ยกับเยี่ยหลี ยิ้มๆ พลางยกชามเหล้าในมือขึ้นมา
เยี่ยหลียกชามเหล้าขึ้นมาแล้วเอ่ยยิ้มๆ ว่า “ความสามารถในการร่ าสุราของข้าค่อนข้างอ่อนด้อย ดื่มได้เพียงแค่จอกนี้ จึงขอดื่มจอกนี้เพื่อเป็นการคารวะ” เมื่อเอ่ยจบก็เงยศีรษะดื่มเหล้าในชามรวดเดียวหมด ความร้อนแรงของสุรานั้นธรรมดาอย่างที่สุด แต่เมื่อไหล ลงท้องก็รู้สึกได้ถึงความรู้สึกร้อนวูบวาบ ใบหน้างดงามดั่ง หยกของเยี่ยหลีจึงปรากฏริ้วแดงขึ้นมาเล็กน้อย
书呆子
ราชินีเห่อหลันยักไหล่และดื่มสุราของตนจนหมด รวดเดียวเช่นกัน พร้อมกับเอ่ยยิ้มๆ “คนเช่นท่านนี่ ตรงไปตรงมาดีเสียจริง ช่างเป็นที่ชื่นชอบของพวกเราชาว เป่ยจิ้งนัก เสียก็แต่คออ่อนเกินไปเล็กน้อย”
“ราชินีเห่อหลัน…” เยี่ยหลียิ้มเจื่อนด้วยความจน ปัญญา ความสามารถในการร่ าสุราของนางท่ามกลาง เหล่าสตรีนั้นถือว่าไม่เลวแล้ว แต่เมื่อเทียบกับราชินีเห่อห ลันที่ร่ าสุรามาตั้งแต่เยาว์วัย จึงดูไม่ได้อยู่บ้าง
ราชินีเห่อหลันถลึงตาใส่นางอย่างไม่พอใจ “ข้า ไม่ใช่ราชินีอันใดทั้งนั้น ภูติผีเท่านั้นที่คิดอยากจะเป็น ราชินีไร้สาระอันใดนั่น! หลังจากนี้ข้าจะเป็นเพียงสตรี ผู้น าชนเผ่าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเป่ยจิ้ง!” แม้ว่าเป่ยจิ้งจะ เป็นสถานที่ของคนโหดเหี้ยมป่าเถื่อน แต่ก็ไม่ได้ให้ ความส าคัญเรื่องความแตกต่างระหว่างบุรุษและสตรีมาก นัก ยิ่งไม่มีการยกย่องบุรุษ ดูแคลนสตรี นับตั้งแต่กาล
书呆子
ก่อนจนถึงปัจจุบันภายในชนเผ่ามีผู้น าสตรีมาแล้วหลาย นาง และก็ไม่ได้ดีฐานะด้อยไปกว่าบุรุษ บิดาของราชินี เห่อหลันที่เป็นผู้น าเป่ยจิ้งในยามนี้ก็มีเห่อหลันเป็น บุตรสาวเพียงคนเดียว ซึ่งในครานี้ได้ทุ่มเทแรงกายแรงใจ เพื่อชนเผ่าไปมาก จึงเป็นที่แน่นอนแล้วว่านางสามารถ สืบทอดต าแหน่งเป็นผู้น าชนเผ่าคนถัดไปได้อย่างถูกต้อง ตามหลักท านองคลองธรรม
เยี่ยหลีเอ่ยยิ้มๆ “ได้ๆ ข้าผิดเอง องค์หญิงเห่อห ลัน?”
เห่อหลันที่ท าปากจู๋ถลึงตาใส่เยี่ยหลีอยู่ครู่หนึ่งถึง ได้ผงกศีรษะ พลางเอ่ยว่า “นี่ค่อยน่าฟังหน่อย” เมื่อเอ่ย จบแล้วก็หมุนกายไปดึงเหอซู่ ฉินเฟิงและคนอื่นๆ ที่นั่ง อยู่ด้านหลังเยี่ยหลีไปร่ าสุราต่อ เห็นได้ชัดว่ามีอาการมึน เมาอยู่สองส่วน
书呆子
พระบิดาของเห่อหลันที่นั่งอยู่อีกฟากหนึ่งซึ่งไม่ไกล จากเยี่ยหลีมากนักก็ได้ยินวาจาของบุตรสาวอย่างชัดเจน เช่นกัน จึงยกจอกเหล้าที่อยู่ในมือขึ้นอย่างจนปัญญา พร้อมกับเอ่ยยิ้มๆ “เห่อหลันถูกข้าประคบประหงมจน นิสัยเสียไปแล้ว พระชายาโปรดอย่าได้ถือสา”
“หามิได้ องค์หญิงเห่อหลันเฉลียวฉลาดและมีไหว พริบ ท่านผู้น าชนเผ่าช่างโชคดียิ่งนัก” แม้ว่าเยี่ยหลีจะได้ พบกับผู้น าชนเผ่าเป่ยจิ้งที่เข้ารับต าแหน่งนี้ชั่วคราวไม่กี่ ครั้ง แต่นางก็คิดว่าผู้ที่สามารถสั่งสอนบุตรสาวจนออกมา เป็นเช่นเห่อหลันได้นั้น จะต้องไม่ใช่คนโหดเหี้ยมป่าเถื่อน ที่มีนิสัยหยาบคายอย่างแน่นอน เกรงว่าความผิดพลาดที่ ร้ายแรงที่สุดของเหรินฉีหนิงก็คือ เขาดูแคลนชนเผ่าเป่ ยจิ้งว่าเป็นชนเผ่าป่าเถื่อนมากเกินไป ชาวเป่ยจิ้งสามารถ ช่วยเหลือเขาสร้างแว่นแคว้นได้ ก็สามารถท าให้เขาพ่าย แพ้ยับเยินได้เช่นกัน
书呆子
ผู้น าชนเผ่าทั้งรักและทะนุถนอมอวี๋เห่อหลาน บุตรสาวคนนี้มาก เมื่อได้ยินเยี่ยหลีชื่นชมนางก็ย่อมดีใจ มากเป็นธรรมดา จึงแหงนหน้าหัวเราะเสียงดังและดื่ม สุราติดต่อกันหลายจอก
ผ่านไปไม่นาน เมื่อเหล่าบุรุษในกองทัพเห็นผู้น าชน เผ่าของตนนั่งอยู่อย่างสบายใจ ทุกคนก็พากันเฮฮา ครึกครื้นขึ้นมา บรรยากาศภายในค่ายทหารจึงครื้นเครง มากขึ้นกว่าเดิม
“พระชายาติ้งอ๋อง พวกข้าน้อยได้ยินมานานแล้วว่า กองทัพตระกูลม่อเก่งกาจสามารถในด้านการรบ แต่ละ คนล้วนมีฝีมือไม่ธรรมดา จึงอยากจะแลกเปลี่ยนวิทยา ยุทธ์กับพี่น้องกองทัพตระกูลม่อดูสักครา ขอใพระชายา ติ้งอ๋องได้โปรดอนุญาตด้วย” บุรุษหนุ่มที่นั่งอยู่ท่ามกลาง แม่ทัพเป่ยจิ้งคนหนึ่งลุกขึ้นเอ่ยเสียงดัง
书呆子
เมื่อได้ยินเช่นนั้น บุคคลอื่นๆ นัยน์ตาพลันเป็น ประกาย กองทัพตระกูลม่อมีชื่อเสียงเก่งกล้าสามารถใน ด้านการรบมายาวนานสองร้อยปีแล้ว สามารถกล่าวได้ว่า มีน้อยครั้งที่จะพ่ายแพ้ บางทีกองทัพตระกูลม่ออาจจะ ไม่ใช่กองทัพที่กล้าแกร่งห้าวหาญที่สุดในใต้หล้า แต่ก็เป็น กองทัพที่ผ่านประสบการณ์มาเป็นเวลายาวนานที่สุดและ ยังคงด ารงความเหี้ยมหาญเอาไว้ได้จนถึงท าวันนี้ แรกเริ่ม เดิมทีนักรบที่เลื่องชื่อในประวัติศาสตร์ล้วนเป็นผู้มีความ ห้าวหาญไม่ธรรมดา แต่หลังจากผ่านช่วงเวลาแห่งความ เกรียงไกรมาแล้ว ก็มีจ านวนมากที่กลายเป็นนักรบที่ฝีมือ ด้อยลง เพราะเสพสุขเพลิดเพลินไปกับต าแหน่งขั้นสูง หรือเนื่องด้วยเหตุผลอื่นๆ แต่เฉกเช่นกองทัพตระกูลม่อ นั้น กลับได้ยินเรื่องที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนนั่นก็คือ ตลอด สองร้อยปีมานี้ กองทัพตระกูลม่อยังคงให้ความส าคัญกับ แผ่นดินบ้านเกิด หลังจากถูกฮ่องเต้ราชวงศ์ต้าฉู่กดขี่
书呆子
สารพัด ก็ยังคงความเก่งกล้าและเอาชนะผู้คนมาได้อย่าง มากมาย
บุรุษเป่ยจิ้งนิยมชมชอบเรื่องการต่อสู้ใช้ก าลัง ประจวบเหมาะกับช่วงเวลานี้มีแม่ทัพของกองทัพ ตระกูลม่ออยู่ข้างๆ พวกเขาจึงไม่ยินยอมที่จะปล่อยให้ โอกาสในการแลกเปลี่ยนวิทยายุทธ์ครั้งนี้ผ่านไปเป็น ธรรมดา
เยี่ยหลีมีท่าทีล าบากใจอยู่บ้าง คนของต าหนักติ้ง อ๋องทุกคนที่อยู่ในลาน มีเพียงแค่ฉินเฟิงกับเหอซู่ที่เคยน า ทหาร แต่สองคนนี้ไม่ว่าคนใดเป็นผู้ลงมือกับชาวเป่ยจิ้งก็ ล้วนเป็นเรื่องไม่ยุติธรรม พวกเขา หากไม่ใช่เกิดมาเพื่อ เป็นองครักษ์ลับก็เป็นหน่วยเฮยอวิ๋นฉี และล้วนผ่านการ ฝึกฝนของหน่วยกิเลนที่เรียกได้ว่าเป็นปีศาจมาแล้ว แค่ เรื่องพละก าลังเพียงด้านเดียว ก็สามารถฆ่าแม่ทัพเป่ยจิ้ง ทุกคนในลานได้ภายในเสี้ยววินาทีแล้ว
书呆子
เมื่อองค์หญิงเห่อหลันได้ยินเรื่องการต่อสู้ นัยน์ตาก็ เป็นประกายขึ้นมาทันที นางรีบวิ่งไปยืนอยู่หน้าเยี่ยหลี และเอ่ยยิ้มๆ ว่า “พระชายาติ้งอ๋อง ท่านรับปากพวกเขา เถิดนะ ข้าก็อยากเห็นว่าแม่ทัพต าหนักติ้งอ๋องของพวก ท่านจะเก่งกาจเพียงใด”
เยี่ยหลีมองนาง ยิ้มให้อย่างจนปัญญา องค์หญิง เห่อหลันก็ไม่ใส่ใจ ดึงแส้อ่อนนุ่มที่อยู่ตรงเอวออกมาแล้ว ชี้ไปที่เหอซู่ พร้อมเอ่ยว่า “เจ้าเป็นแม่ทัพของกองทัพ ตระกูลม่อใช่หรือไม่ ข้ามาขอค าแนะน าเกี่ยวกับเคล็ดลับ วิทยายุทธ์อันสูงส่งจากเจ้า!”
เหอซู่ตกตะลึง คนของต าหนักติ้งอ๋องล้วนมีข้อเสีย ที่ค่อนข้างแปลกประหลาดอยู่ข้อหนึ่งนั่นคือ พวกเขาจึง ไม่เคยดูแคลนสตรี เพราะพวกเขาเคยเห็นความสามารถ ของเยี่ยหลีมาแล้ว แต่พวกเขาก็รู้สึกว่าในใต้หล้านี้ นอกจากเยี่ยหลีแล้ว ก็ไม่มีสตรีคนใดที่สามารถน ามา
书呆子
เปรียบเทียบกับนางได้อีก ถ้าหากว่าตนเองลงมือกับองค์ หญิงเห่อหลันผู้นี้ ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะ เกรงว่ากลับไปคง ถูกเจ้าพวกไร้ยางอายพวกนั้นหัวเราะเยาะใส่แน่ๆ
“องค์หญิงเห่อหลัน นี่…”
องค์หญิงเห่อหลันเชิดคางขึ้น เอ่ยว่า “นี่อะไร? ข้า ท้าทายเจ้าด้วยความเป็นธรรมและเปิดเผย เจ้าดูแคลน ข้าเช่นนั้นหรือ”
เหอซู่เหลือบมองไปทางเยี่ยหลีที่นั่งอยู่แวบหนึ่ง แต่ กลับพบว่านางก าลังก้มหน้าครุ่นคิดด้วยสีหน้าสงบนิ่ง คล้ายกับว่าไม่เห็นสายตาขอความช่วยเหลือจากตน อย่างไรอย่างนั้น จึงอดไม่ได้ที่จะยิ้มเจื่อนๆ ดูท่าพระ ชายาคงจะไม่สมัครใจช่วยตนแก้ปัญหาแน่แล้ว
จั๋วจิ้ง หลินหาน ฉินเฟิง และคนอื่นๆ ที่นั่งอยู่ ด้านข้างก็พากันส่งสายตาตัวใครตัวมันมาให้ องค์หญิงเป่
书呆子
ยจิ้งพระองค์นี้ไม่อาจหาเรื่องด้วยได้ หากชนะก็เป็นการ รังแกสตรี หากแพ้เช่นนั้นกระทั่งสตรีก็ยังสู้ไม่ได้
“ในเมื่อเป็นเช่นนั้น เชิญองค์หญิงพ่ะย่ะค่ะ” เหอซู่ ลุกขึ้นประสานมือ พลางเอ่ย