ชายาเคียงหทัย - ตอนที่ 361-1 ควำมพ่ำยแพ้ของกองทัพเป่ยจิ้ง กำร ตำยของเหรินฉีหนิง
เมื่อเหอซู่ตอบรับค าท้าขององค์หญิงเห่อหลันแล้ว ก็ไม่พูดอันใดให้มากความ ลุกขึ้นเดินไปยังลานว่างตรง กลางทันที องค์หญิงเห่อหลันที่เห็นการกระท าอันฉับไว ของเขาก็เดินตามไปด้วยความยินดี
เหอซู่ประสานมือเอ่ย “องค์หญิง เพียงแค่แตะโดน อีกฝ่ายก็เพียงพอ ไม่จ าเป็นต้องลงมือถึงขั้นเป็นอันตราย ต่ออีกฝ่ายนะพ่ะย่ะค่ะ”
องค์หญิงเห่อหลันตอบเขากลับด้วยการตวัดแส้ใส่ อย่างดุร้ายครั้งหนึ่ง “ชาวจงหยวนเช่นพวกเจ้าพูดจาไร้ สาระกันมากมายเสียจริง!” แส้อ่อนนุ่มยาวเฟื้อยสะบัดมา ทางเหอซู่อย่างรุนแรงและไร้ซึ่งความปรานี เหอซู่เป็นถึง องครักษ์ลับ อีกทั้งยังเป็นหัวหน้าสี่องครักษ์ลับข้าง กายเยี่ยหลี รวมถึงเป็นคนกลุ่มแรกที่เยี่ยหลีฝึกฝนให้ด้วย
书呆子
ตนเอง ทั้งยังเป็นทหารอาชีพมานานเกือบสิบปี ความสามารถที่ผ่านการขัดเกลามาเช่นนี้ หากถูกองค์ หญิงเห่อหลันฟาดถูกเข้า เหอซู่คงไม่ต้องน าทัพไปสู้รบ แล้ว ถอดเกราะเหล็กกลับบ้านเกิดไปได้เลย
เหอซู่ไม่แม้แต่จะขยับอาวุธก็สามารถเอียงกายหลบ การโจมตีอันรุนแรงขององค์หญิงเห่อหลันได้อย่างสบายๆ องค์หญิงเห่อหลันรู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง ถึงนางจะ ไม่ได้หลงตนเอง คิดว่าตนสามารถต่อกรกับ ผู้ใต้บังคับบัญชาที่เป็นแม่ทัพของเยี่ยหลีได้ แต่การที่ฝ่าย ตรงข้ามหลบเลี่ยงแส้ของนางไปได้โดยไม่แม้แต่จะลงมือ เลยสักนิดนั้น ก็ไม่ได้อยู่ในการคาดการณ์ของนางอย่าง เห็นได้ชัด นางจึงส่งเสียงหึเบาๆ พร้อมเอ่ยยิ้มๆ ว่า “ยอดเยี่ยมจริงๆ มาลองกันอีกสักตั้ง ข้าอยากเห็นว่าเจ้า จะหลบไปได้อย่างไร!”
书呆子
องค์หญิงเห่อหลันไม่ท าการหยั่งเชิงอีกต่อไป แส้ ยาวในมือสะบัดไปทางเหอซู่ราวกับอสรพิษเหนือนภา เห อซู่หลบแส้ขององค์หญิงเห่อหลันด้วยมือเปล่าโดยการ ถอยหลังไปก้าวหนึ่ง ทั้งสองฝ่ายเริ่มแลกเปลี่ยนฝีมือกัน บนพื้นที่ว่าง พริบตาเดียวก็ผ่านไปถึงห้าสิบกระบวนท่า เมื่อเหอซู่รู้สึกว่าไว้หน้าองค์หญิงพระองค์นี้มากพอแล้ว จึงแค่นเสียงหึๆ เบา มองผ่านเงาแส้ขององค์หญิงเห่อห ลันที่ตามพัวพันอยู่แล้วคว้าแส้ยาวอีกด้านเอาไว้มั่น เพียง แค่ออกแรงกระตุกเล็กน้อย แส้เส้นยาวในมือขององค์ หญิงเห่อหลันก็ถูกเหอซู่ชิงเอาไปได้
ทุกคนที่อยู่ในลานล้วนส่งเสียงโห่ร้อง เหอซู่ที่ชิงเอา แส้เส้นยาวมาได้เดินไปหยุดอยู่เบื้องหน้าองค์หญิงเห่อห ลัน พร้อมเอ่ยว่า “ข้าน้อยฝีมือต่ าต้อย แส้ขององค์หญิง พ่ะย่ะค่ะ”
书呆子
องค์หญิงเห่อหลันมองประเมินเขาขึ้นๆ ลงๆ อยู่ หลายรอบ “แม่ทัพกองทัพตระกูลม่อเก่งกล้าสามารถ อย่างที่คิดเอาไว้จริงๆ เห่อหลันนับถือ” เมื่อรับแส้กลับ มาแล้วจึงเดินกลับไปนั่ลงงข้างกายเยี่ยหลี ไม่ตามตอแย อีก
เหล่าแม่ทัพที่รับชมการต่อสู้อยู่ก็มองออกว่าเหอซู่อ อมมือให้ ด้านหนึ่งก็นึกนับถือวิทยายุทธ์ของเหอซู่ อีก ด้านหนึ่งก็มีความต้องการที่จะประมือด้วยมากกว่าเดิม บุรุษหนุ่มที่ขอร้องเยี่ยหลีก่อนหน้านี้เป็นคนแรกที่ก้าว ออกมายื่นค าท้ากับเหอซู่ ประมือกับสตรีนั้นไม่สะดวก ประมือกับบุรุษนั้นมิมีอันใดต้องพะวง เหอซู่จึงรับค าท้า ของเขาอย่างรวดเร็ว จากนั้นทั้งสองคนก็เริ่มประมือกัน บนลานโล่งอีกครั้ง
แม้ว่าโดยทั่วไปชาวเป่ยจิ้งจะไม่ได้ฝึกฝนก าลัง ภายใน แต่พละก าลังภายนอกและร่างกายอันแข็งแกร่ง
书呆子
ทรงพลังนั้นยากที่ชาวจงหยวนจะเทียบเคียงได้ เหอซู่จึง เริ่มมีท่าทีให้ความสนใจขึ้นมา และไม่ได้ใช้ก าลังภายใน อาศัยเพียงกระบวนท่าที่ทหารมักจะใช้กันบ่อยที่สุดใน การประมือกับเขา ทั้งสองฝ่ายประมือกันอย่างดุเดือด เป็นธรรมดาที่จะไม่สามารถน าไปเปรียบเทียบกับการ ประมือกับองค์หญิงเห่อหลันเมื่อครู่นี้ได้ หมัดไปเท้ามา จนทุกคนที่รับชมอยู่รอบข้างต่างเลือดในการเดือดพล่าน เต็มไปด้วยเสียงตะโกนโห่ร้อง
เหอซู่ประมือกับบุรุษชาวเป่ยจิ้งติดกันห้าหกคนก็ ยังไม่ได้ดูด้อยไปกว่าอีกฝ่าย หลังจากนั้นฉินเฟิง หลิน หาน จั๋วจิ้งและคนอื่นๆ ก็ทยอยกันลงสนาม ฝีมือแต่ละ คนแทบจะไม่เป็นรองเหอซู่ ไม่ใช่เพียงเหล่าแม่ทัพเป่ยจิ้ง ที่รับชมอยู่ที่รู้สึกนับถือเท่านั้น แม่ทัพจงหยวนอย่างพวก เขาก็ตกตะลึงเป็นอย่างมากเช่นกัน แค่เหล่า ผู้ใต้บังคับบัญชาหนุ่มไร้ชื่อที่เป็นแม่ทัพยังเก่งกาจเช่นนี้
书呆子
แล้วนักรบที่มีชื่อเสียงเหล่านั้นจะองอาจน่าเกรงขาม เพียงใดกัน พวกเขาจึงอดยินดีที่ยอมกลับมายังต าหนักติ้ งอ๋องอย่างเสียมิได้ ความสามารถเช่นนี้ เหรินฉีหนิงจะไม่ พ่ายแพ้ได้หรือ จ าต้องกล่าวว่า ความจริงแล้วนี่เป็นการ เข้าใจผิดที่งดงามอย่างหนึ่ง ในบรรดาสี่คนนี้ นอกจาก เหอซู่แล้ว ความสามารถในการน าทัพไปออกศึกของคน อื่นๆ เกรงว่าคงจะไม่ได้เก่งกาจไปกว่าบรรดาแม่ทัพ ระดับสูงเหล่านี้เท่าใดนัก แต่ในเรื่องวิทยายุทธ์ พวกเขา นั้นกลับสามารถติดสิบอันดับแรกของทั้งต าหนักติ้งอ๋อง และกองทัพตระกูลม่อได้เลยทีเดียว
เช้าตรู่ ห่างไปทางทิศตะวันออกห้าสิบลี้นอกเมือง ชางชิ่ง เหล่าทหารเป่ยจิ้งสามแสนนายที่อยู่ภายใต้การน า ของผู้น าชนเผ่าเป่ยจิ้งได้มุ่งหน้าไปยังทิศเหนือ พวกเขา จะออกจากด่านทางทิศนั้น หลังจากนั้นก็จะกลับไปยังผืน แผ่นดินอันคุ้นเคยที่เป็นของตนเอง นับตั้งแต่ที่เหรินฉี
书呆子
หนิงปรากฏตัวบนผืนแผ่นดินเป่ยจิ้ง สิบปีมานี้เป่ยจิ้งเกิด ความเปลี่ยนแปลงขึ้นมากมาย พวกเขาเคยถูกความ ปรารถนาและความทะเยอทะยานท าให้สมองเลอะเลือน คิดฝันตามเหรินฉีหนิงว่าอยากจะสร้างแคว้นอันยิ่งใหญ่ สรรสร้างงานใหญ่ที่ไม่มีวันสล่มสลาย อยากให้ผืน แผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์ของทุกแคว้นกลายเป็นพื้นที่ล่า สัตว์ของประชาชนชาวเป่ยจิ้ง แต่พวกเขาก็ได้จ่าย ค่าตอบแทนอย่างมหาศาลแล้ว ภายในระยะเวลาสั้นๆ เพียงแค่สิบปี จากตอนแรกที่เป็นสงครามระหว่างชนเผ่า มาจนตอนนั้นที่ข้ามด่านเข้าไปท าศึกสงครามและ เผชิญหน้ากับกองทัพตระกูลม่อสองครั้ง จ านวนราษฎร ของเป่ยจิ้งก็ลดน้อยลงกว่าสิบปีก่อนถึงหกเท่า เหล่าคน หนุ่มก าย าแข็งแรงยิ่งน้อยลงมากกว่าเดิมถึงแปดเท่า ถ้า หากว่าพวกเขายังคงลุ่มหลงงมงาย ยืนกรานที่จะท า ผิดพลาดอย่างไร้สติต่อไป สิ่งที่รอพวกเขาอยู่ก็มีเพียงแค่ การล่มสลายของชนเผ่าเท่านั้น ดังนั้นตอนนี้พวกเขาจึง
书呆子
จ าต้องน าเหล่าบุรุษหนุ่มที่ยังเหลืออยู่กลับไปยังสถานที่ อันคุ้นเคยของตนเอง เริ่มต้นการใช้ชีวิตอันสงบสุขใหม่ อีกครั้ง บางทีผ่านไปอีกสิบกว่าปี เป่ยจิ้งอาจกลับมามี บุรุษหนุ่มมากมายเหมือนกับในกาลก่อน
“พระชายาติ้งอ๋อง พวกข้าไปก่อนล่ะ ครั้งนี้ต้อง ขอบคุณพวกท่านมาก บุญคุณอันยิ่งใหญ่ของต าหนักติ้ง อ๋อง พวกข้าชาวเป่ยจิ้งจะจดจ าเอาไว้ตลอดไป” องค์ หญิงเห่อหลันที่จูงม้าเดินมาอยู่กลางถนนเอ่ยขึ้นยิ้มๆ ด้วยความจริงใจ
เยี่ยหลียิ้มบางๆ เอ่ยว่า “ขอให้องค์หญิงเดินทาง ปลอดภัย เบื้องหลังยังมีเรื่องศึกสงคราม ขออภัยที่ข้าไม อาจไปส่งองค์หญิงได้ไกลกว่านี้”
องค์หญิงเห่อหลันยิ้ม พลางเอ่ยว่า “ไม่ต้องส่ง หรอก จงหยวนของพวกเจ้าน่าเที่ยวเล่นมาก ถึงคราวที่
书呆子
ไม่มีการศึกสงครามแล้ว ข้าจะมาเที่ยวเล่นหาเจ้านะ” เยี่ยหลีเอ่ยยิ้มๆ “ข้าจะรอ”
องค์หญิงเห่อหลันพลิกกายขึ้นม้า ประสานมือไป ทางเยี่ยหลี “ข้าไปล่ะ ใช่สิ พระชายาติ้งอ๋อง เหรินฉีหนิง ผู้นั้นใจคอคับแคบ มีแค้นต้องช าระ โหดเหี้ยมอ ามหิต ข้า จากไปแล้ว เขาจะต้องน าโทสะมาระบายลงกับท่านอย่าง แน่นอน ท่านต้องระวังตัวให้มากนะ”
เยี่ยหลีพยักหน้ายิ้มๆ “ข้าทราบแล้ว องค์หญิง รักษาตัวด้วย”
องค์หญิงเห่อหลันผงกศีรษะ ดึงม้าให้หันหน้า เตรียมตามกองทัพใหญ่ที่อยู่เบื้องหน้าไป แต่ได้ยินเพียง แค่เสียงกรีดร้องดังมาจากที่ห่างไกล องค์หญิงเห่อหลัน หันกลับไปก็เห็นลูกธนูพุ่งแหวกลมหนาวตรงมาทางตน
“องค์หญิงระวัง!” เยี่ยหลีร้องขึ้น ขณะเดียวกัน ชายแขนเสื้อก็ขยับ แสงสีเงินบินฉิวออกมาจากปลายแขน
书呆子
เสื้อพุ่งไปทางลูกธนูดอกนั้น ในที่สุดลูกธนูก็ถูกกระแทก ให้หล่นลงก่อนที่จะถูกร่างขององค์หญิงเห่อหลัน
องค์หญิงเห่อหลันไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่ม้าที่อยู่ใต้ ร่างองค์หญิงเห่อหลันกลับตื่นตระหนก มันหวีดร้องเสียง แหลม ขาหน้ายกขึ้นสูง คิดจะสะบัดองค์หญิงเห่อหลันให้ ร่วงไปจากหลังของมัน ฉินเฟิงที่อยู่อีกด้านหนึ่งลอยตัวพุ่ง ไปด้านหน้า อุ้มองค์หญิงเห่อหลันลงมาจากหลังม้า พร้อมสะบัดฝ่ามือเข้าใส่ตัวม้า อาชาร่างใหญ่โตล้มฟุบลง ไปกองกับพื้นทันที แต่ไม่ถึงกับคร่าชีวิต เพียงแค่หมอบ อยู่กับพื้น สะบัดศีรษะไปมาอย่างไม่สบายใจเท่านั้น
องค์หญิงเห่อหลันที่ถูกฉินเฟิงอุ้มลงมายังคงอยู่ใน สภาวะตกตะลึง จึงอดถามออกมาด้วยความตกใจอย่าง เสียมิได้ว่า “นี่มันเรื่องอันใดกัน!”
“นางสารเลว มอบชีวิตของเจ้ามาเสีย!”
书呆子
เยี่ยหลีไม่ทันจะกลับไปถึงข้างกายองค์หญิงเห่อห ลัน คนชุดด าจ านวนนับไม่ถ้วนก็โอบล้อมเข้ามาแล้ว เยี่ย หลีมองอย่างสงบนิ่งแวบหนึ่ง พลางเอ่ยว่า “คนของเหริน ฉีหนิง!” องค์หญิงเห่อหลันบันดาลโทสะขึ้นมาในทันที ความเกลียดชังและโทสะที่นางมีต่อเหรินฉีหนิงนั้นไม่ได้ ยิ่งหย่อนไปกว่าที่เหรินฉีหนิงมีต่อนาง เดิมคิดแค่ว่าจะ ลวงเหรินฉีหนิงสักครั้งแล้วจะให้แล้วกันไป ถึงอย่างไร ต าหนักติ้งอ๋องก็จะจัดการเขาอยู่แล้ว ตนก็ไม่จ าเป็นต้อง ท าอันใดอีก ดีกว่าต้องมาสูญเสียเหล่าทหารเป่ยจิ้งไป อย่างไม่มีเหตุผล คิดไม่ถึงเลยว่าเหรินฉีหนิงถึงกับกล้าส่ง คนมาลอบสังหารตนได้
“คิดว่าข้ากลัวพวกเจ้าหรือ!” ครานี้องค์หญิงเห่อห ลันไม่ใช้แส้ นางดึงมีดสั้นที่เหน็บอยู่ตรงเอวน าองครักษ์ ข้างกายหลายนายพุ่งไปทางนักฆ่า เยี่ยหลีเอ่ยกับฉินเฟิง
书呆子
ที่อยู่ข้างกายว่า “อย่าให้ใครท าร้ายองค์หญิงเห่อหลันจน บาดเจ็บได้”